คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย ทรัพยวณิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบริษัทขนส่งต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากลูกจ้างขับรถประมาท และค่าเสียหายที่เหมาะสม
ลูกจ้างของบริษัทเดินรถโดยสาร เป็นสารวัตรควบคุมการเดินรถและตรวจตั๋วขับรถโดยประมาทในเส้นทางของบริษัทในทางค้าปกติเพราะคนขับไม่อยู่บริษัทต้องรับผิดในความเสียหายที่รถตก คนโดยสารต้องตัดแขนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 634 ต้องใช้ค่าเสียหายรวมถึงการที่โจทก์ได้รับความเสียหายต้องตัดข้อมือขวาใช้แขนเทียมแทนเสียความสามารถประกอบการงาน และความเสียหายที่มิใช่ตัวเงินด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกานี้วินิจฉัยว่าเมื่อลงโทษประหารชีวิตในความผิดกระทงหนึ่งแล้ว ยังสามารถลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกในกระทงความผิดอื่นได้
คดีอาญา ที่จำเลยกระทำความผิดหลายกระทง เมื่อวางโทษประหารชีวิตกระทงหนึ่งแล้ว ย่อมวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกในความผิดกระทงอื่นได้อีก (วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1445/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษอาญาหลายกระทง: ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกในความผิดอื่นได้ แม้ลงโทษประหารชีวิตไปแล้ว
คดีอาญาที่จำเลยกระทำความผิดหลายกระทง เมื่อวางโทษประหารชีวิตกระทงหนึ่งแล้ว ย่อมวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกในความผิดกระทงอื่นอีกได้ (วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2523)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1435/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิใช้สกุลบิดา: บุตรเกิดนอกสมรส บิดาแสดงตนและมีหลักฐานสนับสนุน
เด็กเกิดจากบิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายบิดาแสดงต่อสาธารณชนทั่วไปว่าเป็นบุตร มีสูติบัตรระบุชื่อบิดาเด็กนั้นมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของบิดา ไม่เป็นละเมิดต่อภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติด (เฮโรอีน) เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ การขายครั้งเดียวถือเป็นกรรมเดียว
การขาย มีไว้เพื่อขายซึ่งเฮโรอีน เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 20 ทวิ บทเดียวกัน จำเลยขายไปทีเดียวหมดเป็นความผิดกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การที่คลุมเครือถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพ หากโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลลงโทษตามฟ้องไม่ได้
คำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลมีความว่า "คดีนี้ข้อเท็จจริงจำเลยเป็นลูกจ้างตัดไม้ ได้อาศัยรถยนต์คันเกิดเหตุไป ในระหว่างจับกุมวัตถุระเบิดมีผู้ต้องหา 3 คนผู้ต้องหาอีก 2 คนบอกให้จำเลยรับสารภาพแล้วจะช่วยเหลือเรื่องเงินทอง ด้วยความไม่รู้เท่าถึงการจำเลยจึงได้รับสารภาพ ความจริงแล้วระเบิดทั้งสองลูกไม่ใช่ของจำเลย แต่เพื่อไม่ให้ยุ่งยากแก่คดีจำเลยขอรับสารภาพตลอดข้อหาไม่ขอต่อสู้คดี" ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำให้การที่รับสารภาพว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสซ้อนและโมฆะ: สิทธิของภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีการสมรสซ้ำ
ป. จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25เมษายน 2495 ต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์เมื่อวันที่15 ธันวาคม 2503 และจดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2507 วันที่ 24 มิถุนายน 2507ป. จดทะเบียนหย่ากับจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาวันที่ 5สิงหาคม 2507 ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 อีก และหลังจากนั้นคือวันที่ 30 ตุลาคม 2507 โจทก์กับ ป.จึงได้จดทะเบียนสมรสกันซ้ำอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 1เมษายน 2519 ป. ถึงแก่กรรมเช่นนี้การจดทะเบียนสมรสระหว่าง ป. กับโจทก์ครั้งแรกและระหว่าง ป. กับจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445(3) เพราะในขณะนั้น ป. เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 สำหรับจำเลยที่ 1 แม้จะปรากฏว่าได้จดทะเบียนหย่ากับ ป. ทำให้การสมรสขาดลง แต่ต่อมาก็ได้จดทะเบียนสมรสกันใหม่โดยสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการสมรสระหว่าง ป. กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้เป็นโมฆะมาตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนสมรสแล้ว การที่โจทก์มาจดทะเบียนสมรสกับ ป. ครั้งหลังอีกจึงเป็นโมฆะเพราะขณะนั้น ป. เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงเป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียวของ ป. มีอำนาจฟ้องขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับ ป. เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสซ้อนและโมฆะ: กรณีจดทะเบียนสมรสกับบุคคลหลายคนภายใต้สถานะสมรสเดิม
ป.จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2495 ต่อมาได้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2503 และจดทะเบียนสมรวกับจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2507 วันที่ 24 มิถุนายน 2507 ป.จดทะเบียนหย่ากับจำเลยที่ 1 แต่ต่อมาวันที่ 5 สิงหาคม 2507 ได้จดทะเบียนสมรสกับจำเลยที่ 1 อีก และหลังจากนั้นคือวันที่ 30 ตุลาคม 2507 โจทก์กับ ป.จึงได้จดทะเบียนสมรสกันซ้ำอีกครั้งหนึ่ง วันที่ 1 เมษายน 2519 ป.ถึงแก่กรรมเช่นนี้ การจดทะเบียนสมรสระหว่าง ป.กับโจทก์ครั้งแรกและระหว่าง ป.กับจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1445 (3) เพราะในขณะนั้น ป.เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 อยู่แล้ว จึงเป็นโมฆะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1490 สำหรับจำเลยที่ 1 แม้จะปรากฏว่าได้จดทะเบียนหย่ากับ ป.ทำให้การสมรสขาดลง แต่ต่อมาก็ได้จดทะเบียนสมกันกันใหม่โดยสมบูรณ์ ชอบด้วยกฎหมายเพราะการสมรสระหว่าง ป.กับโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้เป็นโมฆะมาตั้งแต่วันที่ได้จดทะเบียนสมรสแล้ว การที่โจทก์มาจดทะเบียนสมรสกับ ป. ครั้งหลังอีกจึงเป็นโมฆะเพราะขณะนั้น ป.เป็นคู่สมรสของจำเลยที่ 1 ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงเป็นภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียวของ ป. มีอำนาจฟ้องขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างโจทก์กับ ป.เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกรุงเทพมหานคร และการรับฟังพยานหลักฐานในข้อเท็จจริง
ในคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมิได้ฟังข้อเท็จจริงจากคำพยานบอกเล่าแต่ปากเดียว แต่รับฟังจากข้อเท็จจริงอื่นประกอบด้วย ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดต่อกฎหมาย
การฟ้องคดีต่อศาลให้ผู้ที่ทำทรัพย์สินของกรุงเทพมหานครเสียหายชดใช้ค่าเสียหายแก่กรุงเทพมหานครถือได้ว่าเป็นการบริหารราชการตามหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2518 ม.19(1) กรุงเทพมหานครโจทก์โดย ช. ผู้ว่าราชการ จึงมีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีขับไล่โดยอ้างสิทธิอื่นไม่ใช่กรรมสิทธิ์ตนเอง ถือเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละสองพันบาทจำเลยสู้ว่าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิมารดาและบิดาบุญธรรมของจำเลย ไม่ได้อยู่โดยอาศัยสิทธิโจทก์ ถือว่ามิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เพราะการกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องเป็นการกล่าวแก้ว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง(อ้างฎีกาที่ 1054/2509) จึงเป็นคดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแม้คู่ความอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ก็ไม่ทำให้คู่ความมีสิทธิฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 86