พบผลลัพธ์ทั้งหมด 503 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายใบอินวอยซ์ปุ๋ยโดยสุจริต ผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์และหน้าที่คืนสินค้า
ปุ๋ยเคมีของโจทก์อยู่ที่คลังสินค้า มีผู้ปลอมใบอินวอยซ์ของโจทก์ขายใบอินวอยซ์ให้จำเลยรับปุ๋ยไปจากคลังสินค้าโดยจำเลยสุจริตศาลในคดีอาญาพิพากษายกฟ้องคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักและใช้ใบอินวอยซ์ปลอม คำพิพากษาในคดีอาญานี้ศาลต้องฟังตามในคดีแพ่งผลในคดีแพ่งคือจำเลยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ มิใช่ฟังกลับข้อเท็จจริงที่รับฟังมาในคดีอาญาได้ จำเลยซื้อใบอินวอยซ์เท่ากับซื้อปุ๋ยในท้องตลาด โจทก์เรียกปุ๋ยคืนไม่ได้ เว้นแต่ใช้ราคาที่จำเลยซื้อมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอดำเนินคดีอนาถาต้องแสดงเหตุผลมีมูลคดี หากไม่มีมูล ศาลชอบที่จะยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน และต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน
คำร้องให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมคดีอนาถาซึ่งไม่มีเหตุที่จะชนะคดีศาลไม่ต้องไต่สวนก็ได้ การอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำขอต้องร้องต่อศาลอุทธรณ์ใน 7 วัน ถ้ายื่นคำร้องเกิน 7 วัน ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง คำสั่งศาลอุทธรณ์นี้ฎีกาได้ ศาลฎีกาพิพากษายืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์หากไม่มีการขายทอดตลาด
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอยางอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินการกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอยางอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง 5 (3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าฤชาธรรมเนียมบังคับคดี: ผู้แพ้คดีไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมยึดทรัพย์สินหากไม่มีการขาย
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมผู้แพ้คดีใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์นั้น จำเลยทั้งสามและจำเลยร่วมต้องรับผิดเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเท่านั้น ส่วนกรณียึดทรัพย์สินซึ่งมิใช่ตัวเงินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายตามตาราง 5(3)ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นเป็นค่าฤชาธรรมเนียมที่เกิดขึ้นภายหลัง จำเลยผู้แพ้คดีหาต้องรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
โจทก์เป็นผู้ดำเนินกระบวนพิจารณาขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยร่วม จึงถือได้ว่าโจทก์ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 149 เมื่อไม่มีการขายหรือจำหน่ายโจทก์จึงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามตาราง5(3) ท้ายประมวลกฎหมายดังกล่าว หาใช่จำเลยผู้แพ้คดีจะต้องเป็นผู้ชำระไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้ผู้อื่นลงลายมือชื่อในสัญญากู้แทน มิผูกพันผู้กู้ตามกฎหมาย
จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ โดยจำเลยยินยอมอนุญาตให้ ณ บุตรจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อจำเลยในช่องผู้กู้แทนจำเลยดังนี้หาผูกพันจำเลยไม่ และกรณีเช่นนี้หาใช่กรณีที่จำเลยเชิดให้ ณ.เป็นตัวแทนกู้เงินโจทก์ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนทรัพย์สินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ: ข้อเท็จจริงใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผู้รับให้บอกปัดไม่ยอมให้สั่งจำเป็นเลี้ยงชีวิตแก่โจทก์ผู้ให้ในเวลาที่โจทก์ยากไร้และจำเลยยังสามารถให้ได้อันเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ จำเลยให้การเพียงว่าโจทก์มิได้อยู่ในฐานะยากจน แต่มีฐานะมั่นคงและจำเลยได้อุปการะโจทก์อยู่ด้วยดีตลอดมา ประเด็นจึงมีว่าโจทก์ยากไร้และจำเลยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งจำเป็นแก่โจทก์ ทั้ง ๆ ที่จำเลยสามารถให้ได้หรือไม่เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉยว่าโจทก์ไม่ใช่คนยากไร้ จะฟ้องเรียกให้ถอนคืนการให้มิได้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาว่าทรัพย์สินที่โจทก์มีเป็นที่ดินจะขายก็ไม่ทันที่จะนำมาใช้ตามความจำเป็นหาได้ไม่ เพราะมิใช่เป็นข้อที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยไม่ยกขึ้น ศาลก็วินิจฉัยได้
อำนาจฟ้องแม้จำเลยไม่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ก็เป็นปัญหากฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตและขอบเขตคำฟ้อง: จำเลยไม่ต้องรื้อถอนหากเชื่อโดยสุจริต ศาลไม่สามารถพิพากษาค่าเสียหายเกินคำฟ้อง
การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยถือหลักเขตตามโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานออกให้โดยไม่ทราบว่าหลักเขตที่ปักนั้นคลาดเคลื่อน ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312
การเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิทธิหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีสบัญญัติ กล่าวคือถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142
การเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิทธิหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีสบัญญัติ กล่าวคือถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดินโดยสุจริตตามโฉนดที่ดิน และขอบเขตการบังคับใช้คำพิพากษาเรื่องค่าเสียหาย
การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยถือหลักเขตตามโฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานออกให้ โดยไม่ทราบว่าหลักเขตที่ปักนั้นคลาดเคลื่อน ย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำออกจากที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1312
การเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิทธิหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีบัญญัติ กล่าวคือ ถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
การเรียกร้องค่าเสียหายเป็นสิทธิหน้าที่หรือความรับผิดของบุคคลอันเป็นกฎหมายสารบัญญัติ ส่วนวิธีการที่จะยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตามกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายวิธีบัญญัติ กล่าวคือ ถ้าเป็นคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์เพียงแต่ขอบังคับให้จำเลยรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโจทก์ มิได้มีคำขอเกี่ยวกับเรื่องค่าเสียหาย ศาลจะพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ไม่ได้ เป็นการเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อบังคับสมาคมต้องจดทะเบียนตามกฎหมายจึงมีผลบังคับใช้ การเลือกตั้งกรรมการฝ่าฝืนข้อบังคับที่จดทะเบียนแล้วสมาชิกมีสิทธิฟ้องเพิกถอนได้
บรรดาสมาคมนอกจากจะต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1275 แล้ว การแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อบังคับใหม่นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1283 วรรคสอง ยังบังคับให้ส่งสำเนาข้อบังคับที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมใหม่สามฉบับไปจดทะเบียนภายในสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ลงมติ ฉะนั้น แม้ข้อบังคับที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่นั้นจะได้รับความยินยอมจากสมาชิกสามัญเกินกว่าหนึ่งในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดและได้รับอนุมัติจากท่านศาสดาสมเด็จสังฆราชถูกต้องตามข้อบังคับของสมาคม แต่เมื่อข้อบังคับดังกล่าวยังมิได้จดทะเบียนตามที่กฎหมายบังคับไว้ จึงยังไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลใช้บังคับแก่สมาคม
เมื่อจำเลยจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมที่ได้จดทะเบียนไว้ โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมได้ แม้จะมิได้คัดค้านไว้
เมื่อจำเลยจัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมที่ได้จดทะเบียนไว้ โจทก์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการเลือกตั้งกรรมการที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของสมาคมได้ แม้จะมิได้คัดค้านไว้