คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย ทรัพยวณิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2280/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตและการริบของกลาง: ศาลฎีกาตัดสินว่าการริบอาวุธปืนที่มีใบอนุญาตไม่ชอบ
จำเลยพาอาวุธปืนของจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้มีได้โดยชอบเข้าไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เป็นความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท คือ ผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37 เมื่อลงโทษตามพระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ไม่ทำให้ อาวุธปืนที่มีใบอนุญาตตกเป็นปืนที่ผิดกฎหมายและบทลงโทษตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้ให้อำนาจศาลสั่งริบ จึงริบอาวุธปืนและ กระสุนปืนของกลางไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายึดถือเพื่อตนเป็นสำคัญในการครอบครองอาวุธปืน แม้มีระยะเวลา แต่ขาดเจตนาไม่ถือว่าผิด
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ คำว่า มี หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง และคำว่า ครอบครอง นั้น มิได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษจึงต้องถือว่าต้องมีเจตนายึดถือเพื่อตน ทั้งนี้ตามหลักกฎหมายทั่วไป
การที่ปืนของกลางอยู่ที่บ้านจำเลยโดยเจ้าของปืนนำมาฝากบุตรภรรยาจำเลยไว้ชั่วคราว และลืมทิ้งไว้โดยเจ้าของยังมิได้มารับคืนไป จำเลยเป็นแค่เพียงยึดถือไว้แทนเจ้าของเท่านั้น มิได้ยึดถือเพื่อตน แม้การยึดถือปืนจะมีระยะเวลา 3 - 4 วัน มิใช่เพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อไม่มีพฤติการณ์เศษที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนายึดถือเพื่อตน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองปืนของกลางอันเป็นความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2264/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายึดถือเพื่อตนเป็นสำคัญในการครอบครองอาวุธปืน แม้จะเก็บรักษาไว้นาน หากมิได้มีเจตนาเป็นเจ้าของ ไม่ถือว่ามีความผิด
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯคำว่า มี หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง และคำว่า ครอบครอง นั้น มิได้บัญญัติให้มีความหมายเป็นพิเศษ จึงต้องถือว่าต้องมีเจตนายึดถือเพื่อตน ทั้งนี้ตามหลักกฎหมายทั่วไป
การที่ปืนของกลางอยู่ที่บ้านจำเลยโดยเจ้าของปืนนำมาฝากบุตรภรรยาจำเลยไว้ชั่วคราว และลืมทิ้งไว้โดยเจ้าของยังมิได้มารับคืนไป จำเลยเป็นแต่เพียงยึดถือไว้แทนเจ้าของเท่านั้น มิได้ยึดถือเพื่อตน แม้การยึดถือปืนจะมีระยะเวลา 3-4 วัน มิใช่เพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อไม่มีพฤติการณ์พิเศษที่จะแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนายึดถือเพื่อตน จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองปืนของกลางอันเป็นความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: การครอบครองแทนที่ไม่สุจริตและการโอนสิทธิที่ไม่มีผล
โจทก์มอบที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ครอบครองแทนแม้จำเลยที่ 1 จะไปร้องขอจนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มา ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ไม่มีอำนาจนำไปขายให้ผู้อื่น ส.รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตเพราะทราบดีว่าไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ส.ย่อมไม่มีสิทธิในที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะรับโอนที่พิพาทจาก ส.โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใด เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน กรณีจะปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดิน: การโอนสิทธิโดยไม่สุจริต ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
โจทก์มอบที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ครอบครองแทนแม้จำเลยที่ 1 จะไปร้องขอจนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มา ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ไม่มีอำนาจนำไปขายให้ผู้อื่น ส.รับซื้อไว้โดยไม่สุจริต เพราะทราบดีว่าไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ส.ย่อมไม่มีสิทธิในที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะรับโอนที่พิพาทจาก ส.โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใด เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนกรณีจะปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299,1300 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณาคดี การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้จงใจขาดนัด
จำเลยเดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2512 และกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2515 โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความจากจำเลย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2514 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด รายงานของเจ้าพนักงานเดินหมายระบุว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยรับ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2519 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2519 จึงไม่เกินกำหนดตามกฎหมาย จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2246/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่ เมื่อจำเลยอยู่ต่างประเทศขณะฟ้องคดี
จำเลยเดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2512 และกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2515 โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความจากจำเลย เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2514 จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัด รายงานของเจ้าพนักงานเดินหมายระบุว่าได้ส่งคำบังคับให้จำเลยรับ ในวันที่ 3 สิงหาคม 2519 เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในวันที่ 16 สิงหาคม 2519 จึงไม่เกินกำหนดตามกฎหมาย จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีเรื่องเอกสารปลอมต้องระบุเหตุแห่งการปลอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม โดยไม่อ้างเหตุตั้งประเด็นไว้ว่าปลอมอย่างไร ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าเป็นมรดก แต่การโอนหรือขายต้องมีผู้ให้เช่ายินยอม ส่วนแบ่งสิทธิการเช่าเป็นไปตามสัดส่วน
จ.และจำเลยมีสิทธิการเช่าห้องพิพาทร่วมกัน เมื่อ จ.ตายสัญญาเช่าของ จ.ย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท (คือโจทก์) ที่จะมีสิทธิการเช่าร่วมกับจำเลย แต่ที่โจทก์จะให้นำสิทธิการเช่าดังกล่าวไปโอนให้บุคคลอื่นหรือขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาแบ่งกันระหว่างจำเลยกับทายาทของจ.นั้น ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลนอกคดีต้องยินยอมด้วย กรณีไม่อาจบังคับตามคำขอได้
เมื่อสิทธิการเช่ามีราคา 95,000 บาท โจทก์ขอแบ่งสิทธิการเช่าที่เหลืออยู่ 12 ปี สิทธิการเช่าจึงมีราคา 76,000 บาท โจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 38,000 บาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 38,000 บาท แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2241/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าเป็นมรดก ทายาทมีสิทธิร่วมกับผู้เช่าเดิม การแบ่งสิทธิการเช่าต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของทรัพย์
จ.และจำเลยมีสิทธิการเช่าห้องพิพาทร่วมกัน เมื่อ จ.ตาย สัญญาเช่าของ จ.ย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท (คือโจทก์) ที่จะมีสิทธิการเช่าร่วมกับจำเลย แต่ที่โจทก์จะให้นำสิทธิการเช่าดังกล่าวไปโอนให้บุคคลอื่นหรือขายทอดตลาดเพื่อเอาเงินมาแบ่งกันระหว่างจำเลย กับทายาทของ จ. นั้น ผู้ให้เช่าเป็นบุคคลนอกคดีต้องยินยอมด้วย กรณีไม่อาจบังคับตามคำขอได้
เมื่อสิทธิการเช่ามีราคา 95,000 บาท โจทก์ขอแบ่งสิทธิการเช่าที่เหลืออยู่ 12 ปี สิทธิการเช่าจึงมีราคา 76,000 บาท โจทก์มีสิทธิกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 38,000 บาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 38,000 บาทแก่โจทก์
of 86