พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการครอบครอง: การแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ แต่การพิพากษาว่าที่ดินเป็นของผู้ครอบครองเดิมเพียงพอแล้ว
ที่ดินมือเปล่าของโจทก์ จำเลยไปแจ้ง ส.ค.1 ว่าเป็นของจำเลย เมื่อศาลพิพากษาว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้ว ไม่จำเป็นต้องพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการขอถอนชื่อจำเลยจาก ส.ค.1 เพราะการแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็นศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็นศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1949/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิในที่ดิน เมื่อศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของผู้ครอบครองเดิมแล้ว ไม่จำเป็นต้องแก้ไขชื่อใน ส.ค.1
ที่ดินมือเปล่าของโจทก์ จำเลยไปแจ้ง ส.ค.1 ว่าเป็นของจำเลย เมื่อศาลพิพากษาว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้ว ไม่จำเป็นต้องพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการขอถอนชื่อจำเลยจาก ส.ค.1 เพราะการแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1 แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็น ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1 แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็น ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: วันหยุดราชการมีผลต่อการนับอายุความ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2516 ฉะนั้นอายุความเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแก่มูลละเมิดซึ่งมี 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์นั้น จึงครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม 2517 แต่ปรากฎว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 และข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้คู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: วันหยุดราชการขยายเวลาฟ้องได้
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม2516 ฉะนั้นอายุความเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแก่มูลละเมิดซึ่งมี 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น จึงครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม2517 แต่ปรากฏว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 และข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ คู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1883/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยึดเฮโรอีนที่เหลือจากการใช้ไม่หมด ถือเป็นของกลางที่ต้องริบ
มีและฉีดเฮโรอีนเข้าในร่างกายยังไม่หมด จำนวนที่เหลือถูกยึดเป็นของกลาง ต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1824/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษผู้มีอาวุธปืนตามมาตรา 340ตรี ต้องตีความเคร่งครัดเฉพาะตัวผู้มีอาวุธ
ผู้ที่มีอาวุธปืนต้องรับโทษหนักขึ้นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340ตรี ต้องแปลความโดยเคร่งครัด เฉพาะตัวผู้ที่มีปืนเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินวัดและสำนักงานทรัพย์สินฯ: ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้
ที่วัดที่ธรณีสงฆ์และที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้ใดจะครอบครองปรปักษ์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17 (ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชอบสัญญาค้ำประกันจริง เมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1650/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาค้ำประกันไม่ปิดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ แม้โจทก์เป็นหน่วยงานรัฐ
โจทก์เป็นส่วนราชการของรัฐบาลฟ้องบังคับตามสัญญาค้ำประกันที่ไม่ปิดอากรแสตมป์ เมื่อตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 17(ก) กำหนดให้ผู้ค้ำประกันเป็นผู้ต้องเสียค่าอากรแสตมป์และขีดฆ่าอากรแสตมป์ หาใช่ฝ่ายที่ต้องเสียอากรเป็นรัฐบาลอันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรตามความหมายในมาตรา 121 แห่งประมวลรัษฎากรไม่
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันยอมใช้เงินแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งผิดสัญญาได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมโจทก์ไปศึกษาต่างประเทศแล้วกลับมารับราชการไม่ครบกำหนดตามสัญญา เมื่อสัญญาค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ ย่อมจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118
แม้จำเลยที่ 2 จะขาดนัด โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันจริงเมื่อเอกสารสัญญาค้ำประกันใช้เป็นหลักฐานในคดีมิได้คดีย่อมไม่มีทางที่จะให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1645/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลายพิมพ์นิ้วมือเป็นหลักฐานสัญญา, จิตฟั่นเฟือนไม่ถึงวิกลจริต, อายุความแบ่งมรดก
ลงพิมพ์ลายนิ้วมือในสัญญาโดยมีพยานลงชื่อหลายคน แต่ไม่มีข้อความรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ การรู้เห็นเป็นพยานนั้นเป็นการรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออยู่ในตัว
ส. มีลักษณะปัญญาอ่อน หูไม่ดี ได้ยินไม่ชัด ไม่มีอาการทางจิตไม่สามารถดูแลรับผิดชอบตนเองตามลำพังได้ ม.สติไม่ค่อยดี ฟั่นเฟือนเป็นครั้งคราว บางครั้งพูดรู้เรื่อง บางครั้งไม่รู้เรื่อง ดังนี้ เป็นแต่จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่ถึงวิกลจริต
มรดกไม่มีพินัยกรรม เมื่อเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปี แล้วทายาทได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งมรดกกัน ทายาทมาฟ้องขอแบ่งตามสัญญาไม่ใช่ฟ้องในฐานะเป็นทรัพย์มรดก ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตาม มาตรา 1754
ส. มีลักษณะปัญญาอ่อน หูไม่ดี ได้ยินไม่ชัด ไม่มีอาการทางจิตไม่สามารถดูแลรับผิดชอบตนเองตามลำพังได้ ม.สติไม่ค่อยดี ฟั่นเฟือนเป็นครั้งคราว บางครั้งพูดรู้เรื่อง บางครั้งไม่รู้เรื่อง ดังนี้ เป็นแต่จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ไม่ถึงวิกลจริต
มรดกไม่มีพินัยกรรม เมื่อเจ้ามรดกตายเกิน 1 ปี แล้วทายาทได้ทำหนังสือสัญญาแบ่งมรดกกัน ทายาทมาฟ้องขอแบ่งตามสัญญาไม่ใช่ฟ้องในฐานะเป็นทรัพย์มรดก ไม่อยู่ในอายุความ 1 ปีตาม มาตรา 1754