พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีว่าลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกัน ไม่ใช่ผู้กู้จริง มีสิทธิพิสูจน์ได้ว่าไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ได้มอบตราจองที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แล้วจำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า น้องสาวและน้องเขยของจำเลยกู้เงินโจทก์ 14,000 บาท ได้นำตราจองไปให้โจทก์ยึดถือไว้ เนื่องจากจำเลยและน้องสาวของจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตราจองดังกล่าว จำเลยจึงลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกันหนี้ของน้องสาวและน้องเขย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญาเพื่อแสดงว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ประการหนึ่ง และหนี้เงินกู้ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลยอีกประการหนึ่ง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15 และ 16/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1881/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีขับไล่และเรียกค่าเสียหาย
คดีฟ้องขับไล่จากที่ดินและอาคารที่เช่าเดือนละ 300 บาทเรียกค่าเสียหาย 1,180 บาท และต่อไปเดือนละ 1,000 บาท จำเลยต่อสู้ว่าสามีโจทก์ตกลงให้เช่า 20 ปีและชำระค่าก่อสร้าง จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ฉบับที่ 5 พ.ศ.2499 มาตรา 15 ที่ใช้อยู่ในเวลายื่นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1740/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีความมั่นคง – การคุ้มครองข้อมูลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณานำสืบตัวจำเลยบางคนเป็นการลับและห้ามการโฆษณาข้อเท็จจริงได้ ซึ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความปลอดภัยมั่นคงของราชอาณาจักร ศาลไม่กล่าวถึงรายละเอียดเรื่องราวต่างๆ บุคคลและสถานที่ๆ เกี่ยวข้องไว้ในคำพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องในคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการทำสัญญาเช่าซื้อและการมีอำนาจฟ้องคดีฉ้อโกง
จำเลยชื่ออำนาจ สุนทโรทยาน บ้านอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้อุบายหลอกลวงโจทก์ร่วมโดยมีเจตนาทุจริตว่าจำเลยชื่อคล้าย บ้านอยู่อำเภอพิบูลมังษาหาร อุบลราชธานี เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อยินยอมทำสัญญาให้จำเลยเช่าซื้อรถยนต์และส่งมอบรถยนต์ให้จำเลย แล้วจำเลยนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปที่ประเทศลาวและหลบหนีไปโดยไม่ได้ติดต่อกับโจทก์ร่วม และไม่ได้ใช้เงินตามสัญญาเช่าซื้อ เช่นนี้แสดงว่าจำเลยหาได้มีเจตนาผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อในทางแพ่งไม่ การแสดงเจตนาทำสัญญาเช่าซื้อของจำเลยเป็นแต่เพียงแผนการหรืออุบายในเชิงหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งรถยนต์เท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดทางอาญาในฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับหอพักที่เจ้าของอยู่อาศัยด้วย และความผิดฐานละเลยการยื่นแบบแสดงรายการ
ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ กับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินทุกชนิด เว้นแต่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 9 และ 10 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475 มาตรา 3 โรงเรือนของจำเลยใช้ทำเป็นหอพักโดยได้รับค่าตอบแทนและบริการอย่างอื่นจากผู้มาพักตามพระราชบัญญัติหอพัก แม้จำเลยจะอยู่อาศัยในหอพักนั้นด้วย โรงเรือนของจำเลยก็ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว การใช้เป็นหอพักได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนการใช้ประกอบกิจการอย่างอื่นจึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10 เมื่อจำเลยไม่ไปรับแบบพิมพ์มากรอกรายการยื่นภายในกำหนดตามประกาศ ย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของผู้รับประเมินที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จึงมีความผิดตามมาตรา 20,46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1698/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินสำหรับหอพัก: การใช้ประโยชน์เพื่อการค้าทำให้ไม่ได้รับการยกเว้น
ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ กับที่ดินซึ่งใช้ต่อเนื่องกับโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น จะต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินทุกชนิด เว้นแต่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ในมาตรา 9 และ 10 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา 3 โรงเรือนของจำเลยใช้ทำเป็นหอพักโดยได้รับค่าตอบแทนและบริการอย่างอื่นจากผู้มาพักตามพระราชบัญญัติหอพัก แม้จำเลยจะอยู่อาศัยในหอพักนั้นด้วย โรงเรือนของจำเลยก็ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว การใช้เป็นหอพักได้ผลประโยชน์ตอบแทนเหมือนการใช้ประกอบกิจการอย่งอื่น จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะได้รับยกเว้นการเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามมาตรา 10 เมื่อจำเลยไม่ไปรับแบบพิมพ์มากรอกรายการยื่นภายในกำหนดตามประกาศ ย่อมเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของผู้รับประเมินที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จึงมีความผิดตามมาตรา 20,46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินให้วัด และการสละสิทธิในที่ดิน ทำให้ไม่เกิดการรุกล้ำ
โจทก์ฟ้องว่า วัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตของวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินมีโฉนดของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยกับบริวารให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปและคืนที่ดินให้โจทก์ ทางพิจารณาฟังได้ว่า โจทก์ได้อุทิศที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ก่อนวัดจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ลงมือสร้างวัดจำเลยที่ 1 ขึ้นใหม่ดังนี้ กรณีไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525 ดังฎีกาของโจทก์ และเมื่อวัดจำเลยที่ 1 วางศิลาฤกษ์ สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ อาคารถาวร โจทก์ทราบและไม่คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ยินยอมให้วัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 กระทำเช่นนั้น ฟังได้ว่าโจทก์ได้สละที่พิพาทให้แก่วัดจำเลยที่ 1 แล้ว ยังฟังไม่ได้ว่าวัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ได้รุกล้ำเข้าไปปลูกสร้างวัดและกำแพงเขตวัดจำเลยที่ 1 ในที่ดินของโจทก์กับญาติโดยไม่สุจริต รูปคดีกลับเชื่อว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในเครื่องหมายการค้า: ผู้ใช้ก่อนย่อมมีสิทธิมากกว่า แม้ไม่ได้จดทะเบียน แต่ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้
โจทก์ผลิตเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าใช้เครื่องหมายการค้าว่า "VETO"(วีโต้)ส่งออกจำหน่ายทั่วโลก และส่งมาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างน้อยตั้งแต่ พ.ศ.2502 เมื่อ พ.ศ.2507 จำเลยได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า "VETO"สำหรับจำพวกสินค้า 50 ทั้งจำพวกกองทะเบียนเครื่องหมายการค้ารับจดทะเบียนให้แล้ว แต่เมื่อ 2-3 ปี มานี้ จำเลยเคยสั่งซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งใช้เครื่องหมายการค้าวีโต้ของโจทก์ไปจำหน่าย หาได้เคยผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้เครื่องหมายวีโต้ขึ้นจำหน่ายไม่ ที่จำเลยขอจดทะเบียนไว้นั้นก็เพื่อจะใช้กับสินค้าเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเลยจะผลิตขึ้นในโอกาสต่อไป โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า "VETO" ดีกว่าจำเลย จึงมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนเครื่องหมายการค้าคำว่า"VETO" ซึ่งจำเลยจดทะเบียนไว้แล้วและห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้ามาตรา 41(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 355/2504) แต่โจทก์มิได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ล่วงละเมิดสิทธิเครื่องหมายการค้าของโจทก์ตามมาตรา 29 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องกรรมการตัดสินม้าพนัน: ไม่เป็นละเมิด แต่เป็นเรื่องสัญญาที่ไม่เกิดหนี้
คำฟ้องว่ากรรมการตัดสินแข่งม้าพนันของสโมสรประมาทเลินเล่อตัดสินม้าชนะผิด ทำให้ผู้แทงม้าพนันขาดเงินรางวัล เป็นเรื่องสัญญาซึ่งไม่เกิดหนี้ตามมาตรา 853 ไม่ใช่ละเมิด ศาลไม่รับฟ้อง การอุทธรณ์คำสั่งจะเรียกค่าธรรมเนียมเฉพาะค่าคำร้องกับค่าคำสั่งเท่านั้นไม่ชอบ