คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยิ่งศักดิ์ กฤษณจินดา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 366 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคำนวณภาษีเงินได้กรณีนายจ้างจ่ายภาษีให้ลูกจ้าง ต้องรวมเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อคำนวณภาษีที่ถูกต้อง
เงินได้ที่นายจ้างออกให้เป็นค่าภาษีของลูกจ้างผู้ใดนั้น ก่อนที่จะทราบว่าเป็นเงินได้จำนวนเท่าใด ก็จะต้องทราบเสียก่อนว่าลูกจ้างผู้นั้นจะต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินได้พึงประเมินของตนเป็นจำนวนเท่าใด และภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างจะต้องเสียจำนวนนี้ หากนายจ้างออกให้ก็จะต้องนำมารวมกับรายได้พึงประเมินเดิมของลูกจ้างเพื่อถือเป็นเงินได้พึงประเมิน.ทั้งสิ้นของลูกจ้าง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 40(1) แต่จะคำนวณทำนองนี้ต่อไปซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ได้ เพราะจะเป็นการคำนวณภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายยาเสพติดและการมีไว้เพื่อจำหน่าย: ไม่ต้องปรับบทลงโทษซ้ำซ้อน
จำเลยขายเฮโรอีน 2 ห่อให้พลตำรวจ ท. ซึ่งปลอมตัวไปซื้อท. ซื้อไปแล้วได้นำพวกกลับไปจับจำเลยได้เฮโรอีนอีก 24 ห่อ เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 20ทวิ ซึ่งเป็นบทเฉพาะ ไม่ต้องปรับบทลงโทษฐานมีเฮโรอีนจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในความครอบครองตามมาตรา 20 ตรีอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พลุส่องแสงไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนหรืออาวุธตามกฎหมาย แม้รับสารภาพก็ไม่ผิด
พลุสดุดส่องแสงของกลางไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และไม่เป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเสียแล้ว ก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พลุไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนหรืออาวุธ แม้รับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้
พลุสดุดส่องแสงของกลางไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และไม่เป็นอาวุธตามประมวลกฎหมายอาญา
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเสียแล้ว ก็ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำนองกับบุคคลภายนอก: การบังคับจำนองที่ดินที่ขายฝากต้องแจ้งผู้รับโอนก่อน
จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์แล้วนำไปขายฝากแก่ผู้ร้องและไม่ไถ่คืน ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตั้งแต่วันซื้อฝากโดยมีภารจำนองติดไปด้วย หากโจทก์บังคับจำนอง โจทก์ต้องบอกกล่าวแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับโอนล่วงหน้าเดือนหนึ่งก่อน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 เมื่อโจทก์มิได้บอกกล่าวและฟ้องขอบังคับจำนองแก่ผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทที่จำเลยจำนองแก่โจทก์ เพราะผู้ร้องเป็นบุคคลนอกคดี สิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อเห็นสมควรศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)
ข้อตกลงในสัญญาจำนองที่มีเงื่อนไขไม่ให้จำเลยให้สิทธิแก่ผู้อื่นเป็นที่เสื่อมสิทธิของโจทก์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ก่อนนั้นไม่ผูกพันบุคคลภายนอก เมื่อจำเลยฝ่าฝืนข้อสัญญาเอาทรัพย์ที่จำนองไปขายฝากให้ผู้ร้อง หากเกิดความเสียหายแก่โจทก์ก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาจำนอง จะฟังว่าผู้ร้องรับซื้อฝากโดยไม่สุจริตหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อนและอายุความครอบครองที่ดิน: จำเลยฟ้องโจทก์ได้ แม้โจทก์ฟ้องก่อน
ในเรื่องฟ้องซ้อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) นั้น กฎหมายห้ามแต่โจทก์มิให้ฟ้องจำเลย หาได้ห้ามจำเลยมิให้กลับมาฟ้องโจทก์ด้วยไม่ ไม่เหมือนกับเรื่องฟ้องซ้ำตามมาตรา 148 ซึงห้ามทั้งโจทก์และจำเลยมิให้ฟ้องคดีขึ้นใหม่
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ ขอให้ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้น จำเลยจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองมายันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่ 1273/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อนและอายุความครอบครองที่ดิน: จำเลยฟ้องโจทก์ได้ แม้ศาลยกฟ้องคดีก่อน และสิทธิครอบครองใช้ยันคู่ความในคดีเดิมไม่ได้
ในเรื่องฟ้องซ้อน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา173 วรรคสอง (1) นั้น กฎหมายห้ามแต่โจทก์มิให้ฟ้องจำเลยหาได้ห้ามจำเลยมิให้กลับมาฟ้องโจทก์ด้วยไม่ ไม่เหมือนกับเรื่องฟ้องซ้ำตามมาตรา 148 ซึ่งห้ามทั้งโจทก์และจำเลยมิให้ฟ้องคดีขึ้นใหม่
การที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างที่ศาลพิจารณาคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ ขอให้ห้ามเกี่ยวข้องกับที่พิพาทโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้น จำเลยจะยกเอาสิทธิแห่งการครอบครองมายันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดีนั้นหาได้ไม่ (อ้างฎีกาที่1273/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการใช้สิทธิของเจ้าของสถานที่เมื่อผู้เช่าผิดสัญญา ไม่เป็นความผิดอาญา
ข้อสัญญาเช่าสำนักงานมีว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนด ผู้ให้เช่ากลับเข้าครอบครองสถานที่ ย้ายบุคคลออก ฯลฯ ได้ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่าผู้ให้เช่าใช้ลวดไขกุญแจห้องเช่าออกเอากุญแจใหม่ใส่แทน ผู้เช่าเข้าห้องเช่าไม่ได้ ดังนี้ เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาเช่า ไม่เป็นความผิดอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของสถานที่เช่าในการยึดคืนที่เช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา และไม่เป็นความผิดอาญา
ข้อสัญญาเช่าที่ว่า เมื่อผู้เช่าผิดสัญญาในการชำระเงินตามกำหนดเวลา เจ้าของสถานที่เช่ามีสิทธิกลับเข้าครอบครองสถานที่ ย้ายบุคคลออกไปจากสถานที่ทั้งหมด เข้าครอบครองสถานที่และเครื่องมือเครื่องใช้ทุกอย่าง สิ่งของที่ติดกับสถานที่และทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมดในสถานที่เช่า และไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าก็ตาม ก็สามารถให้เช่าสถานที่เช่าได้ใหม่ นั้น ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ใช้บังคับได้ เมื่อโจทก์ผู้เช่าเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยที่ 1 เจ้าของสถานที่เช่าใช้สิทธิตามสัญญานี้ได้ และการที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของจำเลยที่ 1 ให้คนงานใช้ลวดไขกุญแจที่ใส่ปิดประตูห้องพิพาทออกแล้วเอากุญแจลูกใหม่ใส่แทน เป็นเหตุให้โจทก์กับพนักงานเข้าไปใช้ห้องพิพาทไม่ได้ จึงไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาฝึกงานและข้อตกลงเรื่องเงินเดือนที่บริษัทกำหนดได้ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
สัญญาที่โจทก์จัดส่งและออกค่าใช้จ่ายให้จำเลยไปฝึกงาน เมื่อจำเลยฝึกงานสำเร็จแล้ว จำเลยจะทำงานให้โจทก์ชั่วระยะเวลาหนึ่ง โดยยอมให้โจทก์กำหนดอัตราเงินเดือนของจำเลยได้ตามความพอใจแต่ฝ่ายเดียวนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนที่โจทก์จำเลยสมัครใจทำกันเอง ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
of 37