พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2171/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างทนาย: การตกลงค่าจ้างที่แน่นอน ไม่ถือเป็นการแบ่งทรัพย์สิน และอายุความ 2 ปีเริ่มนับเมื่อคดีถึงที่สุด
การเรียกค่าจ้างว่าความซึ่งกำหนดจำนวนเงินไว้แน่นอนนั้นหาใช่เป็นการแบ่งเอาส่วนจากทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทอันจะพึงได้แก่ลูกความไม่ ไม่เป็นโมฆะ และปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ศาลอุทธรณ์จะมิได้วินิจฉัยให้ก็ตาม จำเลยชอบที่จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
สัญญาจ้างว่าความมีว่า จำเลยจะให้ค่าจ้างแก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงอาจเริ่มบังคับได้เมื่อคดีถึงที่สุด
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
สัญญาจ้างว่าความมีว่า จำเลยจะให้ค่าจ้างแก่โจทก์เมื่อคดีถึงที่สุดแล้วสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงอาจเริ่มบังคับได้เมื่อคดีถึงที่สุด
อายุความฟ้องเรียกเงินค่าจ้างว่าความมีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการกระทำความผิด: การไปกับคนร้ายและการวิ่งหนีเมื่อถูกจับกุมเป็นหลักฐานการร่วมกระทำผิดได้
การที่จำเลยไปกับคนร้ายที่ลงมือกระทำความผิดและเมื่อคนร้ายวิ่งหนีไปจำเลยก็วิ่งหนีไปด้วย ประกอบกับคำรับของจำเลยต่อหน้ากำนันในตอนจับกุม ย่อมเป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะทำให้ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2160/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกระทำผิดลักทรัพย์: การไปกับคนร้ายและการวิ่งหนีถือเป็นหลักฐานแสดงเจตนา
การที่จำเลยไปกับคนร้ายที่ลงมือกระทำความผิดและเมื่อคนร้ายวิ่งหนีไป จำเลยก็วิ่งหนีไปด้วย ประกอบกับคำรับของจำเลยต่อหน้ากำนันในตอนจับกุมย่อมเป็นพฤติการณ์เพียงพอที่จะทำให้ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อเนื่อง: การกลุ้มรุมทำร้ายแล้วยิงไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายก่อน การกระทำต่อเนื่องเป็นเหตุผลลบล้าง
จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่า: คำพูดประชดประชัน, ทำร้ายร่างกายเล็กน้อย, ข่มขู่ไม่ร้ายแรง ไม่เป็นเหตุให้หย่า
คำกล่าวประชดประชัน ไม่ทำให้ผู้ใดเข้าใจผิด ไม่เป็นหมิ่นประมาทที่จะถือเป็นเหตุหย่า
บาดแผลชกต่อยเป็นรอยช้ำเลือดที่แขน 7 แห่ง เท่าลูกมะนาว 7 วันหาย ไม่ถึงอันตรายแก่กายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ไม่เป็นเหตุหย่า
ขู่ว่าจะให้จิ๊กโก๋ลากตัวกลับบ้าน ไม่ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง
บาดแผลชกต่อยเป็นรอยช้ำเลือดที่แขน 7 แห่ง เท่าลูกมะนาว 7 วันหาย ไม่ถึงอันตรายแก่กายตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ไม่เป็นเหตุหย่า
ขู่ว่าจะให้จิ๊กโก๋ลากตัวกลับบ้าน ไม่ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2041/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืนและการพกพาอาวุธปืน
ใช้อาวุธปืนขู่ปล้นทรัพย์ในเมือง เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคสองผู้พกปืนมีความผิดตาม มาตรา 371 ต่างกระทงกัน เฉพาะผู้ที่ใช้ปืนขู่รับโทษหนักขึ้นตามม.340 ตรี จาก มาตรา 340วรรคสองอีกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้ทรงเช็คยังเป็นผู้เสียหาย แม้จะให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ ช. ไปแต่อย่างใด โจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ทรงเช็คยังคงเป็นผู้เสียหาย แม้จะมอบเช็คให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
จำเลยสั่งจ่ายเช็คเงินสดให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีของ ช. เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้โอนเช็คนั้นให้แก่ ช. ไปอย่างใดโจทก์จึงยังเป็นผู้ทรงเช็คนั้นอยู่ในขณะที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1849/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาแจ้งความร้องทุกข์ต้องมุ่งหวังให้ดำเนินคดี หากแจ้งเพื่อเป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย
คำร้องทุกข์ตามกฎหมายจะต้องเป็นการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ
คำแจ้งความของผู้เสียหายที่แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า"จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานและขอรับเช็คคืนไปดำเนินการเอง" นั้น เป็นเพียงแจ้งความไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย
คำแจ้งความของผู้เสียหายที่แจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า"จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้เป็นหลักฐานและขอรับเช็คคืนไปดำเนินการเอง" นั้น เป็นเพียงแจ้งความไว้เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้น มิได้มีเจตนาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยไม่ถือเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมาย