พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีข้าราชการถูกลงโทษ: มาตรา 107 ยังใช้ไม่ได้จนกว่าจะมีกฎหมายจัดตั้งศาลปกครอง
แม้ว่าพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2518 มาตรา 107 จะบัญญัติให้ผู้ถูกสั่งลงโทษมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้บังคับบัญชา แต่มาตรา 120 บัญญัติว่าในระหว่างที่ยังมิได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง สิทธิการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา 107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ ดังนั้น เมื่อยังไม่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง สิทธิการฟ้องคดีตามความในมาตรา 107 จึงยังไม่อาจกระทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีทางปกครองยังไม่เกิดผลเนื่องจากยังไม่มีกฎหมายจัดตั้งศาลปกครอง แม้จะมีบทบัญญัติให้อำนาจไว้แล้ว
แม้ว่าพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2518 มาตรา 107 จะบัญญัติให้ผู้ถูกสั่งลงโทษมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้บังคับบัญชา แต่มาตรา120 บัญญัติว่าในระหว่างที่ยังมิได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง สิทธิการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา 107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ ดังนั้นเมื่อยังไม่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง สิทธิการฟ้องคดีตามความในมาตรา 107 จึงยังไม่อาจกระทำได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2182/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างสถานภาพนักศึกษาประกอบการขอรอการลงโทษ: ศาลมีดุลพินิจ
จำเลยรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 1 เดือน จำเลยอุทธรณ์อ้างคำรับรองของสถานศึกษาว่า จำเลยกำลังศึกษาอยู่ขอให้รอการลงโทษ ข้อเท็จจริงนี้เป็นคนละเรื่องกับจำเลยทำผิดหรือไม่ จำเลยอ้างเพื่อประกอบดุลพินิจได้ ศาลอุทธรณ์จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ศาลอุทธรณ์รอการลงโทษได้ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงนอกสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065-2066/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปที่เสียค่าภาคหลวงแล้ว แม้ตราประทับไม่ตรงกับใบเบิกทาง ไม่ถือเป็นไม้ผิดกฎหมาย
ไม้ของกลางเป็นไม้ของโรงเลื่อยจักรซึ่งได้เสียค่าภาคหลวงโดยชอบ และได้ขายให้แก่จำเลยโดยมีใบเบิกทางซึ่งระบุตราประทับไม้ไม่ตรงกับรอยตราที่ประทับอยู่ที่ไม้แต่จำนวนและชนิดของไม้ก็ถูกต้องตรงกับใบเบิกทางจึงไม่ใช่ไม้ที่มีไว้โดยผิดกฎหมายหากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดฐานอื่นมิใช่ความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065-2066/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้แปรรูปถูกต้องตามกฎหมาย แม้ตราประทับไม่ตรงใบเบิกทาง ไม่ถือเป็นความผิด
ไม้ของกลางเป็นไม้ของโรงเลื่อยจักรซึ่งได้เสียค่าภาคหลวงโดยชอบ และได้ขายให้แก่จำเลย โดยมีใบเบิกทางซึ่งระบุตราประทับไม้ไม่ตรงกับรอยตราที่ประทับอยู่ที่ไม้ แต่จำนวนและชนิดของไม้ก็ถูกต้องตรงกับใบเบิกทาง จึงไม่ใช่ไม้ที่มีไว้โดยผิดกฎหมาย หากจะเป็นความผิดก็เป็นความผิดฐานอื่นมิใช่ความผิดฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอมไปด้วย ศาลพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำ
การที่จำเลยพาผู้เสียหายอายุเพียง 16 ปี ไปด้วยความยินยอมของผู้เสียหายแล้วรับจะหาสินสอดไปให้บิดาผู้เสียหาย เมื่อหาเงินไม่ได้ จำเลยก็ให้ผู้เสียหายกลับบ้าน หลังจากนั้นเพียงคืนเดียวจำเลยก็ได้หญิงอื่นเป็นภริยา เช่นนี้แสดงว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจจะพาเอาผู้เสียหายไปเลี้ยงดูเป็นภริยาจริงจังแต่ประการใด ถือได้ว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยมาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย อันเป็นกรณีตามมาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ เพราะการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยผู้เยาว์เต็มใจด้วยหรือไม่ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว (อ้างฎีกาที่ 1927/2515)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยมาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย อันเป็นกรณีตามมาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ เพราะการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยผู้เยาว์เต็มใจด้วยหรือไม่ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว (อ้างฎีกาที่ 1927/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2029/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอม หากไม่ได้มีเจตนาเลี้ยงดูจริงจัง
การที่จำเลยพาผู้เสียหายอายุเพียง 16 ปีไปด้วยความยินยอมของผู้เสียหายแล้วรับจะหาสินสอดไปให้บิดาผู้เสียหาย เมื่อหาเงินไม่ได้จำเลยก็ให้ผู้เสียหายกลับไปบ้านหลังจากนั้นเพียงคืนเดียวจำเลยก็ได้หญิงอื่นเป็นภริยา เช่นนี้แสดงว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจจะพาเอาผู้เสียหายไปเลี้ยงดูเป็นภริยาจริงจังแต่ประการใด ถือได้ว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามมาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย อันเป็นกรณีตามมาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ เพราะการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว (อ้างฎีกาที่ 1927/2515)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยพรากผู้เยาว์โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยตามมาตรา 318 แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยกับจำเลย อันเป็นกรณีตามมาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่า ศาลก็ย่อมลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 ได้ เพราะการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่ก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญาก็บัญญัติว่าเป็นความผิดอยู่แล้ว (อ้างฎีกาที่ 1927/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตอาวุธปืนภายหลังกฎหมายฉบับแก้ไข และการรับสารภาพในชั้นศาล
จำเลยได้นำอาวุธปืนของกลางไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษการที่นายทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น ก็ ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียนจำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่อีก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน.22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การรับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า 'จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา' แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน.22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การรับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า 'จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา' แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนุญาตอาวุธปืนและการรับสารภาพในชั้นศาลมีผลต่อการตัดสินคดีอาญา
จำเลยได้นำอาวุธปืนของกลางไปขอจดทะเบียนไว้แล้วภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 การที่นายทะเบียนมอบคืนอาวุธปืนให้จำเลยเก็บรักษาไว้ก่อนจนกว่าจะออกใบอนุญาตให้นั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ ก็ต้องถือว่าจำเลยเก็บรักษาอาวุธปืนนั้นไว้แทนนายทะเบียน จำเลยไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาต จากนายทะเบียนท้องที่อีก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน .22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา" แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .22 และกระสุน .22 จำนวน 7 นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ แม้จำเลยจะยื่นคำให้การับสารภาพเฉพาะอาวุธปืนเท่านั้นก็ตาม แต่ก็ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลในวันเดียวกันนั้นว่า "จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์จำเลยแถลงไม่สืบพยานคดีเสร็จการพิจารณา" แสดงว่าศาลจดรายงานกระบวนพิจารณานี้หลังจากที่จำเลยยื่นคำให้การดังกล่าวแล้ว ถือได้ว่าจำเลยให้การใหม่รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ จำเลยต้องมีความผิดฐานมีกระสุนปืน 7 นัดนี้ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ดังที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1973/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายการใช้รถเช่าซื้อก่อนคืน: ศาลกำหนดตามสมควร ไม่ใช่ค่าเช่าค้างชำระ
ผู้เช่าซื้อรถยนต์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อเลิกสัญญาเอารถคืน ค่าเสียหายที่ผู้ให้เช่าซื้อเรียกได้สำหรับการใช้รถก่อนได้รับคืนมิใช่จำนวนเท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระซึ่งผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกได้ ศาลกำหนดให้ตามสมควร