พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,956 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลขายสิทธิการเช่า: การผิดสัญญาของผู้ประมูล และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อการประมูลโอนขายสิทธิการเช่าที่โจทก์ประมูลได้เป็นไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ทราบถึงเงื่อนไขการเช่าโจทก์ก็ไม่มีสิทธิบอกล้างได้ เมื่อจำเลยพร้อมที่จะทำสัญญาโอนสิทธิตามสัญญาให้โจทก์ได้ แต่โจทก์หาได้ไปติดต่อทำสัญญาและวางเงินค่าประมูลที่ยังค้างอีกตามที่ตกลงไว้ไม่ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนเพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้แต่เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75 เปอร์เซนต์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 75 เปอร์เซนต์จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ได้" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทนเพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้แต่เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75 เปอร์เซนต์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25 เปอร์เซนต์ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25 เปอร์เซนต์ ส่วนอีก 75 เปอร์เซนต์จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25 เปอร์เซนต์ได้" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมูลขายทอดตลาดสิทธิการเช่า: การผิดสัญญาของผู้ซื้อและสิทธิในการริบเงินชำระส่วนหนึ่ง
เมื่อการประมูลโอนขายสิทธิการเช่าที่โจทก์ประมูลได้เป็นไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย และโจทก์ทราบถึงเงื่อนไขการเช่า โจทก์ก็ไม่มีสิทธิบอกล้างได้ เมื่อจำเลยพร้อมที่จะทำสัญญาโอนสิทธิตามสัญญาให้โจทก์ได้ แต่โจทก์หาได้ไปติดต่อทำสัญญาและวางเงินค่าประมูลที่ยังค้างอีกตามที่ตกลงไว้ไม่ โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้ เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้วจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทน เพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75% ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25% ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25% ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25% ส่วนอีก 75% จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้ หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25%" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย
เมื่อราคาค่าประมูลที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ จ. เรียกร้องเป็นค่าตอบแทนที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่าห้องทั้ง 11 ห้อง แต่เมื่อไม่มีทางจะโอนสิทธิการเช่าให้โจทก์ได้ เพราะได้พ้นกำหนดสัญญาเดิมของ จ. ผู้เช่าจากจำเลยที่ 3 เสียแล้วจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีสิทธิจะได้รับค่าตอบแทน เพราะราคาค่าประมูลนั้นเป็นค่าตอบแทนสิทธิที่โจทก์จะได้รับโอนสิทธิการเช่า เพราะข้อตกลงในรายงานการประชุมเจ้าหนี้ระบุไว้เพียงว่าถ้าไม่ชำระอีก 75% ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25% ที่ชำระไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีเงื่อนไขให้อำนาจที่จะเรียกร้องเอาชำระราคาจนเต็มได้
จำนวนเงิน 25% ที่โจทก์วางแก่จำเลยในวันประมูลขายนั้น ในรายงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นเงินมัดจำ เพียงแต่กล่าวว่า "การชำระเงิน ผู้ซื้อจะชำระในวันนี้ 25% ส่วนอีก 75% จะชำระภายในวันที่ 3 เดือนนี้ หากผิดนัด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิริบเงิน 25%" ข้อความดังกล่าวนี้แสดงว่าเป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาค่าซื้อ ไม่ใช่มัดจำ จำเลยริบไม่ได้ จะว่าเป็นเบี้ยปรับที่ชำระแล้วก็ไม่ได้ เพราะในขณะที่โจทก์ชำระเงินนั้น ยังไม่มีการผิดนัด จึงเป็นการชำระเบี้ยปรับในขณะที่ยังไม่ผิดสัญญาไม่ได้อยู่เอง
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา หากจำเลยได้รับความเสียหาย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้สิทธิเรียกร้องมาแต่ต้น จำเลยจึงไม่มีสิทธิจะริบเงินที่โจทก์วางไว้เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของราคาที่ชำระให้จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้เมื่อไม่มีกำหนดเวลา การบอกกล่าวทวงถามทำให้เกิดหน้าที่ชำระหนี้ทันที การเสนอผ่อนชำระไม่ผูกพันจนกว่าจะตกลง
ตามหนังสือที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ดังนั้น เมื่อโจทก์บอกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยก็มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ จำเลยจะขอผ่อนชำระหนี้โดยโจทก์ไม่ได้ตกลงตามข้อเสนอนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ที่ไม่มีกำหนดเวลา เมื่อทวงถามแล้วจำเลยต้องชำระเต็มจำนวน การเสนอผ่อนชำระไม่ผูกพันโจทก์หากไม่ตกลง
ตามหนังสือที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้ไม่มีการกำหนดเวลาชำระหนี้ ดังนี้ เมื่อโจทก์บอกกล่าวทวงถามแล้ว จำเลยก็มีนั้นหน้าที่ต้องชำระหนี้ จำเลยจะขอผ่อนชำระหนี้โดยโจทก์ไม่ได้ตกลงตามข้อเสนอนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998-1000/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าและการฟ้องขับไล่: การส่งค่าเช่าให้ผู้ให้เช่าเดิมไม่ถือเป็นการชำระหนี้ที่ถูกต้องต่อผู้รับโอนสิทธิ
ตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้ให้เช่าเดิม จำเลยมีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินค่าเช่าไปชำระให้แก่โจทก์ ฉะนั้น การที่จำเลยส่งค่าเช่าไปชำระแก่โจทก์และทนายโจทก์ทางธนาณัติโจทก์และทนายโจทก์ไม่ยอมรับ ถือได้ว่าจำเลยยังมิได้ปฏิบัติการชำระหนี้โดยชอบ
เมื่อจำเลยตกเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน เมื่อโจทก์ได้ให้ผู้แทนบอกกล่าวเลิกการเช่า จำเลยไม่ออกไป โจทก์จึงฟ้องขับไล่ได้
ในคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เห็นได้ว่าศาลในคดีนั้นมิได้วินิจฉัยหรือชี้ขาดในเรื่องค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เรียกค่าเช่าที่ค้างได้
จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในค่าเช่าไป การที่จำเลยชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าเดิม จึงจะยกเป็นข้อต่อสู้ไม่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์หาได้ไม่
ข้อที่ว่าสัญญาเช่าได้เปลี่ยนแปลงแล้วเพราะที่ปฏิบัติมา เจ้าของผู้ให้เช่าเป็นผู้มาเก็บค่าเช่าเองโดยมิได้ถือเอาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงอันนี้ขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และฟ้องก็ไม่ได้บรรยายว่าผู้ให้เช่าเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเองจริง จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยตกเป็นฝ่ายผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดกัน เมื่อโจทก์ได้ให้ผู้แทนบอกกล่าวเลิกการเช่า จำเลยไม่ออกไป โจทก์จึงฟ้องขับไล่ได้
ในคดีก่อนศาลวินิจฉัยว่า การเช่าของจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ เห็นได้ว่าศาลในคดีนั้นมิได้วินิจฉัยหรือชี้ขาดในเรื่องค่าเช่า โจทก์จึงฟ้องคดีนี้เรียกค่าเช่าที่ค้างได้
จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิในค่าเช่าไป การที่จำเลยชำระค่าเช่าให้แก่ผู้ให้เช่าเดิม จึงจะยกเป็นข้อต่อสู้ไม่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์หาได้ไม่
ข้อที่ว่าสัญญาเช่าได้เปลี่ยนแปลงแล้วเพราะที่ปฏิบัติมา เจ้าของผู้ให้เช่าเป็นผู้มาเก็บค่าเช่าเองโดยมิได้ถือเอาตามสัญญา จำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงอันนี้ขึ้นต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และฟ้องก็ไม่ได้บรรยายว่าผู้ให้เช่าเป็นผู้ไปเก็บค่าเช่าเองจริง จึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบุคคลภายนอกสัญญา และดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฟ้องบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่คู่สัญญาฐานผิดสัญญา และขอให้บังคับตามสัญญานั้น เป็นฟ้องที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นเองเพื่อยกฟ้องโจทก์ได้
ตัวแทนซึ่งทำสัญญาแทนตัวการที่อยู่ต่างประเทศ อาจถูกฟ้องให้รับผิดลำพังตัวเองได้
แม้ในสัญญาจะไม่ได้กำหนดว่าเมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้เสียดอกเบี้ยก็ตาม เมื่อลูกหนี้ในสัญญานั้นผิดนัด ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224.
ตัวแทนซึ่งทำสัญญาแทนตัวการที่อยู่ต่างประเทศ อาจถูกฟ้องให้รับผิดลำพังตัวเองได้
แม้ในสัญญาจะไม่ได้กำหนดว่าเมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้เสียดอกเบี้ยก็ตาม เมื่อลูกหนี้ในสัญญานั้นผิดนัด ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 678/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องบุคคลภายนอกสัญญา, ความรับผิดตัวแทน, และดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฟ้องบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่คู่สัญญาฐานผิดสัญญา และขอให้บังคับตามสัญญานั้นเป็นฟ้องที่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลยกขึ้นเองเพื่อยกฟ้องโจทก์ได้
ตัวแทนซึ่งทำสัญญาแทนตัวการที่อยู่ต่างประเทศ อาจถูกฟ้องให้รับผิดลำพังตัวเองได้
แม้ในสัญญาจะไม่ได้กำหนดว่าเมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้เสียดอกเบี้ยก็ตาม เมื่อลูกหนี้ในสัญญานั้นผิดนัด ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
ตัวแทนซึ่งทำสัญญาแทนตัวการที่อยู่ต่างประเทศ อาจถูกฟ้องให้รับผิดลำพังตัวเองได้
แม้ในสัญญาจะไม่ได้กำหนดว่าเมื่อผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้เสียดอกเบี้ยก็ตาม เมื่อลูกหนี้ในสัญญานั้นผิดนัด ก็จะต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายต่างตอบแทน: เมื่อผู้ซื้อผิดนัด จะฟ้องให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้
สัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ผิดสัญญา โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายต่างตอบแทน: ฝ่ายผิดสัญญาไม่อาจบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาได้
สัญญาจะซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน เมื่อโจทก์ผิดสัญญาโจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกัน, การผิดนัดชำระหนี้, และการบังคับชำระหนี้ตามสัญญา
ใบมอบอำนาจระบุว่ามอบอำนาจให้ ช.ทวงถามเงินกู้จากจ.และย. แต่งตั้งทนายฟ้องร้องคดีจนถึงที่สุด ดังนี้เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวกระทำการอันเดียว มอบครั้งเดียว มอบให้กระทำการครั้งเดียว เมื่อปิดอากรแสตมป์ 5 บาท ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
การปิดแสตมป์ในตราสารเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติว่าต้องปิดก่อนหรือระหว่างการนำสืบ
ตามสัญญาได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนด ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จึงชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้นไม่จำต้องฟ้องลูกหนี้ก่อน และเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ค้ำประกันขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อน ทั้งผู้ค้ำประกันยังเบิกความว่าไม่ทราบว่าลูกหนี้อยู่ที่ไหนจะมีเงินพอชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ ผู้ค้ำประกันไม่อาจจะอ้างได้ว่าเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนจึงจะฟ้องตนได้
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เงิน ลูกหนี้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตามกฎหมาย และเมื่อจำเลยค้ำประกันโดยมิได้จำกัดจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดการค้ำประกันนี้จึงคุ้มถึงดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าหนี้จะมีหลักฐานในการทวงถามจำเลยหรือไม่ จะพอฟังว่าได้ทวงถามแล้วหรือไม่ก็ตาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยโดยระบุเงินต้นอัตราระยะเวลาและจำนวนรวมมาด้วย แต่จำนวนที่ขอมานั้นต่ำกว่าจำนวนที่ควรจะคำนวณได้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามอัตราและระยะเวลาที่โจทก์ขอ แต่จำกัดไว้ด้วยว่าไม่เกินจำนวนที่โจทก์ระบุขอมา (เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ลูกหนี้ทำไว้แก่เจ้าหนี้ โดยมิได้ฟ้องลูกหนี้ด้วย ไม่ว่าเจ้าหนี้จะได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อนฟ้องหรือไม่ก็ตาม ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมความที่ตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องนั้น)
การปิดแสตมป์ในตราสารเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติว่าต้องปิดก่อนหรือระหว่างการนำสืบ
ตามสัญญาได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทินเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระตามกำหนด ก็ตกเป็นผู้ผิดนัด เมื่อลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้จึงชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้นไม่จำต้องฟ้องลูกหนี้ก่อน และเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ค้ำประกันขอให้เรียกลูกหนี้ชำระก่อน ทั้งผู้ค้ำประกันยังเบิกความว่าไม่ทราบว่าลูกหนี้อยู่ที่ไหนจะมีเงินพอชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ ผู้ค้ำประกันไม่อาจจะอ้างได้ว่าเจ้าหนี้ต้องฟ้องลูกหนี้ก่อนจึงจะฟ้องตนได้
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้เงิน ลูกหนี้ก็ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัดร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีตามกฎหมาย และเมื่อจำเลยค้ำประกันโดยมิได้จำกัดจำนวนเงินที่จำเลยจะต้องรับผิดการค้ำประกันนี้จึงคุ้มถึงดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ค้างชำระด้วย ทั้งนี้ ไม่ว่าเจ้าหนี้จะมีหลักฐานในการทวงถามจำเลยหรือไม่ จะพอฟังว่าได้ทวงถามแล้วหรือไม่ก็ตาม
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยโดยระบุเงินต้นอัตราระยะเวลาและจำนวนรวมมาด้วย แต่จำนวนที่ขอมานั้นต่ำกว่าจำนวนที่ควรจะคำนวณได้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตามอัตราและระยะเวลาที่โจทก์ขอ แต่จำกัดไว้ด้วยว่าไม่เกินจำนวนที่โจทก์ระบุขอมา (เจ้าหนี้ฟ้องผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ลูกหนี้ทำไว้แก่เจ้าหนี้ โดยมิได้ฟ้องลูกหนี้ด้วย ไม่ว่าเจ้าหนี้จะได้เรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้นั้นก่อนฟ้องหรือไม่ก็ตาม ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดเพื่อใช้ค่าฤชาธรรมเนียมความที่ตนถูกเจ้าหนี้ฟ้องนั้น)