คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิสัณห์ ลีตเวทย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1144/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีค่าอุปการะเลี้ยงดูและการยึดทรัพย์ซ้ำ โดยไม่มีหมายบังคับคดีใหม่
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีได้ต่อเมื่อลูกหนี้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271
ในคดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภรรยา มีคำบังคับให้แบ่งสินสมรสกัน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์ตั้งแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าโจทก์จะจดทะเบียนสมรสกับสามีใหม่นั้น โจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าไม่อาจตกลงแบ่งสินสมรสกันได้ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานกองหมายให้ทำการยึดทรัพย์มาขายทอดตลาด ต้องถือว่าหมายบังคับคดีที่ศาลชั้นต้นตั้งให้หัวหน้ากองหมายจัดการยึดสินสมรสนั้นก็เพื่อแบ่งให้โจทก์จำเลยเท่านั้น ข้อความในหมายบังคับคดีนอกนั้นหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ที่จะขอให้บังคับไม่ เป็นแต่เท้าความถึงคำพิพากษาซึ่งเกินกว่าที่โจทก์ขอ เมื่อได้จัดการตามหมายบังคับคดีฉบับแรกไปแล้ว โจทก์ได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีอีกฉบับหนึ่งอ้างว่าจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาที่ให้ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์เป็นเวลา 32 เดือน ซึ่งศาลก็ได้ออกหมายบังคับคดีให้ตามคำร้องขอของโจทก์ และจำเลยได้ชำระเงินให้ตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้วภายหลังโจทก์จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจำนวนใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังโดยอาศัยหมายบังคับคดีเดิมสองฉบับที่จำเลยได้ปฏิบัติตามหมายบังคับคดีครบถ้วนแล้ว และโดยที่ศาลมิได้ออกหมายบังคับคดีให้ใหม่หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง - ตัวแทน - สัญญาเช่าซื้อ - การรับข้อเท็จจริงของจำเลย - การนำสืบหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ในสัญญาเช่าซื้อซึ่งแนบมาท้ายฟ้องระบุด้วยว่าผู้ลงชื่อเป็นคู่สัญญากับจำเลยเป็นผู้แทนผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ จำเลยก็ให้การรับว่าได้ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์มิได้กล่าวว่าสัญญาไม่สมบูรณ์เพราะเหตุใด ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทำสัญญาเช่าซื้อถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงเป็นการมิชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997-998/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของโรงแรมต่อทรัพย์สินของแขก: 'ของมีค่า' ตามมาตรา 675 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เครื่องพิมพ์ดีดชนิดกระเป๋าหิ้วราคา 2,700 บาท และเครื่องบวกเลขชนิดโยกด้วยมือราคา 4,800 บาท ไม่เป็น 'ของมีค่าอื่น ๆ' ตามความหมายของมาตรา 675 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อผู้เดินทางนำมายังโรงแรมแล้วเกิดหายไปจากห้องพักเจ้าสำนักโรงแรมก็ต้องรับผิดชดใช้ราคา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้ธนาคารปฏิเสธจ่าย
จำเลยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ แต่ไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในขณะที่ออกให้ โดยจำเลยตกลงว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินมาชำระภายในวันที่ 30 มีนาคม 2514 ก็ให้โจทย์นำเช็คไปขึ้นเงินได้ วันที่ 5 เมษายน 2514 โจทก์นำเช็คไปขอรับเงิน เจ้าหน้าที่ธนาคารเป็นผู้ลงวันที่ในขณะนั้น ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยระบุว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย การที่จำเลยออกเช็คโดยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าไม่มีวันที่ผู้อออกเช็คกระทำผิด แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 ประกอบกับมาตรา 989 จะให้สิทธิผู้ทรงเช็คไว้ว่า ถ้าเช็ครายใดมิได้ลงวันที่ออกเช็ค ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดกระทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้นั้น กฎหมายเพียงแต่ให้เช็คฉบับนั้นเป็นเช็คที่มีรายการสมบูรณ์ตามกฎหมาย ฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะลงโทษผู้ออกเช็คในทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(2) (3) ไม่ (อ้างนับคำพิพากษาฎีกาที่ 89-90/2513)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีวันที่ออก ไม่ถือเป็นความผิดอาญาตาม พ.ร.บ. เช็ค แม้ผู้ทรงเช็คจะลงวันที่เอง
จำเลยออกเช็คโดยไม่มีวันที่สั่งจ่าย ถือได้ว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำผิด แม้ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดกระทำการโดยสุจริตจะจดวันที่ถูกต้องแท้จริงลงได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910, 989 ก็มีผลแต่เพียงเช็คนั้นมีรายการสมบูรณ์ตามกฎหมายฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลที่จะลงโทษจำเลยทางอาญาตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3(2)(3) ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: 'ผู้อื่น' ตาม ม.350 อาญา
คำว่า 'ผู้อื่น' ตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น หมายความถึงบุคคลอื่นนอกจากตัวลูกหนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ร่วม แล้วจำเลยที่ 1โอนที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3 ผู้มิได้เป็นลูกหนี้ของโจทก์ร่วม ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้อื่น ตามความหมายแห่งมาตรา 350 นั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: ‘ผู้อื่น’ ตาม ม.350 อาญา หมายถึงบุคคลอื่นนอกเหนือจากลูกหนี้
คำว่า "ผู้อื่น" ตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้นหมายความถึงบุคคลอื่นนอกจากตัวลูกหนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ร่วม แล้วจำเลยที่ 1โอนที่ดินของจำเลยที่ 1ให้จำเลยที่ 3 ผู้มิได้เป็นลูกหนี้ของโจทก์ร่วม ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3เป็นผู้อื่น ตามความหมายแห่งมาตรา 350 นั้นแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3366/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองดีกว่าสิทธิครอบครองที่ยังไม่ได้จดทะเบียน แม้มีคำพิพากษารับรองแล้ว ผู้รับจำนองสุจริตย่อมมีสิทธิบังคับจำนองได้
สิทธิจำนองเป็นสิทธิที่ติดอยู่กับตัวทรัพย์จำนอง เมื่อโจทก์ได้สิทธิจำนองที่ดินของจำเลยทั้งแปลงก่อนแล้ว แม้ต่อมาในภายหลังผู้ร้องจะได้กรรมสิทธิ์มาโดยทางครอบครองในที่ดินบางส่วนของจำเลยและมีคำพิพากษารับรองก็ตาม แต่เมื่อยังไม่ได้จดทะเบียน จะยกขึ้นต่อสู้ผู้รับจำนองซึ่งได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตไม่ได้ สิทธิของโจทก์จึงดีกว่าสิทธิที่ผู้ร้องอ้าง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1064/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยบันดาลโทสะ ลดโทษเนื่องจากอายุและคำให้การที่เป็นประโยชน์
จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ และขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง ๑๗ ปีเศษ ซึ่งศาล พิจารณาเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลย จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา ๗๖ ลงหนึ่งในสาม และเนื่องจากจำเลยฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะกรณีต้องด้วยมาตรา ๗๒ จึงให้จำคุกจำเลย ๙ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามมาตรา ๗๘ ให้อีก หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย ๖ ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยบันดาลโทสะ ลดโทษเนื่องจากอายุและคำให้การที่เป็นประโยชน์
จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะ และขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ซึ่งศาลพิจารณาเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลย จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ลดมาตราส่วนโทษตามมาตรา 76 ลงหนึ่งในสาม และเนื่องจากจำเลยฆ่าผู้ตายเพราะบันดาลโทสะกรณีต้องด้วยมาตรา 72 จึงให้จำคุกจำเลย 9 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามมาตรา 78 ให้อีกหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย 6 ปี
of 51