คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท บริรักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 224 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์ที่เจ้าของเดิมทำสัญญาเช่าซื้อไว้แล้ว โจทก์ซื้อโดยสุจริต ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
รถยนต์ของจำเลยให้ พ.เช่าซื้อ.พ มอบรถแก่ ม. ร้านบริการรถยนต์ตั้งแสดงเพื่อขายโดยคนของจำเลยแนะนำ ม.ให้โจทก์เช่าซื้อรถ โจทก์ซื้อโดยสุจริตจากพ่อค้าตามมาตรา 1332 ศาลบังคับให้จำเลยโอนทะเบียนรถแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สินสมรสเมื่อหย่า: การแบ่งที่ดินชำระแล้ว, สินเดิมสูญเสีย, หนี้ระหว่างสมรส
ภริยาทำสัญญาจะซื้อที่ดินชำระราคาแล้วบางส่วน เมื่อหย่ากันสิทธิตามสัญญานี้เป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันด้วย
สินเดิมของภริยาซึ่งสูญไประหว่างสมรส การเอาสินสมรสใช้ต้องคิดตามราคาเดิม ไม่ใช่ราคาเมื่อหย่ากัน
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่ากันไม่ต้องหักใช้หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสและยังไม่ได้ชำระเสียก่อน เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดร่วมกันอยู่ และเป็นไปตามมาตรา 1518

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: สิทธิผู้ซื้อทรัพย์ - การแจ้งวันขายทอดตลาด - อำนาจศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขายทอดตลาดในการบังคับคดีใหม่ผู้ซื้อทรัพย์คนหนึ่งใน 3 คนที่รวมกันซื้อ ฎีกาได้เพราะมีส่วนได้เสีย
ศาลไม่ได้แจ้งวันขายทอดตลาดให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาทราบไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถ้าไม่ได้อ้างในศาลชั้นต้น และมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นวินิจฉัยเองไม่ได้
การขายทอดตลาดทรัพย์ในการบังคับคดี จะขายรวมหรือแยกขายก็ได้ ตามมาตรา 309

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานลายมือชื่อและผลของการหลบหนีของลูกหนี้
รายงานผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ลายมือชื่อในเอกสาร รับฟังได้โดยไม่ต้องให้ผู้ตรวจเบิกความประกอบ
ลูกหนี้อยู่ที่ซอย 22 สุขุมวิท บ้านเลขที่เท่าใดจำเลยจำไม่ได้โจทก์ตามหาไม่พบ ถือได้ว่าลูกหนี้หลบหนีหาตัวไม่ได้ ซึ่งฟ้องผู้ประกันได้ตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายทรัพย์สาธารณประโยชน์: ป้ายบอกชื่อหนองน้ำสาธารณะเข้าข่ายทรัพย์เพื่อประโยชน์สาธารณะ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ป้ายบอกชื่อหนองน้ำสาธารณะ เป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เมื่อจำเลยถอนป้ายทิ้ง จึงต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1192/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือรับรองเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาเช่าซื้อ แม้จำเลยไม่ได้ลงนาม ก็มีผลผูกพันโจทก์
โจทก์ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อมาสด้าแบบเก๋งจากบริษัทจำเลย และยังได้ทำหนังสือรับรองให้จำเลยยึดถือไว้มีความตอนแรกว่า"...นอกจากข้าพเจ้าจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวแล้วข้าพเจ้าขอรับรองต่อบริษัทฯ ตามเงื่อนไขแห่งข้อความต่อไปนี้อีกด้วยคือ..."และข้อ 2 แห่งหนังสือรับรองก็ว่า "เนื่องจากราคาค่าเช่าซื้อรถยนต์ที่เช่าซื้อนี้บริษัทฯ ได้คิดให้ข้าพเจ้าในราคาต่ำกว่าราคาที่ขายทั่วไป ดังนั้นในระหว่างอายุแห่งสัญญาเช่าซื้อยังไม่ครบกำหนด ข้าพเจ้าจะไม่นำรถคันที่เช่าซื้อนี้โอนให้แก่บุคคลภายนอกไม่ว่าโดยนิตินัยหรือพฤตินัยเป็นอันขาด และหากข้าพเจ้าจะต้องออกจากงานของบริษัทไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ข้าพเจ้าจะต้องจัดการชำระค่าเช่าซื้อที่ติดค้างทั้งหมดแก่บริษัทฯ ทันที หรือจะต้องเพิ่มราคาค่าเช่าซื้อตามจำนวนที่บริษัทฯ ได้ลดให้และจัดหาหลักประกันให้แก่บริษัทฯ จนเป็นที่พอใจแล้วแต่กรณี" และในข้อ 3มีข้อความว่า "ให้ถือเอาเงื่อนไขแห่งหนังสือนี้ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งแห่งสัญญาเช่าซื้อฉบับลงวันที่ 11 เดือยเมษายน พ.ศ. 2512 โดยเป็นสารสำคัญอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ เดือนเมษายนพ.ศ. 2512 โดยเป็นสารสำคัญอันเป็นเหตุให้บริษัทฯ บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อได้ ในกรณีที่ข้าพเจ้าปฏิบัติผิดสัญญานี้" จากข้อความในหนังสือรับรองดังกล่าวแล้วนี้ ล้วนแต่เป็นเงื่อนไขที่โจทก์สมัครใจยินยอมผูกพันตนกับจำเลยเองและยอมรับเอาผลที่จะเกิดจากการแสดงเจตนาตามข้อความในหนังสือรับรองนั้น ดังนั้นโจทก์จึงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหนังสือรับรองดังกล่าว แม้จำเลยจะมิได้เซ็นชื่อในหนังสือนั้นก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยตกลงกับโจทก์ตามนั้น เพราะจำเลยเป็นฝ่ายยึดถือหนังสือรับรองนี้ไว้ และยังถือได้อีกว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นเงื่อนไขอันหนึ่งของสัญญาเช่าซื้อด้วยเมื่อสัญญาเช่าซื้อสมบูรณ์ ข้อความตามหนังสือรับรองก็ใช้บังคับได้ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินจากสิ่งปลูกสร้าง เจ้าของเดิมไม่ต้องรื้อถอน แต่ต้องชดใช้ค่าที่ดิน
เจ้าของรวมปลูกเรือนลงในที่ดิน ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินแล้วโอนขายต่อๆ มาทั้ง 2 แปลงเมื่อได้รังวัดสอบเขตจึงปรากฏว่าเรือนรุกล้ำอยู่ในเขตที่ดินที่แบ่งออกเป็นอีกแปลงหนึ่ง 16 ถึง 60 เซ็นติเมตรดังนี้เจ้าของเดิมปลูกเรือนโดยสุจริตตามที่มีสิทธิปลูกได้ตามกฎหมายแม้ผู้รับโอนทราบก่อนรับโอนว่าเรือนรุกล้ำ ก็ไม่อาจถูกบังคับให้รื้อถอนอาคารส่วนที่รุกล้ำได้ต้องใช้มาตรา 4 วินิจฉัยเทียบมาตรา 1312 ซึ่งเป็นบทใกล้เคียงให้เจ้าของได้รับค่าใช้ที่ดินที่รุกล้ำเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ทำขึ้นโดยรู้ว่าทรัพย์สินกำลังถูกบังคับคดียึดขายทอดตลาด ถือเป็นการฉ้อฉล สัญญาเป็นโมฆะ
ท.เป็นเจ้าของที่ดินและตึกพิพาทซึ่งจำนองไว้แก่ ช. จำเลยรู้ดีว่า ช. กับ ท. กำลังเป็นความกันอยู่และศาลได้พิพากษาให้ ท.ไถ่ถอนจำนองที่ดินและตึกพิพาท ควรจะรู้แล้วว่าหาก ท.ไม่จัดการไถ่ถอนที่ดินและตึกพิพาทอาจจะต้องถูกยึดขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้จำนองแก่ ช. จำเลยก็ยังทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับ ท. มีกำหนด 8 ปี โดยจดทะเบียนซึ่งควรรู้ไดว่าจะก่อให้เกิดภาระผูกพันแก่ตึกพิพาทในเมื่อ ท.ไม่สามารถชำระหนี้จำนองและอาจมีการขายทอดตลาดซึ่งย่อมทำให้ผู้ซื้อเสียเปรียบ ครั้นเมื่อ ท.ไม่ชำระหนี้จำนอง ศาลจึงบังคับคดียึดที่ดินและตึกพิพาทขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ซื้อได้โดยไม่รู้ว่าตึกพิพาทมีสัญญาเช่าผูกพันอยู่ พฤติการณ์ของ ท.กับจำเลยถือได้ว่า ท.กับจำเลยสมยอมกันทำสัญญาเช่าตึกพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางให้บุคคลที่อาจประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลังเสียเปรียบ เป็นการฉ้อฉล แม้โจทก์จะประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลัง ก็ถือได้ว่าเป็นเจ้าหนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 237 สัญญาเช่านั้นจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยให้การแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ไม่ได้บรรยายว่าเคลือบคลุมอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 177 จำเลยโต้แย้งขึ้นมาในชั้นแก้ฎีกา จึงไม่เป็นประเด็นต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่สมยอมกันเพื่อทำให้ผู้ประมูลซื้อเสียเปรียบ ถือเป็นการฉ้อฉล สัญญาเช่าจึงไม่มีผลผูกพัน
ท. เป็นเจ้าของที่ดินและตึกพิพาทซึ่งจำนองไว้แก่ ช. จำเลยรู้ดีว่า ช. กับ ท. กำลังเป็นความกันอยู่และศาลได้พิพากษาให้ท. ไถ่ถอนจำนองที่ดินและตึกพิพาทควรจะรู้แล้วว่าหากท. ไม่จัดการไถ่ถอน. ที่ดินและตึกพิพาทอาจจะต้องถูกยึดขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้จำนองแก่ ช.จำเลยก็ยังทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับ ท. มีกำหนด 8 ปี โดยจดทะเบียน ซึ่งควรรู้ได้ว่าจะก่อให้เกิดภาระผูกพันแก่ตึกพิพาทในเมื่อ ท.ไม่สามารถชำระหนี้จำนอง และอาจมีการขายทอดตลาดซึ่งย่อมทำให้ผู้ซื้อเสียเปรียบ ครั้นเมื่อ ท. ไม่ชำระหนี้จำนองศาลจึงบังคับคดียึดที่ดินและตึกพิพาทขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้โดยไม่รู้ว่าตึกพิพาทมีสัญญาเช่าผูกพันอยู่ พฤติการณ์ของ ท.กับจำเลยถือได้ว่าท. กับจำเลยสมยอมกันทำสัญญาเช่าตึกพิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทางให้บุคคลที่อาจประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลังเสียเปรียบเป็นการฉ้อฉลแม้โจทก์จะประมูลซื้อตึกพิพาทในภายหลัง ก็ถือได้ว่าเป็นเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา237 สัญญาเช่านั้นจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยให้การแต่เพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ได้บรรยายว่าเคลือบคลุมอย่างไร เป็นคำให้การที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 จำเลยโต้แย้งขึ้นมาในชั้นแก้ฎีกาจึงไม่เป็นประเด็นต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความผิดและผู้สนับสนุน
ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีผู้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดเป็นคนไทย 1 คน ผู้เป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดเป็นคนต่างด้าว 1 คน ถือเป็นคนต่างด้าวตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่281 ห้างหุ้นส่วนนี้ทำการค้าประกอบธุรกิจนายหน้า ตัวแทนค้าปลีกสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิด คนไทยผู้เป็นหุ้นส่วนเป็นผู้สนับสนุน
โทษปรับนิติบุคคลจะกักขังแทนเงินไม่ได้ จึงจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา29 เท่านั้น
of 23