คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย ทรัพยวณิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งต้องเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ไม่เชื่อมโยงกัน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทรัพย์สินที่เช่าและเรียกค่าเสียหายเพราะครบกำหนดการเช่าตามสัญญาและโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่มีอำนาจฟ้อง. การบอกเลิกการเช่าไม่ชอบโจทก์ไม่เสียหาย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การโดยฟ้องแย้งมาในคำร้องว่า เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยออกจากที่ดิน โจทก์ต้องชดใช้ค่าถมที่ดินให้จำเลยเป็นเงิน 55,000 บาท กับให้โจทก์ใช้เงินที่ยืมจำเลยไปอีก 5,000 บาท ที่จำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การก็เพื่อให้ศาลสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินค่าถมที่ดินให้จำเลย เมื่อจำเลยต้องออกไปจากที่ดินนั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินยืมให้จำเลยก็เป็นเรื่องอื่นคำฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวข้องกันกับฟ้องเดิม พอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมฟ้องแย้งในคดีเช่า: ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมจึงจะรวมพิจารณาได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทรัพย์สินที่เช่าและเรียกค่าเสียหายเพราะครบกำหนดการเช่าตามสัญญาและโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยแล้วแต่จำเลยเพิกเฉยเสีย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่มีอำนาจฟ้องการบอกเลิกการเช่าไม่ชอบ โจทก์ไม่เสียหาย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การโดยฟ้องแย้งมาในคำร้องว่า เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยออกจากที่ดิน โจทก์ต้องชดใช้ค่าถมที่ดินให้จำเลยเป็นเงิน 55,000 บาท กับให้โจทก์ใช้เงินที่ยืมจำเลยไปอีก 5,000 บาท ที่จำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การก็เพื่อให้ศาลสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินค่าถมที่ดินให้จำเลย เมื่อจำเลยต้องออกไปจากที่ดินนั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินยืมให้จำเลยก็เป็นเรื่องอื่น คำฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวข้องกันกับฟ้องเดิม พอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมและลูกหนี้ตามคำพิพากษา: สิทธิในการร้องขอปล่อยจากการยึด และข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดิน
เมื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึด โดยจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึด จะร้องขอให้ปล่อยได้ก็แต่เฉพาะกรณีที่กล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ถูกยึด
การที่พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มาตรา 28 วรรคแรก บัญญัติว่าภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินตามมาตรา 25 ใช้บังคับ ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายด้วยประการใด ๆ หรือก่อให้เกิดภาระติดพันใด ๆ ซึ่งที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายนั้นมิได้เป็นการห้ามจำหน่ายโดยเด็ดขาด หากแต่มีการผ่อนคลายไว้ว่าถ้าได้รับอนุญาตก็ทำการจำหน่ายได้ ทั้งพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้บัญญัติว่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โจทก์จึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทมาขายทอดตลาดเพื่อเอาชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของร่วมและลูกหนี้ตามคำพิพากษา การยึดทรัพย์ในเขตปฏิรูปที่ดิน
เมื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินพิพาทที่โจทก์นำยึด โดยจำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึด จะร้องขอให้ปล่อยได้ก็แต่เฉพาะกรณีที่กล่าวอ้างว่าจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่ถูกยึด
การที่พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518มาตรา 28 วรรคแรก บัญญัติว่าภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินตามมาตรา 25 ใช้บังคับ ห้ามมิให้ผู้ใดจำหน่ายด้วยประการใด ๆ หรือก่อให้เกิดภาระติดพันใด ๆ ซึ่งที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากคณะกรรมการหรือผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายนั้น. มิได้เป็นการห้ามจำหน่ายโดยเด็ดขาดหากแต่มีการผ่อนคลายไว้ว่าถ้าได้รับอนุญาตก็ทำการจำหน่ายได้ ทั้งพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้บัญญัติว่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี โจทก์จึงมีสิทธินำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพิพาทมาขายทอดตลาดเพื่อเอาชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องการระบุพยาน ส่งผลให้ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานและยกฟ้อง
โจทก์ขอเลื่อนคดีครั้งแรกโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ต่อมาในวันนัดสืบพยานครั้งที่สอง ตัวโจทก์มาศาลแต่พยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์จะขอสืบตัวโจทก์ แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีกโดยไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลแสดงเหตุอันสมควรที่ไม่ได้ขอระบุพยานภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 มีผลห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ทั้งไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานตามมาตรา 87(2) ได้เหตุนี้จึงถือได้ว่าข้ออ้างของโจทก์ตามฟ้องรับฟังไม่ได้ ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการระบุพยานตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ส่งผลให้ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐาน
โจทก์ขอเลื่อนคดีครั้งแรกโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ต่อมาในวันนัดสืบพยานครั้งที่สอง ตัวโจทก์มาศาลแต่พยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์จะขอสืบตัวโจทก์ แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน โดยไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลแสดงเหตุอันสมควรที่ไม่ได้ขอระบุพยานภายในเวลา ที่กฎหมายกำหนด พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 มีผลห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ทั้งไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานตามมาตรา 87 (2) ได้ เหตุนี้จึงถือได้ว่าข้ออ้างของโจทก์ตามฟ้องรับฟังไม่ได้ ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของผู้ไม่รู้เห็นเป็นใจในความผิดตามกฎหมายอุทยานและสัตว์ป่า ศาลวินิจฉัยว่าต้องไม่ริบหากเจ้าของมิได้รู้เห็น
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 29 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 มาตรา 47ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2515 ข้อ 18 บัญญัติในทำนองเดียวกันว่า "บรรดาอาวุธเครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้นโดยมิต้องคำนึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่" นั้น แม้จะบัญญัติให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้ด้วยก็ตาม แต่มิได้บัญญัติมีข้อความระบุถึงกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีความมุ่งหมายให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วยหาได้ไม่ กรณีจึงตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงมีสิทธิร้องขออาวุธปืนของกลางคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์สินของผู้ที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำความผิดตามกฎหมายอุทยานและสัตว์ป่า
พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 มาตรา 29 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 มาตรา 47ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่228 ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2515 ข้อ 18 บัญญัติในทำนองเดียวกันว่า"บรรดาอาวุธเครื่องมือ เครื่องใช้ ฯลฯ ซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำความผิด ฯลฯ ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยมิต้องคำนึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่" นั้น แม้จะบัญญัติให้ริบทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้ด้วยก็ตาม แต่มิได้บัญญัติมีข้อความระบุถึงกรณีที่เจ้าของทรัพย์สินแท้จริงมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จะตีความว่าบทบัญญัติดังกล่าวมีความมุ่งหมายให้ริบทรัพย์ของบุคคลอื่นที่มิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วยหาได้ไม่ กรณีจึงตกอยู่ในบังคับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าของแท้จริงมีสิทธิร้องขออาวุธปืนของกลางคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกหนี้จำนอง: สิทธิและหน้าที่ของผู้รับมรดกตามกฎหมายลักษณะมรดก
เมื่อ อ.สามีโจทก์ตายทรัพย์สินของอ. ตลอดจนสิทธิหน้าที่ต่างๆ ซึ่งรวมทั้งหนี้จำนองที่จำเลยจำนองไว้กับอ. ย่อมเป็นมรดกตกทอดได้แก่โจทก์และทายาทตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะมรดก กรณีมิใช่อยู่ในบังคับเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 306

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2552/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนภายหลังการกระทำผิด ศาลฎีกามีอำนาจปรับคดี แม้ไม่ได้รับการยกขึ้นเป็นประเด็น
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 3 ยอมให้ผู้มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาติ นำไปขอรับอนุญาตได้ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษในความผิดฐานนี้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้จึงไม่ถูกต้อง และในปัญหาดังกล่าวนี้แม้จะไม่มีประเด็นขึ้นมาสู่ศาลฎีกา แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
of 86