พบผลลัพธ์ทั้งหมด 856 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันยังใช้บังคับได้ แม้มีการประนีประนอมยอมความในสัญญากู้เดิม
โจทก์ให้ ถ. กู้ยืมเงินไปโดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาโจทก์ฟ้อง ถ. ให้ชำระหนี้ แล้วโจทก์กับ ถ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมแล้ว แต่ ถ. ไม่ชำระเงินตามสัญญา โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของ ถ. ขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันให้ชำระเงินส่วนที่ยังขาดอยู่นั้นได้เพราะการที่โจทก์กับ ถ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมนั้น เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องบังคับตามสัญญากู้ไม่ทำให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับ และไม่ใช่เป็นการผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ อันจะทำให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันยังใช้บังคับได้ แม้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับหนี้เดิม
โจทก์ให้ ถ. กู้ยืมเงินไปโดยมีจำเลยเป็นผู้ค้ำประกัน ต่อมาโจทก์ฟ้องถ.ให้ชำระหนี้แล้วโจทก์กับถ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลพิพากษาตามยอมแล้ว แต่ ถ. ไม่ชำระเงินตามสัญญา โจทก์จึงนำยึดทรัพย์ของ ถ. ขายทอดตลาดได้เงินไม่พอชำระหนี้ ดังนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยตามสัญญาค้ำประกันให้ชำระเงินส่วนที่ยังขาดอยู่นั้นได้เพราะการที่โจทก์กับ ถ. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลพิพากษาตามยอมนั้น เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องบังคับตามสัญญากู้ไม่ทำให้หนี้ตามสัญญากู้ระงับ และไม่ใช่เป็นการผ่อนเวลาให้ลูกหนี้อันจะทำให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต การได้มาซึ่งภารจำยอมตามอำนาจปรปักษ์
ที่ดินและอาคารของโจทก์และของจำเลยร่วมอยู่ติดกันโดยต่างรับซื้อมาจากบุคคลอื่นกันสาดของอาคารที่จำเลยร่วมซื้อได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์ซื้ออยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำบนกันสาดนั้น อันเป็นการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นสืบต่อจากเจ้าของเดิม โดยจำเลยร่วมมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด ถือได้ว่าจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์เกินกว่า 10 ปีแล้ว กันสาดและห้องน้ำเหนือที่ดินของโจทก์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอม โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินและสร้างสิ่งปลูกสร้างโดยสุจริต ครอบครองปรปักษ์เกิน 10 ปี ทำให้เกิดภารจำยอม
ที่ดินและอาคารของโจทก์และของจำเลยร่วมอยู่ติดกันโดยต่างรับซื้อมาจากบุคคลอื่นกันสาดของอาคารที่จำเลยร่วมซื้อได้รุกล้ำที่ดินที่โจทก์ซื้ออยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำบนกันสาดนั้น อันเป็นการใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์เฉพาะที่กันสาดรุกล้ำเข้าไปนั้นสืบต่อจากเจ้าของเดิมโดยจำเลยร่วมมิได้ขออนุญาตต่อผู้ใด ถือได้ว่าจำเลยร่วมได้สร้างห้องน้ำขึ้นโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 และข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าจำเลยร่วมใช้สิทธิโดยอำนาจปรปักษ์เกินกว่า 10 ปีแล้วกันสาดและห้องน้ำเหนือที่ดินของโจทก์ย่อมตกอยู่ในภารจำยอมโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้จำเลยรื้อห้องน้ำบนกันสาดนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาลในคดีเช็ค: สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นสถานที่เกิดความผิด
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ฉะนั้น สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นสถานที่ความผิดเกิดขึ้น ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้น มิใช่ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเป็นแต่เพียงตัวแทนโจทก์ไปเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นเท่านั้น ดังนี้ เมื่อธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ความผิดคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่มีอำนาจที่จะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: ความผิดเกิดขึ้น ณ สถานที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเช็ค ไม่ใช่ที่ธนาคารรับฝาก
ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ฉะนั้น สถานที่ตั้งของธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นสถานที่ความผิดเกิดขึ้น ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อให้เรียกเก็บเงินตามเช็คนั้น มิใช่ธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โดยเป็นแต่เพียงตัวแทนโจทก์ไปเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นเท่านั้น ดังนี้ เมื่อธนาคารที่ปฏิเสธการจ่ายเงินอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ส่วนธนาคารที่โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ความผิดคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ ศาลจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่มีอำนาจที่จะรับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้แล้วว่าคดีเช่นใดจะชำระได้ที่ศาลใด จึงจะใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 มาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดินด้วยใบมอบอำนาจที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าของที่ดินต้องรับผิดแม้มีการปลอมแปลง
เจ้าของที่ดินพิมพ์ลายนิ้วมือลงในใบมอบอำนาจโดยมิได้กรอกข้อความ เพื่อให้ผู้รับมอบอำนาจนำไปวางเป็นประกันการค้าไม้ซุง แต่ผู้รับมอบอำนาจกับพวกกลับนำไปกรอกข้อความให้มีอำนาจทำการจำนองแทนเจ้าของที่ดิน เมื่อผู้รับจำนองได้รับจำนองไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเจ้าของที่ดินจะอ้างเอาความประมาทเลินเล่อของตนมาเป็นเหตุให้พ้นความรับผิดหาได้ไม่ แม้ว่าผู้รับมอบอำนาจกับพวกจะถูกศาลพิพากษาลงโทษในคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมก็ตามเจ้าของที่ดินก็ต้องรับผิดชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำว่า ‘เครื่องหมาย’ ในป้ายโฆษณาตาม พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ภาพประกอบถือเป็นเครื่องหมาย ทำให้ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้น
ตามบทวิเคราะห์ศัพท์ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้ายพ.ศ. 2510 ป้ายอาจแสดงด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือว่าเป็นป้าย ดังนั้นป้ายที่มีอักษรไทยล้วนตามบัญชีอัตราภาษีป้าย ประเภท (1) ย่อมหมายถึงป้ายที่ไม่มีสิ่งอื่นใดเลยนอกจากอักษรไทย
คำว่าเครื่องหมาย นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นแสดงความหมายป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่มีอักษรไทย ภาพดาราภาพยนตร์ ภาพสัตว์และภาพวัตถุอื่น ๆ จึงเป็นป้ายที่มีอักษรไทยปนกับเครื่องหมายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายประเภท (2)
คำว่าเครื่องหมาย นั้น ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. 2493 หมายความว่า สิ่งที่ทำขึ้นแสดงความหมายป้ายโฆษณาภาพยนตร์ที่มีอักษรไทย ภาพดาราภาพยนตร์ ภาพสัตว์และภาพวัตถุอื่น ๆ จึงเป็นป้ายที่มีอักษรไทยปนกับเครื่องหมายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายประเภท (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 106/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยค้ำจุน: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้เช่าซื้อ
ประกันภัยค้ำจุนนั้น ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความวินาศภัยที่เกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์มิใช่เป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลตั้งเซียฮวดพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 3 ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่ว่าด้วยลักษณะความรับผิดต่อบุคคลภายนอกก็มีข้อความไว้ชัดแจ้งว่าเมื่อมีวินาศภัยเกิดขึ้น จำเลยที่ 3 ผู้รับประกันภัยจะรับชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เอาประกันภัยเท่านั้น ไม่มีข้อความตอนใดที่ผู้รับประกันภัยตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่เอาประกันภัยไว้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท เป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ให้ร่วมรับผิดด้วย