คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พิสัณห์ ลีตเวทย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมและความผิดฐานหมิ่นประมาทจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ
มาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477มีจุดมุ่งหมายเป็นเรื่องให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้ในคำสั่งเท่านั้น มิได้บัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้จะจับผู้กระทำผิดนั้นไม่ได้
การกล่าวถ้อยคำว่า "ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มาเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควรจะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมและการกล่าวถ้อยคำที่ไม่สมควรของเจ้าพนักงาน: การกระทำไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาท
มาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 มีจุดมุ่งหมายเป็นเรื่องให้ผู้กระทำผิดไปรายงานตนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้เขียนไว้ในคำสั่งเท่านั้น มิได้บัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้จะจับผู้กระทำผิดนั้นไม่ได้
การกล่าวถ้อยคำว่า "ขับรถยียวน ขอจับกุม เอาใบขับขี่มา เป็นเพียงคำพูดที่ไม่สมควร จะต้องกล่าวในเวลาจับกุมเท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3146/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โรงอุตสาหกรรมยาสูบ-การปิดแสตมป์: การนิยาม 'ยาเส้น' ครอบคลุมทุกพันธุ์ และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาสูบ
บริเวณไร่ปลูกต้นยาสูบของจำเลยมีเพิงหมาแหงนกันแดดที่จำเลยปลูกไว้ เพื่อใช้เป็นที่ทำยาอัด ยาเส้น เพื่อการค้าเพิงหมาแหงนรวมตลอดถึงบริเวณสถานที่นี้ จึงเป็นโรงอุตสาหกรรมยาสูบ ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509
ยาเส้นทุกชนิดไม่ว่า จะเป็นยาเส้นจากพันธุ์เวอร์ยิเนียแท้ หรือเป็นยาเส้นพันธุ์เวอร์ยิเนียผสมกับพันธ์ยาสูบพื้นเมือง หรือยาเส้นจากพันธุ์ยาสูบพื้นเมือง ล้วนต้องถือว่าเป็นยาเส้นตามความหมายในมาตรา 18 วรรคแรก ทั้งสิ้น จำเลยนำออกจากโรงอุตสาหกรรมยาสูบโดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบก่อนจึงมีความผิด ดังนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่ายาเส้นนั้นเป็นพันธุ์เวอร์ยิเนีย แต่ทางพิจารณากลับได้ความว่าเป็นยาเส้นพันธุ์เวอร์ยิเนียผสมกับพันธุ์ยาสูบพื้นเมือง จะถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง หรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3146/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบการยาสูบต้องปฏิบัติตามกฎหมายยาสูบ แม้จะอ้างว่าเป็นยาเส้นพันธุ์พื้นเมือง หรือเป็นยาเส้นผสม ก็ต้องปิดแสตมป์
บริเวณไร่ปลูกต้นยาสูบของจำเลยมีเพิงหมาแหงนกันแดดที่จำเลยปลูกไว้ เพื่อใช้เป็นที่ทำยาอัด ยาเส้น เพื่อการค้าเพิงหมาแหงนรวมตลอดถึงบริเวณสถานที่นี้จึงเป็นโรงอุตสาหกรรมยาสูบ ตามความในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ.2509
ยาเส้นทุกชนิดไม่ว่า จะเป็นยาเส้นจากพันธุ์เวอร์ยิเนียแท้หรือเป็นยาเส้นพันธุ์เวอร์ยิเนียผสมกับพันธ์ยาสูบพื้นเมือง หรือยาเส้นจากพันธุ์ยาสูบพื้นเมือง ล้วนต้องถือว่าเป็นยาเส้นตามความหมายในมาตรา 18 วรรคแรก ทั้งสิ้น จำเลยนำออกจากโรงอุตสาหกรรมยาสูบโดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบก่อน จึงมีความผิด ดังนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่ายาเส้นนั้นเป็นพันธุ์เวอร์ยิเนีย แต่ทางพิจารณากลับได้ความว่าเป็นยาเส้นพันธุ์เวอร์ยิเนียผสมกับพันธุ์ยาสูบพื้นเมือง จะถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้องหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2968/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความสมบูรณ์ แม้มีเจรจาต่อรองโดยอ้างอิงถึงคดีอาญาที่ฟ้องร้อง
โจทก์ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 โดยชำระเงินกับออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระราคาค่าที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีที่ดินที่จะขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกงแล้วโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ต่อกัน ในการทำสัญญาดังกล่าวแม้จะฟังตามที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยทั้งสองลงชื่อไปเพราะโจทก์พูดว่า "ต้องคืนเงิน (ที่จำเลยรับไป) ถ้าไม่คืนจะเอาเข้าตะราง" ก็ดี หรือทนายโจทก์พูดว่า "ขอให้คืนมัดจำและเช็คให้เสีย ถ้าไม่คืนเงินจะให้เอาเข้าตะราง" ก็ดี เป็นเรื่องที่โจทก์ขู่ว่า ถ้าจำเลยไม่คืนเงินและเช็คที่รับไปแล้ว โจทก์จะฟ้องเอาผิดกับจำเลยทางอาญาฐานฉ้อโกง อันเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตเพราะตนมีสิทธิในมูลกรณีนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมหาจัดว่าเป็นการข่มขู่ไม่ และไม่ใช่เรื่องหลอกลวงสัญญาประนีประนอมยอมความจึงสมบูรณ์ใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2968/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมสมบูรณ์ แม้มีขู่ว่าจะฟ้องอาญา หากไม่คืนเงิน ไม่ถือเป็นการข่มขู่หลอกลวง
โจทก์ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยที่ 1 โดยชำระเงินกับออกเช็คสั่งจ่ายเงินชำระราคาค่าที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 และได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้ ต่อมาปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีที่ดินที่จะขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีอาญาฐานฉ้อโกงแล้วโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความไว้ต่อกัน ในการทำสัญญาดังกล่าวแม้จะฟังตามที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยทั้งสองลงชื่อไปเพราะโจทก์พูดว่า 'ต้องคืนเงิน (ที่จำเลยรับไป)ถ้าไม่คืนจะเอาเข้าตะราง' ก็ดี หรือทนายโจทก์พูดว่า 'ขอให้คืนมัดจำและเช็คให้เสีย ถ้าไม่คืนเงินจะให้เอาเข้าตะราง' ก็ดี เป็นเรื่องที่โจทก์ขู่ว่า ถ้าจำเลยไม่คืนเงินและเช็คที่รับไปแล้ว โจทก์จะฟ้องเอาผิดกับจำเลยทางอาญาฐานฉ้อโกง อันเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตเพราะตนมีสิทธิในมูลกรณีนั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการขู่ว่าจะใช้สิทธิตามปกตินิยมหาจัดว่าเป็นการข่มขู่ไม่ และไม่ใช่เรื่องหลอกลวงสัญญาประนีประนอมยอมความจึงสมบูรณ์ใช้บังคับได้
of 51