พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2425/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำตายของผู้ถูกยิงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หากปรากฏในขณะที่รู้ตัว
ผู้ตายถูกกระสุนปืนตัดอวัยวะในช่องท้อง เลือดออกมากได้แสดงอาการเจ็บปวดและพูดว่าท่าทางจะไม่รอด ก่อนจะสิ้นใจ 2-3 นาที พูดว่าแน่นมากเห็นจะไม่รอด แล้วผู้ตายถึงแก่ความตายหลังจากเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมงดังนี้ คำบอกกล่าวของผู้ตายที่ระบุชื่อคนร้ายในขณะที่รู้ตัวว่าจะตายรับฟังได้ ทั้งโจทก์ก็มีพยานซึ่งรู้เห็นเหตุการณ์ในเวลากระชั้นชิดหลังเกิดเหตุได้พบผู้ตายนอนอยู่ข้างถนนที่เกิดเหตุประกอบคำบอกเล่าของผู้ตาย จึงมีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2353/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบตกแก่คู่ความที่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงใหม่เพื่อสนับสนุนคำให้การ หากไม่นำสืบ ย่อมแพ้คดี
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านและที่ดิน อ้างว่าจำเลยอาศัย จำเลยให้การยอมรับว่าจำเลยอยู่ในบ้านและที่ดินของโจทก์ แต่อ้างว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ได้ เพราะโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันในการผลิตไม้ปาเก้ออกจำหน่ายเพื่อแบ่งผลกำไร และขณะนี้ห้างหุ้นส่วนยังไม่เลิกกัน ดังนี้จำเลยยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่เพื่อสนับสนุนข้ออ้างของจำเลยว่าตนมีสิทธิอยู่ในบ้านและที่ดินของโจทก์ได้ซึ่งถ้าเป็นจริงดังจำเลยต่อสู้ จำเลยก็ชนะคดี หน้าที่นำสืบข้อเท็จจริงนี้จึงตกแก่จำเลย เมื่อคู่ความท้ากันว่าหน้าที่นำสืบตกฝ่ายใดให้ฝ่ายนั้นแพ้คดี โดยคู่ความไม่สืบพยาน จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม และอำนาจฟ้องของผู้ทรงเช็ค
การที่ศาลชั้นต้นจดรายงานไว้ว่า ก่อนสืบพยาน โจทก์ยื่นขอระบุพยานเพิ่มเติม ศาลสั่งอนุญาตและจ่ายสำเนาให้จำเลย โจทก์จะนำพยานคนที่ระบุเพิ่มเติมเข้าสืบ แต่จำเลยแถลงคัดค้านขออย่าให้ศาลอนุญาตให้โจทก์นำพยานปากนี้เข้าสืบ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้โจทก์จำพยานดังกล่าวเข้าสืบได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมไว้แล้ว จึงมีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือ เมื่อโจทก์มีเช็คพิพาทไว้ในความครอบครอง โดย น. ได้นำมาขอแลกเงินจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904
ก่อนพยานเบิกความ ย่อมต้องสาบานตนว่าจะให้การตามสัตย์จริงและตอบคำถามของศาลในเรื่องนามของตนแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112, 116 เมื่อศาลชั้นต้นเขียนชื่อพยานว่า จ. จึงน่าเชื่อว่าพยานผู้นั้นคือ จ. จริง แต่เหตุใดพยานจึงเซ็นชื่อว่า พ. นั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงบ่งชัดว่าเป็นคนละคนกัน จ. ก็จะฟังว่ามิใช่ จ. ยังไม่ถนัด เพราะพยานอาจมีชื่ออีกชื่อหนึ่งก็ได้ เพียงเหตุนี้อย่างเดียวยังไม่พอจะทำให้ไม่รับฟังคำเบิกความของ จ.
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือ เมื่อโจทก์มีเช็คพิพาทไว้ในความครอบครอง โดย น. ได้นำมาขอแลกเงินจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904
ก่อนพยานเบิกความ ย่อมต้องสาบานตนว่าจะให้การตามสัตย์จริงและตอบคำถามของศาลในเรื่องนามของตนแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112, 116 เมื่อศาลชั้นต้นเขียนชื่อพยานว่า จ. จึงน่าเชื่อว่าพยานผู้นั้นคือ จ. จริง แต่เหตุใดพยานจึงเซ็นชื่อว่า พ. นั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงบ่งชัดว่าเป็นคนละคนกัน จ. ก็จะฟังว่ามิใช่ จ. ยังไม่ถนัด เพราะพยานอาจมีชื่ออีกชื่อหนึ่งก็ได้ เพียงเหตุนี้อย่างเดียวยังไม่พอจะทำให้ไม่รับฟังคำเบิกความของ จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2347/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลอนุญาตระบุพยานเพิ่มเติม และการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย
การที่ศาลชั้นต้นจดรายงานไว้ว่า ก่อนสืบพยาน โจทก์ยื่นขอระบุพยานเพิ่มเติม ศาลสั่งอนุญาตและจ่ายสำเนาให้จำเลย โจทก์จะนำพยานคนที่ระบุเพิ่มเติมเข้าสืบ แต่จำเลยแถลงคัดค้านขออย่าให้ศาลอนุญาตให้โจทก์นำพยานปากนี้เข้าสืบ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้โจทก์นำพยานดังกล่าวเข้าสืบได้ ดังนี้ ถือว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมไว้แล้ว จึงมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นได้
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือ เมื่อโจทก์มีเช็คพิพาทไว้ในความครอบครอง โดย น. ได้นำมาขอแลกเงินจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904
ก่อนพยานเบิกความ ย่อมต้องสาบานตนว่าจะให้การตามสัตย์จริงและตอบคำถามของศาลในเรื่องนามของตนแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112,116 เมื่อศาลชั้นต้นเขียนชื่อพยานว่า จ. จึงน่าเชื่อว่าพยานผู้นั้นคือ จ. จริง แต่เหตุใดพยานจึงเซ็นชื่อว่า พ. นั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงบ่งชัดว่าเป็นคนละคนกับ จ. ก็จะฟังว่ามิใช่ จ. ยังไม่ถนัด เพราะพยานอาจมีชื่ออีกชื่อหนึ่งก็ได้ เพียงเหตุนี้อย่างเดียวยังไม่พอจะทำให้ ไม่รับฟังคำเบิกความของ จ.
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสดหรือผู้ถือ เมื่อโจทก์มีเช็คพิพาทไว้ในความครอบครอง โดย น. ได้นำมาขอแลกเงินจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 904
ก่อนพยานเบิกความ ย่อมต้องสาบานตนว่าจะให้การตามสัตย์จริงและตอบคำถามของศาลในเรื่องนามของตนแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 112,116 เมื่อศาลชั้นต้นเขียนชื่อพยานว่า จ. จึงน่าเชื่อว่าพยานผู้นั้นคือ จ. จริง แต่เหตุใดพยานจึงเซ็นชื่อว่า พ. นั้น เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงบ่งชัดว่าเป็นคนละคนกับ จ. ก็จะฟังว่ามิใช่ จ. ยังไม่ถนัด เพราะพยานอาจมีชื่ออีกชื่อหนึ่งก็ได้ เพียงเหตุนี้อย่างเดียวยังไม่พอจะทำให้ ไม่รับฟังคำเบิกความของ จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลียนแบบเครื่องหมายการค้าและหีบห่อยา ไม่เข้าข่ายละเมิด หากมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน และผู้บริโภคต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
โจทก์เป็นเจ้าของยาชื่อ PERIACTIN ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ในประเทศไทยแล้ว ส่วนจำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า PERITADINE เมื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 การที่จำเลยพิมพ์คำนี้บนกล่องบรรจุยาของจำเลย แม้จะมีคำภาษาไทย "เพอริตาดิน" พิมพ์ไว้ด้วย จำเลยก็มีสิทธิ์ทำได้ และการที่แผงยาของจำเลยทำด้วยพลาสติกเซโลเฟนด้านหนึ่ง และอลูมิเนียมหรือฟอยล์สีฟ้าคล้ายกับแผงยาของโจทก์อีกด้านหนึ่ง แต่ตัวอักษรที่พิมพ์ไว้ทั้งสองด้านแตกต่างกันหลายประการ แผงยาของโจทก์และแผงยาของจำเลยจึงแตกต่างกัน ไม่อาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นแผงยาของผู้ผลิตรายเดียวกันได้ โดยเฉพาะยาของโจทก์และจำเลยเป็นยาอันตรายด้วยกัน ตามปกติผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงเป็นการยากที่จะทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดได้ สำหรับกล่องบรรจุแผงยาของโจทก์และของจำเลยก็มีลักษณะสีสรรแตกต่างกันมาก ไม่อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นการเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และเอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์ในการประกอบการค้าของโจทก์ไปใช้กับสินค้าของจำเลยเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของโจทก์ ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่า โจทก์มีสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าของโจทก์อย่างไร และจำเลยได้กระทำการอย่างใดบ้างอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ สำหรับค่าเสียหายก็ได้บรรยายแล้วว่าการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายอย่างใดคิดเป็นเงินเท่าใด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายโดยแจ้งชัดแล้วว่า โจทก์มีสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้าของโจทก์อย่างไร และจำเลยได้กระทำการอย่างใดบ้างอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ สำหรับค่าเสียหายก็ได้บรรยายแล้วว่าการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหายอย่างใดคิดเป็นเงินเท่าใด ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2206/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารประกอบพยานหลักฐาน: ศาลมีอำนาจพิจารณาความจริงตามเอกสาร แม้ไม่คัดค้าน
แม้คู่ความฝ่ายหนึ่งจะมิได้คัดค้านการอ้างเอกสารเป็นพยานของคู่ความอีกฝ่ายเสียก่อนวันนัดสืบพยานทราบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 125 ก็เพียงแต่ห้ามมิให้คู่ความฝ่ายนั้นคัดค้านการมีอยู่และความแท้จริงของเอกสารหรือความถูกต้องของสำเนาเอกสารนั้นเมื่อพ้นกำหนดเวลาเท่านั้น หาใช่เป็นการบังคับให้ศาลยอมรับว่าความจริงเป็นดังที่ปรากฏในเอกสารนั้นไม่เพราะความจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องฟังจากพยานหลักฐานทั้งปวงอีกชั้นหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2185/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกคืนทรัพย์ที่ฝากหาย: ไม่ใช่อายุความ 1 ปี แต่เป็น 10 ปี
กรณีฝากทรัพย์แล้วทรัพย์ที่ฝากได้หายไป มิใช่เป็นเรื่องผู้รับฝากทรัพย์ทำละเมิด จึงไม่ใช่อายุความ 1 ปี และไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 ที่ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันสิ้นสัญญา ต้องใช้อายุความสิบปีตามมาตรา 164 ในการใช้ราคาทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของที่ดิน vs. คำสั่งอายัด: แม้มีคำพิพากษาค้างอยู่ เจ้าของที่ดินยังมีสิทธิคัดค้านการอายัดได้
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่มีอำนาจคัดค้านขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ก็ตาม โจทก์ชอบที่จะยกขึ้นว่าในชั้นฎีกาได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัด แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้น ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิ์ในที่ดินนั้นอยู่ เมื่อสิทธิ์เช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิ์ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้น จะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตน คือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัด แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้น ผู้ร้องก็ยังมีสิทธิ์ในที่ดินนั้นอยู่ เมื่อสิทธิ์เช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิ์ร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้น จะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตน คือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้น ตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2172/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของผู้ร้อง แม้มีคำพิพากษาค้างอยู่ ผู้ร้องยังมีสิทธิคัดค้านการอายัดได้ หากสิทธิถูกโต้แย้ง
ปัญหาที่ว่าผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของที่ดิน ไม่มีอำนาจคัดค้านขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้โจทก์จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ก็ตาม โจทก์ชอบที่จะยกขึ้นว่าในชั้นฎีกาได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัดแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้นผู้ร้องก็ยังมีสิทธิในที่ดินนั้นอยู่เมื่อสิทธิเช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้นจะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตนคือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้นตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อายัดแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าที่ดินนี้ยังคงเป็นของ ป. ตามผลของคำพิพากษาอีกคดีหนึ่งอยู่ก็ตาม ตราบใดยังไม่มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาคดีนั้นผู้ร้องก็ยังมีสิทธิในที่ดินนั้นอยู่เมื่อสิทธิเช่นว่านี้ถูกโต้แย้งโดยการที่โจทก์ขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวไว้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอายัดนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
กรณีที่ศาลพิพากษาให้ ป. โอนขายที่ดินให้จำเลยนั้นจะถือว่าเป็นทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลยยังไม่ได้ เพราะ ป. จะชำระหนี้ส่วนของตนคือโอนที่ดินให้จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยชำระหนี้ตอบแทนคือชำระราคาที่ดินให้ ป. ด้วย ฉะนั้นตราบใดที่จำเลยยังมิได้เสนอที่จะชำระราคาที่ดินและกำหนดเวลาให้ ป. โอนที่ดินนั้นให้ตนแล้ว จะถือว่าหนี้ที่ ป. จะต้องโอนที่ดินให้จำเลยถึงกำหนดชำระยังมิได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอให้อายัดที่ดินดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนาย: การกำหนดจำนวนเงินแน่นอน ไม่ใช่การแบ่งทรัพย์สินจากลูกความ, อายุความ 2 ปีเริ่มนับเมื่อคดีถึงที่สุด
การเรียกค่าจ้างว่าความซึ่งกำหนดจำนวนเงินไว้แน่นอนนั้น หาใช่เป็นการแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความไม่ ไม่เป็นโมฆะ และปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัยให้ก็ตาม จำเลยชอบที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
สัญญาจ้างว่าความมีว่า จำเลยจะให้ค่าจ้างแก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์จึงอาจเริ่มบังคับได้เมื่อคดีถึงที่สุด
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
สัญญาจ้างว่าความมีว่า จำเลยจะให้ค่าจ้างแก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิ์เรียกร้องของโจทก์จึงอาจเริ่มบังคับได้เมื่อคดีถึงที่สุด
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)