คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมชัย ทรัพยวณิช

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 653/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์และการใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ตามคำบรรยายฟ้องที่ขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์นั้นได้กล่าวว่าจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นรวมการกระทำโดยการใช้กำลังประทุษร้ายอยู่ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามฟ้องว่าผู้ตายตายเพราะถูกจำเลยยิงทำร้าย ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 วรรค 5

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดิน: การปักหลักไม้แก่นยังไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
เพียงแต่จำเลยปักหลักไม้แก่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินมือเปล่าของโจทก์โดยไม่ได้เข้าไปครอบครองทำกินอย่างเป็นเจ้าของ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองแล้ว แม้จะได้ความว่าโจทก์ตรวจพบหลักไม้แก่นนั้นมา 2 ปีแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดิน: การปักหลักรุกล้ำยังไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครองหากไม่ได้เข้าครอบครองทำกิน
เพียงแต่จำเลยปักหลักไม้แก่นรุกล้ำเข้าไปในที่ดินมือเปล่าของโจทก์โดยไม่ได้เข้าไปครอบครองทำกินอย่างเป็นเจ้าของ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองแล้ว แม้จะได้ความว่าโจทก์ตรวจพบหลักไม้แก่นนั้นมา 2 ปีแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจกท์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมซื้อขายที่ดิน: กำหนดเวลาชำระราคาเป็นสาระสำคัญ หากผิดนัดสิทธิซื้อขายสิ้นสุด
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าจำเลยยอมซื้อที่ดินส่วนของโจทก์ โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระค่าที่ดินแน่นอน การที่โจทก์ได้เงินค่าที่ดินช้ากว่าเวลาที่ตกลงกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมประสงค์ที่จะได้เงินค่าที่ดินในระยะเวลาที่กำหนด และในการตกลงกับโจทก์จำเลยก็ย่อมคำนึงถึงความประสงค์ดังกล่าวนี้แล้ว เมื่อเจตนาของโจทก์จำเลยมีอยู่เช่นนี้ จะถือกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้นั้นไม่เป็นข้อสาระสำคัญย่อมไม่ถูกต้อง จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิจะซื้อที่ดินโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่มีคำพิพากษาตามยอม จึงไม่ชอบด้วยเหตุผลและเจตนาของโจทก์จำเลย
ในสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมซื้อที่ดินส่วนของโจทก์ตามฟ้อง โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระราคาค่าที่ดินแน่นอน หากจำเลยผิดนัดโจทก์บังคับคดีได้ทันที เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดมิได้ชำระราคาที่ดินภายในกำหนดเวลา จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่โจทก์ ให้ขายที่ดินแก่ตนได้ ที่สัญญายอมกำหนดว่า หากจำเลยผิดนัด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้นั้น เป็นสิทธิของโจทก์ฝ่ายเดียวที่จะเลือกในทางร้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาและรับซื้อที่ดินต่อไปอีกก็ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมซื้อขายที่ดิน: กำหนดเวลาชำระราคามีสาระสำคัญ หากผิดนัดสิทธิซื้อขายเป็นอันสิ้นสุด
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าจำเลยยอมซื้อที่ดินของโจทก์โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระราคาค่าที่ดินแน่นอน การที่โจทก์ได้เงินค่าที่ดินช้ากว่าเวลาที่ตกลงกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมประสงค์ที่จะได้เงินค่าที่ดินในระยะเวลาที่กำหนดและในการตกลงกันโจทก์จำเลยก็ย่อมคำนึงถึงความประสงค์ดังกล่าวนี้แล้วเมื่อเจตนาของโจทก์จำเลยมีอยู่เช่นนี้ จะถือกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้นั้นว่าไม่เป็นข้อสาระสำคัญย่อมไม่ถูกต้อง จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิที่จะซื้อที่ดินโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่มีคำพิพากษาตามยอม จึงไม่ชอบด้วยเหตุผลและเจตนาของโจทก์จำเลย
ในสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมซื้อที่ดินส่วนของโจทก์ตามฟ้อง โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระราคาค่าที่ดินแน่นอน หากจำเลยผิดนัดโจทก์บังคับคดีได้ทันที เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดมิได้ชำระราคาที่ดินภายในกำหนดเวลา จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่โจทก์ ให้ขายที่ดินแก่ตนได้ ที่สัญญายอมกำหนดว่า หากจำเลยผิดนัด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้นั้น เป็นสิทธิของโจทก์ฝ่ายเดียวที่จะเลือกในทางร้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาและรับซื้อที่ดินต่อไปอีกก็ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับจ้างลากจูงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในสภาพกระแสน้ำเชี่ยว หากเกิดความเสียหายจากการชนเนื่องจากความประมาทเลินเล่อ ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย
จำเลยรับจ้างลากจูงแพไม้ของโจทก์แล้วแพไม้แตกเพราะชนเสาสะพานขณะลากจูงไป มิใช่ถูกกระแสน้ำพัดขาดลอยแตกไปจำเลยทราบดีว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวจึงมีหน้าที่ต้องระมัดระวังอย่างดีในการลากจูง เมื่อแพไม้ชนเสาสะพานแตกจึงเป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยเอง ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยจำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์โจทก์มิได้ฟ้องเรียกเอาค่าขาดผลกำไรจากจำเลยค่าเสียหายของโจทก์จึงต้องคิดตามราคาไม้ที่โจทก์ซื้อมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนจำนองกรณีลูกหนี้จดจำนองโดยรู้ว่าทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
ไม่ว่าโจทก์จะเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของโจทก์ได้ก่อนหรือไม่ แต่ด้วยอำนาจแห่งมูลหนี้ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 กระทำให้จำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญา แต่จำเลยที่ 1 กลับไปจดทะเบียนจำนองที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 ย่อมถือว่าจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ได้กระทำโดยรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่พิพาทไว้โดยรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นทางให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนจำนองเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงิน: องค์ประกอบความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต
การจะเป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คมิใช่ว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วก็เกิดเป็นความผิดเสมอไป กรณีจะต้องประกอบด้วยว่าเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเช่นนั้น จำเลยได้ออกโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คในวันที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน เจตนาดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด เมื่อโจทก์นำสืบแต่เพียงว่าเช็คนั้นถูกนำไปขึ้นเงินภายหลังจากวันที่ที่ จำเลยสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงจะฟังว่าในวันที่ที่สั่งธนาคารจ่ายเงินจำเลยไม่มี เงินในบัญชีและมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นยังไม่แน่นอน จำเลยยังไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินในบัญชีเป็นองค์ประกอบความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาทุจริต ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินไม่ใช่ความผิดเสมอไป
การเป็นความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค มิใช่ว่าเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วเกิดเป็นความผิดเสมอไป กรณีจะต้องประกอบด้วยว่าเช็คที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเช่นนั้น จำเลยได้ออกโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คในวันที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงิน เจตนาดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด เมื่อโจทก์นำสืบแต่เพียงว่าเช็คนั้นถูกนำไปขึ้นเงินภายหลังจากวันที่ที่จำเลยสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงจะฟังว่าในวันที่ที่สั่งธนาคารจ่ายเงิน จำเลยไม่มีเงินในบัญชีและมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นยังไม่แน่นอน จำเลยยังไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขชื่อจำเลยในคดีไม่ทำให้ขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องจำเลยภายในกำหนดอายุความ แต่ระบุชื่อบริษัทจำเลยไม่ถูกต้อง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ชื่อบริษัทจำเลยให้ถูกต้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต การแก้ไขเพิ่มเติมชื่อจำเลยให้ถูกต้องเช่นนี้ หาเป็นเหตุทำให้คดีโจทก์ขาดอายุความไม่
of 86