คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท บริรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: เริ่มนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้ผู้รับโอนเช็คภายหลัง
จำเลยออกเช็คให้แก่ ย. ลงวันที่ 14 เมษายน 2515 ย. นำเช็คไปเข้าบัญชี ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยบอกว่า "ยังรอเรียกเก็บเงินอยู่ โปรดนำมายื่นใหม่" วันที่17 เดือนเดียวกัน ย. นำเช็คไปเข้าบัญชีอีกครั้งหนึ่ง ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน แจ้งว่าให้ไปติดต่อผู้สั่งจ่ายต่อมา ย. สลักหลังเช็คให้โจทก์ โจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2515 ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีกโดยแจ้งว่าบัญชีปิดแล้ว ดังนี้ถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2515 โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อเกินสามเดือนนับแต่นั้น คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีเช็ค: เริ่มนับแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้ผู้ทรงเช็คจะเปลี่ยนมือ
เช็คพิพาทได้ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2515 ผู้ทรงเช็คในขณะนั้นทราบเรื่องแต่ได้สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์ โจทก์นำไปขึ้นเงินและถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2515 ต้องถือว่าวันที่ 14 เมษายน 2515 เป็นวันที่ความผิดได้เกิดขึ้น และเป็นวันรู้เรื่องการกระทำผิด เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวมาฟ้องคดีในวันที่ 1 สิงหาคม 2515 เป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แม้โจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คภายหลังก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในฎีกา และการไม่ยกประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ตามพินัยกรรมมีชื่อสามีของโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงชื่อเป็นพยานด้วย. โดยจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงข้อนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น และจำเลยฎีกาว่าที่พิพาทต้องตกเป็นของจำเลยตามข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างจำเลยกับเจ้ามรดก ซึ่งเจ้ามรดกมิได้บอกล้าง โดยจำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์คงกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์เพียงข้อเดียวว่า พินัยกรรมตามฟ้องไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาทั้งสองข้อนี้ให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยกล่าวอ้างในชั้นศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ตามพินัยกรรมมีชื่อสามีของโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงชื่อเป็นพยานด้วย โดยจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงข้อนี้ขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น และจำเลยฎีกาว่าที่พิพาทต้องตกเป็นของจำเลยตามข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างจำเลยกับเจ้ามรดก ซึ่งเจ้ามรดกมิได้บอกล้าง โดยจำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์คงกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์เพียงข้อเดียวว่า พินัยกรรมตามฟ้องไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาทั้งสองข้อนี้ให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2256-2257/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ จากการขาดความระมัดระวังในการดูแล
บิดามารดามีรถยนต์บรรทุก 2 คันจอดไว้ที่ถนนเพราะไม่มีที่เก็บมองจากบ้านไม่เห็นรถ บุตรเคยขับรถคันเกิดเหตุไปล้างใกล้ๆกับที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ ซึ่งแสดงว่าบิดามารดาทราบดีว่าบุตรขับรถยนต์ได้ ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์ อายุ 18 ปี อยู่ในวัยคะนองชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ แต่บิดามารดากลับเก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้บุตรเอากุญแจรถไปได้ และขับรถของบิดามารดาไปทำละเมิดต่อโจทก์ ย่อมถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2256-2257/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์อันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการดูแล
บิดามารดามีรถยนต์บรรทุก 2 คันจอดไว้ที่ถนนเพราะไม่มีที่เก็บ มองจากบ้านไม่เห็นรถ บุตรเคยขับรถคันเกิดเหตุไปล้างใกล้ๆ กับที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ซึ่งแสดงว่าบิดามารดาทราบดีว่าบุตรขับรถยนต์ได้ ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์ อายุ 18 ปี อยู่ในวัยคะนองชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ แต่บิดามารดากลับเก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้บุตรเอากุญแจรถไปได้ และขับรถของบิดามารดาไปทำละเมิดต่อโจทก์ ย่อมถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีจำกัดเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดไม่มีสิทธิบังคับคดีแทนเจ้าหนี้
ผู้ร้องเป็นผู้รับซื้อที่ดินของจำเลยได้จากการขายทอดตลาดเป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินซึ่งผู้ร้องซื้อไว้ ผู้ร้องชอบที่ไปฟ้องร้องเป็นคดีต่างหาก จะใช้สิทธิขอบังคับในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการบังคับคดีจำกัดเฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ซื้อที่ดินจากการประมูลไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องเป็นผู้รับซื้อที่ดินของจำเลยได้จากการขายทอดตลาดเป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินซึ่งผู้ร้องซื้อไว้ ผู้ร้องชอบที่ไปฟ้องร้องเป็นคดีต่างหาก จะใช้สิทธิขอบังคับในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการบังคับคดีของบุคคลภายนอกคดี ผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดไม่มีอำนาจบังคับจำเลย
ผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลว่า ศาลมีคำสั่งให้จำเลยขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินที่ผู้ร้องซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ขนย้าย ผู้ร้องจึงทำการขนย้ายเครื่องจักรออกไปฝากคลังสินค้า โดยผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าเช่าโกดังขอให้จำเลยชำระ ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยปฏิบัติ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำสั่งศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องรับผิดค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเครื่องจักรและค่ารักษาที่ฝากคลังสินค้าถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนค่ารักษาเครื่องจักรนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงวันรับเครื่องจักรคืนจากคลังสินค้าให้จำเลยรับผิดคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการบังคับผู้ร้องและจำเลยให้ต้องรับผิดปฏิบัติตามคำสั่งและคำพิพากษาแต่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดของศาลหาใช่เป็นผู้มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยได้ไม่ เพราะผู้ร้องมิใช่คู่ความหรือบุคคลผู้เป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) แต่เป็นบุคคลภายนอกคดีไม่มีสิทธิบังคับคดีในคดีนี้ได้ เมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิเกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องก็ชอบที่จะฟ้องจำเลยเป็นคดีต่างหากจากคดีเดิมจะใช้สิทธิขอบังคับจำเลยในคดีนี้ไม่ได้ ศาลชอบที่จะยกคำแถลงของผู้ร้องเสียแต่ต้นเมื่อตามกฎหมายผู้ร้องไม่มีอำนาจขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ได้แล้ว แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ให้ต้องรับผิดก็ตาม กรณีเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยไม่ต้องรับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2092/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการบังคับคดีของผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาด: ผู้ซื้อไม่มีอำนาจบังคับจำเลยแทนเจ้าหนี้เดิม
ผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลว่า ศาลมีคำสั่งให้จำเลยขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินที่ผู้ร้องซื้อจากการขายทอดตลาดของศาล ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ขนย้าย ผู้ร้องจึงทำการขนย้ายเครื่องจักรออกไปฝากคลังสินค้า โดยผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าเช่าโกดัง ขอให้จำเลยชำระ ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยปฏิบัติ แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำสั่งศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องรับผิดค่าใช้จ่ายในการขนย้ายเครื่องจักรและค่ารักษาที่ฝากคลังสินค้าถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนค่ารักษาเครื่องจักรนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงวันรับเครื่องจักรคืนจากคลังสินค้าให้จำเลยรับผิดคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการบังคับผู้ร้องและจำเลยให้ต้องรับผิดปฏิบัติตามคำสั่งและคำพิพากษาแต่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดของศาลหาใช่เป็นผู้มีอำนาจขอให้บังคับจำเลยได้ไม่ เพราะผู้ร้องมิใช่คู่ความหรือบุคคลผู้เป็นฝ่ายชนะ(เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) แต่เป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่มีสิทธิบังคับคดีในคดีนี้ได้.เมื่อมีข้อโต้แย้งสิทธิเกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องก็ชอบที่จะฟ้องจำเลยเป็นคดีต่างหากจากคดีเดิม จะใช้สิทธิขอบังคับจำเลยในคดีนี้ไม่ได้ ศาลชอบที่จะยกคำแถลงของผู้ร้องเสียแต่ต้นเมื่อตามกฎหมายผู้ร้องไม่มีอำนาจขอให้ศาลบังคับจำเลยในคดีนี้ได้แล้ว แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ให้ต้องรับผิดก็ตาม กรณีเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยให้จำเลยไม่ต้องรับผิดได้
of 23