คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เดช วุฒิสิงห์ชัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 151 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อต่อสู้ว่าสัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์ เนื่องจากจำนวนเงินในสัญญาไม่ตรงกับเงินที่ได้รับจริง
จำเลยให้การว่า จำนวนเงินตามสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องจำนวน 32,000 บาทนั้น จำเลยได้รับไปเพียง 4,000 บาท เท่านั้นโดยเอาหนี้เก่ามาผนวกกับหนี้ใหม่แล้วเพิ่มจำนวนเงินเป็นแปดเท่า เป็นการต่อสู้ว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก: ผู้มิได้มีส่วนได้เสียย่อมไม่มีสิทธิ
ผู้ร้องมิได้เป็นผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย และมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกเพียงแต่ทายาททั้งหลายพร้อมใจกันทำสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายดังนี้ ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียอันจะพึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1713และจะถือว่าทายาทโดยธรรมทั้งหมดเป็นผู้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเอง ให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายก็ไม่ได้ เพราะตามเนื้อความแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้มอบอำนาจให้ผู้ร้องร้องขอแทนทายาท เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะร้องขอเช่นนี้ จึงใช้สิทธิทางศาลตามมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นผู้จัดการมรดก: ผู้ไม่มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องมิได้ แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความ
ผู้ร้องมิได้เป็นผู้มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย และมิได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดก เพียงแต่ทายาททั้งหลายพร้อมใจกันทำสัญญประนีประนอมยอมความกำหนดให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ดังนี้ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียอันจะพึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 และจะถือว่าทายาทโดยธรรมทั้งหมดเป็นผู้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเอง ให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้ เพราะตามเนื้อความแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้มอบอำนาจให้ผู้ร้องร้องขอแทนทายาท เมื่อผู้ร้องไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะร้องขอเช่นนี้ จึงใช้สิทธิทางศาลตามมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365-367/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงการใช้ถนนส่วนบุคคลเป็นสาธารณะ: สิทธิในการสัญจรและการคุ้มครองข้อตกลง
ฟ้องโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองได้ติดต่อขอทำถนนผ่านที่ดินของโจทก์ เพื่อทำเป็นถนนสาธารณะ และเมื่อได้ทำถนนแล้วก็ยอมให้บุคคลทั่วไปใช้ถนนในลักษณะถนนสาธารณะได้ แต่ต่อมาจำเลยได้ขุดถนนกั้นปิดถนนนั้นเสียฟ้องของโจทก์ดังนี้แสดงอยู่ในตัวว่าสิทธิของโจทก์ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงกับจำเลยได้ถูกจำเลยโต้แย้ง คือไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยตกลงกับโจทก์ว่า เมื่อจำเลยทำถนนผ่านที่ดินโจทก์แล้วจะให้เป็นทางสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ถนนโดยสะดวกอย่างถนนสาธารณะเช่นนี้ ศาลพิพากษาห้ามจำเลยมิให้ปิดกั้น ขุด หรือขัดขวางในการที่โจทก์และประชาชนในถิ่นนั้นจะใช้ถนนสายนั้นสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกตามที่ตกลงไว้กับโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธความถูกต้องของหนังสือมอบอำนาจและการนำสืบพยาน
คำให้การว่าโจทก์มอบอำนาจให้ฟ้องตามใบมอบอำนาจจริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบไม่รับรอง หนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ ดังนี้เป็นแต่เพียงจำเลยปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ แต่ไม่ได้แสดงเหตุแห่งการปฏิเสธจึงไม่มีสิทธินำสืบพยานถึงเหตุแห่งการปฏิเสธนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็ค: เริ่มนับจากวันออกเช็ค ไม่ใช่วันธนาคารไม่จ่ายเงิน
อายุความฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คมีกำหนด 1 ปี ตามมาตรา1002 นับตั้งแต่วันออกเช็ค ซึ่งเป็นวันที่ตั๋วเงินถึงกำหนดต้องจ่ายเงิน มิใช่วันที่ผู้ทรงยื่นเช็คต่อธนาคารแล้วธนาคารไม่จ่ายเงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร: ไม่แจ้งปริมาณน้ำตาลทราย, จำคุกปรับ, เหตุผลรอการลงโทษไม่สมควร
มีน้ำตาลทรายขาว 30 กระสอบไม่แจ้งปริมาณ ผิด พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร ศาลจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาทเหตุที่อ้างว่ามิได้นำไปต่างประเทศ มิใช่เหตุอันสมควรรอการลงโทษ
ค่านำจับกรณีความผิดต่อ พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควรบัญญัติการจ่ายค่านำจับไว้ต่างกับ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด 2499 จึงอนุโลมมาให้อัยการร้องขอต่อศาลให้จ่ายค่านำจับด้วยไม่ได้ ข้อนี้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อหาและพยานหลักฐานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสง หลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อนสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้ เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่ และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมาในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ – การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อกล่าวหา – จำเป็นต้องสืบพยานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสงหลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน 30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อน สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมา ในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่ จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอมและการบังคับชำระหนี้เกินจริง แม้จำเลยรับสภาพหนี้บางส่วน
โจทก์กรอกจำนวนเงินกู้ลงว่า 20,000 บาท เกินกว่าความจริงที่จำเลยรับว่ากู้ไป 2,000 บาท โดยลงลายมือชื่อในเอกสารไว้ให้โดยไม่ได้กรอกข้อความดังนี้ เป็นเอกสารปลอม แม้จำเลยจะรับว่ากู้2,000 บาท ศาลก็บังคับให้จำเลยใช้เงินตามที่รับไม่ได้
of 16