คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิสัณห์ ลีตเวทย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์สินของภริยาในสินสมรสที่สามีโอนให้บุตรโดยไม่ได้รับความยินยอม คดีไม่มีอายุความ
สามีโจทก์เอาที่ดินและห้องแถวซึ่งเป็นสินสมรสไปจดทะเบียนให้แก่บุตรซึ่งเกิดแต่ภริยาอื่นโดยเสน่หา และโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์นั้นมาเป็นของตนและกองมรดกของสามีได้ ส่วนการเพิกถอนการให้ก็ต้องเพิกถอนทั้งหมด จะเพิกถอนเฉพาะส่วนหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 872/2508)
การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์ของตนเป็นคดีไม่มีอายุความฟ้องร้อง แม้จะเป็นเวลาช้านานสักปานใดและทราบเรื่องเมื่อใด เจ้าของยังมีสิทธิติดตามทรัพย์นั้นได้เสมอ เว้นแต่กรณีจะต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382, 1383 เจ้าของจึงจะหมดสิทธิติดตามกรณีนี้จะนำเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาปรับใช้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามเอาคืนทรัพย์สินในสินสมรสที่โอนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภริยา และไม่มีอายุความ
สามีโจทก์เอาที่ดินและห้องแถวซึ่งเป็นสินสมรสไปจดทะเบียนให้แก่บุตรซึ่งเกิดแต่ภริยาอื่นโดยเสน่หา และโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์นั้นมาเป็นของตนและกองมรดกของสามีได้ส่วนการเพิกถอนการให้ก็ต้องเพิกถอนทั้งหมด จะเพิกถอนเฉพาะส่วนหาได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 872/2508)
การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์ของตนเป็นคดีไม่มีอายุความฟ้องร้องแม้จะเป็นเวลาช้านานสักปานใด และทราบเรื่องเมื่อใด เจ้าของยังมีสิทธิติดตามทรัพย์นั้นได้เสมอเว้นแต่กรณีจะต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382,1383 เจ้าของจึงจะหมดสิทธิติดตาม กรณีนี้จะนำเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาปรับใช้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 450/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าวสารเหนียวไม่แจ้งรายละเอียด เป็นของเกี่ยวเนื่องกับความผิด ต้องริบ
ข้าวสารเหนียวของกลาง 80 กระสอบเป็นข้าวที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับความผิด ต้องริบตาม พระราชบัญญัติการค้าข้าวพ.ศ.2489 มาตรา 21 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดค่าปรับนายประกันจากการติดตามตัวจำเลย แม้ผิดสัญญาประกันแล้ว ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาจากพฤติการณ์
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้อง นายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยซึ่งได้ประกันตัวไปต่อศาลศาลชั้นต้นสั่งปรับเต็มตามสัญญาประกัน นายประกันอุทธรณ์ขอให้ระงับการสั่งปรับไว้ก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนายประกันฎีกาต่อมาและขอลดค่าปรับ เมื่อปรากฏว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับแล้ว นายประกันได้เสียค่าใช้จ่ายขวนขวายติดตามจับตัวจำเลยมาส่งศาลได้ ศาลฎีกาย่อมยกเป็นเหตุประกอบการพิจารณาลดค่าปรับให้นายประกันได้ (ไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลล่างพิจารณาข้อนี้เสียก่อน)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดค่าปรับนายประกันจากการขวนขวายติดตามตัวจำเลย แม้ผิดสัญญาประกันไว้ก่อน
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้อง นายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยซึ่งได้ประกันตัวไปต่อศาล ศาลชั้นต้นสั่งปรับเต็มตามสัญญาประกันนายประกันอุทธรณ์ขอให้ระงับการสั่งปรับไว้ก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนายประกันฎีกาต่อมาและขอลดค่าปรับเมื่อปรากฏว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นสั่งปรับแล้วนายประกันได้เสียค่าใช้จ่ายขวนขวายติดตามจับตัวจำเลยมาส่งศาลได้ ศาลฎีกาย่อมยกเป็นเหตุประกอบการพิจารณาลดค่าปรับให้นายประกันได้ (ไม่จำต้องย้อนไปให้ศาลล่างพิจารณาข้อนี้เสียก่อน)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานตามมาตรา 149 ไม่ต้องมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก่อน การเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หาจำต้องเป็นกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว หรือเจ้าพนักงาน (จำเลย) ได้พบการกระทำผิดซึ่งเกิดขึ้นซึ่งหน้าไม่ น. นายตำรวจปลอมตัวเป็นคนขับรถบรรทุกข้าวโพด แม้รถนั้นจะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจรถได้เรียกให้รถหยุดเพื่อตรวจ ย่อมถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกและรับเงิน 20 บาทไว้จาก น. เพื่อจะไม่กระทำการตรวจตามหน้าที่ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา 149
หมายเหตุ ที่ประชุมใหญ่ (ครั้งที่ 2/2518) ได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับที่ศาลล่างพิพากษาให้ริบเงิน 20 บาทของกลางด้วย มีมติว่าพึงริบได้และมีมติด้วยว่าไม่ต้องกล่าวถึงปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจ แม้ยังไม่มีการกระทำผิด ก็ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หาจำต้องเป็นกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว หรือเจ้าพนักงาน (จำเลย)ได้พบการกระทำผิดซึ่งเกิดขึ้นซึ่งหน้าไม่ น. นายตำรวจปลอมตัวเป็นคนขับรถบรรทุกข้าวโพด แม้รถนั้นจะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจรถได้เรียกให้รถหยุดเพื่อตรวจ ย่อมถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติราชการไปตามอำนาจหน้าที่ของจำเลย เมื่อจำเลยเรียกและรับเงิน 20 บาทไว้จาก น. เพื่อจะไม่กระทำการตรวจตามหน้าที่ ก็ต้องมีความผิดตามมาตรา149(หมายเหตุที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2518) ได้พิจารณาปัญหาเกี่ยวกับที่ศาลล่างพิพากษาให้ริบเงิน 20 บาทของกลางด้วย มีมติว่าพึงริบได้ และมีมติด้วยว่าไม่ต้องกล่าวถึงปัญหานี้ไว้ในคำพิพากษาศาลฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสร้างทางหลวงและการเวนคืนที่ดิน: การขุดคูไม่เป็นการละเมิดสิทธิใช้ถนน
ที่ดินที่ขุดคูพิพาทเป็นที่ดินที่ถูกเวนคืนมาเป็นของรัฐบาลเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการสร้างทางหลวงบนที่ดินที่ถูกเวนคืนนั้นเพื่อประโยชน์การจราจรสาธารณะทางบกได้ ซึ่งรวมถึงการทำรางระบายน้ำ รองน้ำ กำแพงกั้นดิน ฯลฯ ตาม พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2482 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2497 มาตรา 3 แม้การขุดคูของจำเลยทั้งสามขวางหน้าที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่ได้ความสะดวกที่จะใช้ถนนแต่สิทธิในการใช้ถนนกับความไม่สะดวกในการใช้ถนนเป็นคนละอย่าง คนละเรื่องกัน หากโจทก์ขัดข้องไม่ได้ความสะดวกเกี่ยวกับการใช้อย่างไรก็ชอบที่จะปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2482 เมื่อจำเลยไม่เคยหวงห้ามโจทก์มิให้ใช้ถนน และการขุดคูก็ได้ทำไปเพื่อประโยชน์แก่งานทางหลวงเพราะเป็นความจำเป็นเพื่อทดแทนทางน้ำเดิมที่สูญไป การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับการใช้ถนนหลวง และไม่ต้องด้วย ป.พ.พ.มาตรา 1337 โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยกลบคูคลองที่จำเลยขุดขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเวนคืนเพื่อสร้างทางหลวง และขอบเขตการรบกวนการใช้ประโยชน์ที่ดินเดิม
ที่ดินที่ขุดคูพิพาทเป็นที่ดินที่ถูกเวนคืนมาเป็นของรัฐเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน กรมทางหลวงจำเลยที่ 1 ย่อมมีอำนาจที่จะดำเนินการสร้างทางหลวงบนที่ดินที่ถูกเวนคืนนั้นเพื่อประโยชน์การจราจรสาธารณะทางบกได้ซึ่งรวมถึงการทำรางระบายน้ำ ร่องน้ำ กำแพงกั้นดิน ฯลฯ ตาม พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2482 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2497 มาตรา 3 แม้การขุดคูของจำเลยทั้งสามขวางหน้าที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ไม่ได้ความสะดวกที่จะใช้ถนน แต่สิทธิในการใช้ถนนกับความไม่สะดวกในการใช้ถนนเป็นคนละอย่างคนละเรื่องกัน หากโจทก์ขัดข้องไม่ได้ความสะดวกเกี่ยวกับการใช้อย่างไร ก็ชอบที่จะปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรา30 แห่ง พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2482 เมื่อจำเลยไม่เคยหวงห้ามโจทก์มิให้ใช้ถนน และการขุดคูก็ได้ทำไปเพื่อประโยชน์แก่งานทางหลวงเพราะเป็นความจำเป็นเพื่อทดแทนทางน้ำเดิมที่สูญไป การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่เป็นการละเมิดต่อสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับการใช้ถนนหลวงและไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยกลบคูคลองที่จำเลยขุดขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายไม้และการกลับสู่สถานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ในคดีก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งทำกันไว้คือให้โจทก์ชำระหนี้ค่าไม้เป็นเงิน 58,000 บาท แก่จำเลยพร้อมกับมารับโอนกรรมสิทธิ์ไม้ตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่าสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิ (ให้อีกฝ่าย) ปฏิบัติการชำระหนี้แต่จำเลยในฐานะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คือไม่ส่งมอบไม้ทั้งหมดแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ภายในเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้ไม้เสื่อมคุณภาพใช้ประโยชน์ไม่ได้การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกปัดไม่รับมอบไม้ทั้งหมดจากจำเลยถือว่าเป็นการได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบแล้วจำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับโจทก์ให้รับไม้และให้ชำระเงินแก่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลยโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจนบัดนี้โจทก์ยังไม่ได้รับไม้จากจำเลยตามสัญญาเพราะ ไม้ผุเน่าไปหมด จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามสัญญาโดยชำระเป็นเงินค่าไม้แทนคิดเป็นเงิน 203,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้เมื่อโจทก์ซึ่งเคยเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 391 เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่ เดิมกล่าวคือเมื่อก่อนทำสัญญาอยู่ในฐานะอย่างไรก็ให้คู่สัญญากลับไปอยู่ในฐานะอย่างนั้นประดุจว่าไม่เคยมีนิติกรรมเกิดขึ้นในระหว่างคู่กรณี เนื่องจากโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาก่อนที่จะได้มีการชำระหนี้ต่อกัน ฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องคืนต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าไม้แทนได้
of 51