พบผลลัพธ์ทั้งหมด 366 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค: เช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือ และความเสียหายจากการปฏิเสธการจ่ายเงิน
ช. มายืมเงินจากโจทก์แล้วมอบเช็คสองฉบับซึ่งมีจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้แต่เช็คทั้งสองฉบับเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายแก่ผู้ถือโจทก์ไม่มีเงินฝากในธนาคาร จึงนำเช็คดังกล่าวไปให้ ก. เพื่อเข้าบัญชีของก. เพื่อเรียกเก็บเงิน ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คพิพาทสองฉบับนั้น หากเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา2(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นคดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2519)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้นคดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่10/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเป็นผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค กรณีเช็คขีดคร่อมและการมอบหมายให้ผู้อื่นเรียกเก็บเงิน
ช. มายืมเงินจากโจทก์แล้วมอบเช็คสองฉบับซึ่งมีจำหน่ายเป็นผู้สั่งจ่ายให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ แต่เช็คทั้งสองฉบับเป็นเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายแก่ผู้ซื้อ โจทก์ไม่มีเงินฝากในธนาคาร จึงนำเช็คดังกล่าวไปให้ ก. เพื่อเข้าบัญชีของ ก. เพื่อเรียกเก็บเงิน ถือได้ว่าโจทก์เป็นเจ้าของเช็คพิพาทสองฉบับนั้น หากเช็คดังกล่าวเรียกเก็บเงินไม่ได้ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น คดีของโจทก์ย่อมมีมูล (วรรคแรก วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2519)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ที่อยู่ภายใต้การประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย สิทธิเรียกร้องต้องยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์และยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 จำเลยที่ 1 ฝ่ายเดียวฎีกา เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 1 ที่ 2 เด็ดขาดจนได้ประนอมหนี้และศาลได้มีคำสั่งให้ปิดคดีเพราะชำระหนี้ตามประนอมหนี้แล้ว ดังนี้หนี้รายที่โจทก์ฟ้องคดีนี้อยู่ในบังคับที่โจทก์จะต้องยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483มาตรา 27,91 แม้โจทก์ไม่ยื่นขอรับชำระหนี้ โจทก์ก็ถูกผูกมัดโดยการประนอมหนี้ด้วยตามมาตรา 56 โจทก์จึงจะฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระหนี้เป็นคดีนี้อีกไม่ได้ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1127/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองเปลี่ยนแปลงหลักประกันได้ ลูกหนี้มิใช่ผู้จำนองไม่มีสิทธิคัดค้าน การไถ่จำนองไม่ระงับหนี้เดิม
ส. จำนองที่ดินค้ำประกันหนี้ของโจทก์ จำนองเป็นหนี้อุปกรณ์ผู้จำนองกับผู้รับจำนองตกลงกันเปลี่ยนแปลงหลักประกันได้ โดยลูกหนี้ไม่มีสิทธิขัดขวาง จำนองระงับเพราะไถ่จำนอง ไม่ทำให้หนี้เดิมของลูกหนี้ซึ่งมิใช่ผู้จำนองระงับไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นด้วยการโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ ศาลฎีกาพิพากษากลับโดยใช้บทมาตรา 393 แทน 326, 328
ฟ้องว่า จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่องสังคมอยุธยา โดยทิดแก้ว ว่า"วันก่อนเดินผ่านตลาดหักรอได้ยินเสียงเจ๊แต๋วมาดามของคุณประเสริฐมานะประเสริฐศักดิ์บก.แหลมทองตะโกนลั่นกลางตลาดว่า ถ้าคนที่ชื่อสุชาติบุญเกษมเดินผ่านหน้าร้านเมื่อไรจะถอดรองเท้าตบหน้าสักทีเสียเท่าไรก็ยอม จริงหรือเปล่าจ๊ะเจ๊"ทิดแก้ว" กลัวจะไม่จริงดังปากว่าเท่านั้นแหละแฮะ ๆ" ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328ข้อความดังนี้เป็นข้อความดูหมิ่น เพราะทำให้ผู้เสียหายบังเกิดความอับอายเป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393เป้นการอ้างบทมาตราที่ผิด ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 393 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผยแพร่ข้อความดูหมิ่นผู้อื่นผ่านหนังสือพิมพ์เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ฟ้องว่า จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ช่องสังคมอยุธยา โดยทิดแก้ว ว่า "วันก่อนเกินผ่านตลาดหัวรอได้ยินเสียเจ๊แต๋ว มาดามของคุณประสิทธิ์ มานะประเสริฐศักดิ์ บก. แหลมทอง ตะโกนลั่นกลางตลาดว่า ถ้าคนที่ชื่อสุชาติ บุญเกษม เดินผ่านหน้าร้านเมื่อไร จะถอดรองเท้าตบหน้าสักที เสียเท่าไหร่ก็ยอม จริงหรือเปล่าจ๊ะเจ๊ "ทิดแก้ว" กลัวจะไม่จริงดังปากว่าเท่านั้นแหละ แฮะ ๆ" ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 ข้อความดังนี้เป็นข้อความดูหมิ่น เพราะทำให้ผู้เสียหายบังเกิดความอับอาย เป็นการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393 เป็นการอ้างบทมาตราที่ผิด ศาลลงโทษจำเลยตามมาตรา 393 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อความเสียหายจากลูกจ้างประมาท แม้จะไม่ได้สั่งให้ทำโดยตรง
ลูกจ้างจุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ในขณะขนปี๊บหน่อไม้จากฉางขึ้นรถยนต์ตามคำสั่งของนายจ้าง หัวไม้ขีดที่กำลังติดไฟกระเด็นไปถูกปุยนุ่นและปอในฉาง ทำให้เกิดไฟไหม้ฉางและลามไปไหม้บ้านราษฎรเสียหาย ขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกำลังมีอยู่ ต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะในปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างและไม่ไกลเกินกว่าเหตุ นายจ้างต้องรับผิด
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้ว เหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตน ปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้ว เหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตน ปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อการละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติงาน แม้จะเกิดจากความประมาทเลินเล่อ และไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ลูกจ้างจุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ในขณะขนปี๊ปหน่อไม้จากฉางขึ้นรถยนต์ตามคำสั่งของนายจ้าง หัวไม้ขีดที่กำลังติดไฟกระเด็นไปถูกปุยนุ่นและปอในฉางทำให้เกิดไฟไหม้ฉางและลามไปไหม้บ้านราษฎรเสียหายขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกำลังมีอยู่ ต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างและไม่ไกลเกินกว่าเหตุ นายจ้างต้องรับผิด
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้วเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตนปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้วเหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตนปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ: โจทก์ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัย แทนที่จะคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ของจำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงควรฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีโฉนด โจทก์ซื้อและครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 20 ปีโจทก์ฟ้องคดีโดยสุจริต ดังนี้ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่ามีเหตุผลประการใดที่ศาลอุทธรณ์ไม่ควรพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่กลับไปฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 992/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบ: โจทก์ฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงแทนการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ของจำเลย แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี โจทก์ฎีกาว่าข้อเท็จจริงควรฟังว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีโฉนด โจทก์ซื้อและครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า 20 ปี โจทก์ฟ้องคดีโดยสุจริต ดังนี้ โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่ามีเหตุผลประการใดที่ศาลอุทธรณ์ไม่ได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นฎีกาไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย