พบผลลัพธ์ทั้งหมด 537 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเกิดอันตรายแก่กาย, บทลงโทษ และการแก้ไขคำพิพากษา
ผู้เสียหายถูกกระทืบล้มลงมีแผลรอยเขียวช้ำบวมแดงที่เหนือเอวขวา รักษาหายใน 12 วัน เป็นอันตรายแก่กายตามมาตรา 295
ศาลชั้นต้นปรับ 100 บาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน ปรับ 100 บาท ตามมาตรา 295 รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ดังนี้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6
ศาลชั้นต้นปรับ 100 บาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 3 เดือน ปรับ 100 บาท ตามมาตรา 295 รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ดังนี้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1311/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบทรัพย์สินเพื่อขาย และไม่คืนเงิน/ทรัพย์สิน ไม่เข้าข่ายยักยอก
ส. มอบแหวนและสร้อยให้จำเลยไปขาย ขายราคาเท่าใดไม่จำกัด แต่จำเลยต้องให้เงิน 18,000 บาทแก่ ส. จำเลยไม่คืนแหวนและว่าเอาเงินใช้หมดแล้ว ไม่เป็นยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าเป็นประกัน การเซ้งห้องและหน้าที่ชำระหนี้ของผู้ค้ำประกัน
ผู้กู้เอาสิทธิการเช่าเป็นประกัน ผู้ค้ำประกันสัญญาว่าถ้าเซ้งห้องนี้ได้เมื่อใดจะใช้หนี้ให้ทันที ข้อสัญญานี้ไม่ใช่เงื่อนไขบังคับก่อนที่จะกำหนดการชำระหนี้ แต่เป็นข้อตกลงให้ดำเนินการเซ้งห้องแถวแล้วนำเงินมาใช้หนี้ ผู้ค้ำประกันรับเซ้งห้องแถวได้ จึงต้องใช้หนี้แก่ผู้ให้กู้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริต - เจ้าหนี้ใช้สิทธิทางศาลโดยเชื่อว่าทรัพย์สินยังเป็นของลูกหนี้ แม้มีการโอนสิทธิแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิด อ้างว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าน. ได้โอนที่ดินและบ้านให้แก่โจทก์ แต่จำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอีกเรื่องหนึ่ง แต่โจทก์นำสืบพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รู้เรื่องที่ น. ได้โอนที่ดินและบ้านให้โจทก์ตั้งแต่ก่อนนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านดังฟ้อง ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าเมื่อ น.ได้จำนองที่ดินไว้กับโจทก์แล้ว น. ได้ปลูกบ้านในที่ดินที่จำนองสองครั้ง เป็นบ้านสองหลังแฝดติดกัน น. อยู่ที่บ้านหลังซึ่งได้ปลูกก่อนที่โจทก์อ้างว่าได้โอนให้ตนแล้ว และเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเรื่องนี้แล้ว น. ยังเป็นเจ้าของบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งได้ปลูกภายหลัง เช่นนี้เห็นได้ว่า ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าบ้านสองหลังแฝดนั้นยังเป็นของ น. จึงได้นำยึดบ้านโดยสุจริตใจ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าเจ้าพนักงานและต่อสู้ขัดขวางการจับกุม การลงโทษความผิดหลายกรรมต่างกัน
ขณะที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นตำรวจกอดปล้ำจับจำเลย จำเลยได้ชักปืนออกมาจากเอวตำรวจอีกคนหนึ่งก็เตะปืนหลุดจากมือจำเลยไปเสียก่อน ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืน กับความผิดฐานมีวัตถุระเบิดใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ละเมิดกฎหมายหลายบทไม่
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืน กับความผิดฐานมีวัตถุระเบิดใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ละเมิดกฎหมายหลายบทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1197/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมในการละเมิดของลูกจ้าง และการปิดอากรแสตมป์ที่สมบูรณ์
จำเลยที่ 1จดทะเบียนเดินรถร่วมกิจการขนส่งกับจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดในการทำละเมิดของ ส.ลูกจ้างขับรถของจำเลยที่ 1 ที่นำมาเดินร่วมกับจำเลยที่ 2
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีปิดอากรแสตมป์ 10 บาท และขีดฆ่าหลังจากทำตราสารแล้ว ถือว่าปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีในประมวลรัษฎากร รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีปิดอากรแสตมป์ 10 บาท และขีดฆ่าหลังจากทำตราสารแล้ว ถือว่าปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีในประมวลรัษฎากร รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องเลือกตั้งใหม่ต้องชัดเจน: การระบุข้อผิดพลาดในการนับคะแนนและพฤติการณ์ทุจริตต้องเฉพาะเจาะจง
คำร้องระบุแน่ชัดว่าคณะกรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ ตำบล อำเภอใดได้นับคะแนนผิดความจริง คืออ่านบัตรดีของผู้ร้องเป็นบัตรเสีย และอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลขใดเป็นบัตรดี แต่ไม่ได้ระบุว่าอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างนัยคำสั่งศาลฎีกาที่ 1901/2512)
คำร้องอ้างว่ากรรมการตรวจนับคะแนนอ่านบัตรที่มีผู้ลงคะแนนให้ผู้ร้องหมายเลข 4 เป็นหมายเลขอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ยืนยันว่าเป็นหมายเลขใดและผู้ใด ดังนี้เป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องระบุแน่ชัดว่า กรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ใดบ้าง รายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง โดยไม่ได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ามีการกระทำอย่างไร ที่เป็นรายงานการเลือกตั้งที่ไม่ตรงกับความจริง คงอ้างแต่ผลของรายงานว่า ทำให้จำนวนบัตรคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและมากกว่าจำนวนบัตรที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้ง ทำให้ยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจคำร้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องที่อ้างว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนได้ให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มิได้ยืนยันว่าผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดให้ทรัพย์สินอะไรแก่ผู้ใด เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องอ้างว่ากรรมการตรวจนับคะแนนอ่านบัตรที่มีผู้ลงคะแนนให้ผู้ร้องหมายเลข 4 เป็นหมายเลขอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ยืนยันว่าเป็นหมายเลขใดและผู้ใด ดังนี้เป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องระบุแน่ชัดว่า กรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ใดบ้าง รายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง โดยไม่ได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ามีการกระทำอย่างไร ที่เป็นรายงานการเลือกตั้งที่ไม่ตรงกับความจริง คงอ้างแต่ผลของรายงานว่า ทำให้จำนวนบัตรคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและมากกว่าจำนวนบัตรที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้ง ทำให้ยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจคำร้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องที่อ้างว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนได้ให้ทรัพย์สินแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มิได้ยืนยันว่าผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดให้ทรัพย์สินอะไรแก่ผู้ใด เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องเลือกตั้งใหม่ต้องชัดเจนระบุรายละเอียดการกระทำผิด มิเช่นนั้นถือเป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องระบุแน่ชัดว่าคณะกรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ ตำบล อำเภอใดได้นับคะแนนผิดความจริง คืออ่านบัตรดีของผู้ร้องเป็นบัตรเสีย และอ่านบัตรเสียของผู้สมัครหมายเลขใดเป็นบัตรดี แต่ไม่ได้ระบุว่าอ่านบัตรดีให้เป็นบัตรเสียชนิดไหน และอ่านบัตรเสียชนิดไหนให้เป็นบัตรดี ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม (อ้างนัยคำสั่งศาลฎีกาที่ 1901/2512)
คำร้องอ้างว่ากรรมการตรวจนับคะแนนอ่านบัตรที่มีผู้ลงคะแนนให้ผู้ร้องหมายเลข 4 เป็นหมายเลขอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ยืนยันว่าเป็นหมายเลขใดและผู้ใด ดังนี้เป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องระบุแน่ชัดว่า กรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ใดบ้าง รายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง โดยไม่ได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ามีการกระทำอย่างไรที่เป็นรายงานการเลือกตั้งที่ไม่ตรงกับความจริง คงอ้างแต่ผลของรายงานว่า ทำให้จำนวนบัตรคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและมากกว่าจำนวนบัตรที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้ง ทำให้ยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจคำร้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำร้องอ้างว่ากรรมการตรวจนับคะแนนอ่านบัตรที่มีผู้ลงคะแนนให้ผู้ร้องหมายเลข 4 เป็นหมายเลขอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่ยืนยันว่าเป็นหมายเลขใดและผู้ใด ดังนี้เป็นคำร้องเคลือบคลุม
คำร้องระบุแน่ชัดว่า กรรมการตรวจนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งท้องที่ใดบ้าง รายงานการเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง โดยไม่ได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ามีการกระทำอย่างไรที่เป็นรายงานการเลือกตั้งที่ไม่ตรงกับความจริง คงอ้างแต่ผลของรายงานว่า ทำให้จำนวนบัตรคะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งมีมากกว่าจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งและมากกว่าจำนวนบัตรที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้ง ทำให้ยากที่ผู้คัดค้านจะเข้าใจคำร้องและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ย่อมเป็นคำร้องที่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเข้าเป็นจำเลยร่วมและสิทธิในที่ดินที่ได้มาจากการซื้อ
จำเลยให้การในคดีฟ้องขับไล่ว่าได้อยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิจาก ก.ก.ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมศาลอนุญาต แม้ศาลไม่รับคำให้การของ ก. จำเลยร่วม ก. ก็นำสืบตามข้อที่จำเลยเดิมให้การไว้ว่า ก. ซื้อที่ดินจาก ต.ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน - เจ้าพนักงานตุลาการ - ความเท็จ - แจ้งความเท็จ
ยื่นคำร้องขอเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เพื่อตั้งประเด็นแม้ผู้พิพากษาเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการหากข้อความเป็นเท็จก็ไม่เป็นแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137