คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท บริรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่อง: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคดีอาญาที่ถึงที่สุดในการพิจารณาคดีละเมิด
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: การยกฟ้องในคดีอาญาทำให้คดีแพ่งต้องยกฟ้องตามไปด้วย
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยนมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้องที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ส เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายข้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้กรมธรรม์ประกันภัยเริ่มต้นเมื่อบริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัย
กรมธรรม์ระบุว่า กรมธรรม์มีผลในวันที่บริษัทได้รับเงินเบี้ยประกันภัยตามเช็ค ผู้เอาประกันภัยชำระเบี้ยประกันภัยด้วยเช็คเมื่อวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลาธนาคารปิดรับเช็คแล้ว จึงเข้าบัญชีเรียกเก็บได้ในวันจันทร์ที่ 1 มีนาคม เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ บริษัทไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแลกเปลี่ยนที่ดินไม่สำเร็จ แต่จำเลยได้รับส่วนของโจทก์แล้ว โจทก์บังคับได้ตามกฎหมาย
โจทก์จำเลยตกลงแลกเปลี่ยนที่ดินกันตามแนวเขตใหม่ จำเลยครอบครองส่วนที่รับจากโจทก์แล้ว โจทก์ยังมิได้ครอบครองส่วนที่แลกกับจำเลย ยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ แต่จำเลยรับส่วนของโจทก์ไปแล้ว จึงบังคับจำเลยได้ตาม มาตรา 456,519 การที่จำเลยยังคงครอบครองที่ดินส่วนที่จำเลยมอบให้โจทก์อยู่ ก็มิใช่แย่งการครอบครองจากโจทก์ จึงอ้างระยะเวลา 1 ปีไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2253/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเล่นแชร์: นายวงมีหน้าที่รับผิดชอบเงินลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูลเมื่อวงล้ม
การเล่นแชร์ เป็นสัญญาชนิดหนึ่งเกิดขึ้นจากความตกลงระหว่างผู้เล่น ไม่มีนักกฎหมายบังคับว่าจะต้องทำสัญญาหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ คงบังคับกันได้ตามหลักสัญญาทั่วไป เมื่อพฤติการณ์เป็นที่เข้าใจกันระหว่างผู้เล่นว่า จำเลยซึ่งเป็นนายวงตกลงยอมเป็นผู้รับผิดชอบใช้เงินแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้ประมูล (เปีย) ในเมื่อวงแชร์ล้ม ดังนี้ เมื่อวงแชร์ล้มจำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นลูกวงและยังมิได้ประมูล
หากจะมีมติของคณะรัฐมนตรีห้ามข้าราชการและพนักงานองค์การของรัฐเล่นแชร์จริง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับบัญชาทางวินัยเท่านั้นการเล่นวงแชร์หาได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะทำให้สัญญาตกเป็นโมฆะไม่
แม้โจทก์เปียแชร์วงอื่นซึ่งจำเลยเป็นนายวงได้ไปแล้วและโจทก์มีกำไรก็ตามก็เป็นเรื่องของแชร์วงนั้น ๆ จะให้นำกำไรนั้นมาหักออกจากจำนวนเงินที่โจทก์เสียหายและจำเลยต้องชดใช้ในวงพิพาพไม่ได้เพราะเป็นสัญญาต่างรายกัน ผู้เข้าเล่นแตกต่างกันไปทั้งจำนวนและผู้เข้าเล่นตลอดจนระยะเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2183/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ห้างหุ้นส่วนเลิกแล้วแต่ยังชำระบัญชี: อำนาจของผู้ช่วยผู้จัดการในการสั่งซื้อเพื่อป้องกันความเสียหาย
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเลิกกันเมื่อผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดตาย แต่ยังถือว่าตั้งอยู่ระหว่างชำระบัญชี ผู้ช่วยผู้จัดการห้างสั่งซื้อกระดาษเพื่อดำเนินการที่ค้างมามิให้ห้างหุ้นส่วนเสียหายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2126/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของตัวแทนขายรถยนต์เมื่อโอนกรรมสิทธิ์และชำระเงินแล้ว การฟ้องเรียกเงินค่ารถค้างชำระ
แม้โจทก์จะเป็นตัวแทนขายรถของบริษัทอื่น และเดิมรถพิพาทเป็นของบริษัทนั้น แต่เมื่อโจทก์ได้ขายรถพิพาทให้จำเลยในนามของโจทก์เอง ทั้งโจทก์ก็ได้ชำระราคารถพิพาทให้บริษัทนั้นแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ และบริษัทนั้นก็ได้โอนทะเบียนรถพิพาทให้โจทก์หลังจากโจทก์ขายรถพิพาทให้จำเลยโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง
เมื่อจำเลยซื้อรถของโจทก์ไป และยังชำระราคารถไม่หมดจำเลยย่อมมีหน้าที่ชำระราคารถที่ค้างจนหมด จะโต้แย้งว่าห้างโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์จำหน่ายรถยนต์ ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยซื้อรถพิพาทไปจากโจทก์ในราคาเท่าใด ต่อมาเปลี่ยนแปลงสัญญากันอย่างใด จำเลยชำระแล้วเท่าใด ค้างเท่าใด ทั้งยังอ้างคำพิพากษาของศาลอื่นซึ่งวินิจฉัยว่าจำเลยนี้เป็นตัวแทนของโจทก์ และพิพากษาบังคับให้โจทก์โอนทะเบียนรถพิพาทให้ผู้อื่น ซึ่งโจทก์ได้โอนไปแล้วตามคำพิพากษาดังกล่าว จึงให้จำเลยรับผิดชำระเงินที่ค้างต่อโจทก์ตามสัญญา และในฐานะตัวแทนพึงปฏิบัติต่อตัวการด้วย คำฟ้องดังกล่าวย่อมเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้วจึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2121/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค, การเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ, การนำสืบพยานภายหลัง, เช็คเงินสด
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทแลกเงินสดจาก จ. และยอมเสียดอกเบี้ยให้ จ. โดยไม่มีกำหนดเวลาชำระต้นเงินคืน เมื่อจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยตามสัญญา แม้เช็คพิพาทจะมิได้ลงวันที่สั่งจ่ายไว้ ผู้ทรงก็มีสิทธิลงวันที่สั่งจ่ายได้ เมื่อนับจากวันที่ลงนั้นจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องยังไม่พ้น 1 ปีฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1002
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ผู้ทรงคนเดิมมีสิทธิโอนต่อให้บุคคลอื่นได้ เมื่อมีผู้เอาเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คหรือไม่ แม้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบภายหลังมิได้ถามค้านพยานจำเลยไว้ โจทก์ก็มีสิทธินำสืบได้ว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คมาจาก ช.เพราะเป็นการนำสืบตามประด็นที่โจทก์ฟ้องและจำเลยต่อสู้ไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 89

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2045/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองป่าสงวนและการฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก
ที่ป่าสงวนโจทก์ก็มีสิทธิครอบครอง มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ที่ขออาศัยโจทก์ทำไร่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2036/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆะตั้งแต่แรก: การติดตามทรัพย์สินจากนิติกรรมโมฆียะและการโอนสิทธิที่มิชอบ
ส.ภริยาโจทก์ได้ขายที่พิพาทให้แก่ก.กับพวกไปโดยโจทก์มิได้ให้ความยินยอม โจทก์ฟ้อง ส.และก.กับพวกเป็นคดีแรกขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายเสีย ปรากฏว่า ก. กับพวกขายที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 ไปแล้วโจทก์จึงขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นว่า นิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่าง ส. กับ ก. และพวก เป็นโมฆะ ให้เพิกถอนเสีย และเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายระหว่าง ก. กับพวก กับจำเลยที่ 1 เสียด้วย ศาลฎีกาพิพากษายืน ขณะที่คดีแรกอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 ได้ขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยที่ 2 และที่พิพาทหลุดเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ให้ทำลายนิติกรรมการขายฝากระหว่างจำเลยทั้งสองเสียดังนี้ การที่โจทก์ฟ้อง ส. กับพวก ขอให้เพิกถอนนิติกรรมอันเป็นโมฆียะในคดีแรกนั้น ถือได้ว่าโจทก์ได้บอกล้างนิติกรรมแล้ว เมื่อในที่สุดศาลพิพากษาว่านิติกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ นิติกรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 138 วรรคแรกการที่ ก.กับพวก โอนขายที่พิพาทให้จำเลยที่ 1 ก็ดี หรือจำเลยที่ 1ขายฝากที่พิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ก็ดี เป็นอันใช้ยันโจทก์ไม่ได้ เพราะการขายต่อ ๆ มา จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจที่จะโอนขายได้ เข้าหลักที่ว่าผู้รับโอนไม่มีอำนาจดีกว่าผู้โอน เพราะนิติกรรมอันเดิมเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกเสียแล้ว โจทก์ย่อมใช้สิทธิตามเอาทรัพย์สินตามมาตรา 1336 ได้ กรณีเช่นนี้ จะนำมาตรา 1299 และ 1300 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่ ส่วนมาตรา 1329 นั้น ต้องได้ความว่า ได้ทรัพย์สินมาในระหว่างที่ยังไม่มีการบอกล้างโมฆียะกรรม ถ้าได้มาภายหลังล้างโมฆียะกรรมแล้ว ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครอง
of 23