พบผลลัพธ์ทั้งหมด 340 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน: เจตนาหลายฐาน, การกระทำครั้งเดียวอาจเป็นหลายกรรมได้
ในการพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียว หรือหลายกรรมต่างกันนั้นมิใช่พิจารณาแต่เพียงถ้าเป็นการกระทำครั้งเดียว คราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำครั้งเดียว คราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน หรือมีเจตนาอย่างเดียวกัน แต่ประสงค์ให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐานต่างกัน การที่จำเลยพาเด็กหญิง ย. ไปเพื่อการอนาจารและพรากเด็กหญิง ย.ไปเสียจากบิดามารดา ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกันนั้น ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกันหาใช่กรรมเดียวไม่ (อ้างฎีกาที่ 340/2512 และฎีกาที่ 1215/2518)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรามีกำหนด 6 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีไปเสียจากบิดามารดามีกำหนด 3 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกในฐานแรก 2 ปี และในความผิดฐานหลัง 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การฎีกาโต้แย้งเรื่องดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรามีกำหนด 6 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีไปเสียจากบิดามารดามีกำหนด 3 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกในฐานแรก 2 ปี และในความผิดฐานหลัง 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การฎีกาโต้แย้งเรื่องดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเช่าเดิมไม่ผูกพันผู้รับโอนที่ดิน-ตึก ผู้รับโอนไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเช่าเดิม
โจทก์รับโอนที่ดินและตึกแถวจำเลยเช่าตึกอยู่ก่อนและเสียเงินแก่ผู้ให้เช่าเดิมเพื่อเช่า 15 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียน ข้อที่ให้เงินและเช่า 15 ปี เป็นบุคคลสิทธิ ไม่ผูกพันโจทก์ จึงไม่ต้องกำหนดประเด็นในข้อนี้ตามฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งนี้ในระหว่างพิจารณาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยการสำแดงเท็จ และการจ่ายรางวัลเจ้าหน้าที่จากค่าปรับ
จำเลยได้รับบัตรส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อประกอบอุตสาหกรรมผลิตกระดาษคราฟท์ ได้รับสิทธิงดเว้นการเสียอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบและวัสดุที่สั่งหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศจำเลยได้นำของซึ่งระบุในใบขนสินค้าขาเข้าว่าเป็นเยื่อกระดาษเหนียวเป็นม้วนแต่ปรากฏว่าของที่จำเลยนำเข้ามาเป็นกระดาษ ไม่ใช่เยื่อกระดาษและไม่ใช่กระดาษคราฟท์ที่ใช้ไม่ได้ หรือเศษกระดาษคราฟท์ที่ใช้ไม่ได้แล้วอันได้รับการงดเว้นอากรขาเข้าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จ และฐานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรโดยเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐบาลอันเป็นความผิดอาญาแผ่นดินดังนั้น การที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีมติอนุญาตย้อนหลังให้กระดาษที่จำเลยนำเข้ามานั้นเป็นวัสดุที่อนุญาตให้ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษคราฟท์ได้ เพิ่มเติมจากที่ได้เคยอนุญาตไว้แล้ว. ทำให้จำเลยไม่ต้องเสียอากรขาเข้าสำหรับของที่จะต้องเสียภาษีนั้น เป็นมติที่ไม่ชอบและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ หามีอำนาจตามกฎหมายที่จะกำหนดหรืออนุญาตให้กระดาษสำเร็จรูปนั้นกลายเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตกระดาษคราฟท์ อันจะทำให้ความผิดที่เกิดขึ้นแล้วกลับไม่เป็นความผิดต่อไปได้ไม่จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว
การสั่งจ่ายสินบนหรือรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 7 นั้น กระทำได้ 2 กรณี คือเมื่อมีการสั่งริบของกลางประการหนึ่ง หรือเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยอีกประการหนึ่งและวิธีจ่ายนั้น หากมีการริบของกลางก็ให้จ่ายจากเงินที่ได้จากการขายของกลางนั้น หากไม่มีการริบของกลางหรือมีการริบของกลาง แต่ของกลางนั้นไม่อาจขายได้และมีการลงโทษปรับจำเลยก็ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระต่อศาล คดีนี้มีการลงโทษปรับจำเลยจึงสั่งจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นความผิดฐานนี้จึงยุติแล้วจำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดในความผิดฐานนี้อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
การสั่งจ่ายสินบนหรือรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489 มาตรา 7 นั้น กระทำได้ 2 กรณี คือเมื่อมีการสั่งริบของกลางประการหนึ่ง หรือเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยอีกประการหนึ่งและวิธีจ่ายนั้น หากมีการริบของกลางก็ให้จ่ายจากเงินที่ได้จากการขายของกลางนั้น หากไม่มีการริบของกลางหรือมีการริบของกลาง แต่ของกลางนั้นไม่อาจขายได้และมีการลงโทษปรับจำเลยก็ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระต่อศาล คดีนี้มีการลงโทษปรับจำเลยจึงสั่งจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นความผิดฐานนี้จึงยุติแล้วจำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดในความผิดฐานนี้อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยการนำเข้ากระดาษสำเร็จรูปอ้างเป็นวัตถุดิบ และการจ่ายรางวัลเจ้าหน้าที่จับกุม
จำเลยได้รับบัตรส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อประกอบอุตสาหกรรมผลิตกระดาษคราฟท์ ได้รับสิทธิงดเว้นการเสียอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบและวัสดุที่สั่งหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ จำเลยได้นำของซึ่งระบุในใบขนสินค้าขาเข้าว่าเป็นเยื่อกระดาษและไม่ใช่กระดาษคราฟท์ที่ใช้ไม่ได้ หรือเศษกระดาษคราฟท์ที่ใช้ไม่ได้แล้วอันได้รับการงดเว้นอากรขาเข้า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จ และฐานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากรโดยเจตนาฉ้อค่าภาษีของรัฐบาล อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ดังนั้น การที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีมติอนุญาตย้อนหลังให้กระดาษที่จำเลยนำเข้ามานั้นเป็นวัสดุที่อนุญาตให้ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษคราฟท์ได้ เพิ่มเติมจากที่ได้เคยอนุญาตไว้แล้ว ทำให้จำเลยไม่ต้องเสียอากรขาเข้าสำหรับของที่จะต้องเสียภาษีนั้น เป็นมติที่ไม่ชอบ และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฯ หามีอำนาจตามกฎหมายที่จะกำหนดหรืออนุญาตให้กระดาษสำเร็จรูปนั้นกลายเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตกระดาษคราฟท์ อันจะทำให้ความผิดที่เกิดขึ้นแล้วกลับไม่เป็นความผิดต่อไปได้ไม่ จำเลยจึงมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว
การสั่งจ่ายสินบนหรือรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 นั้น กระทำได้ 2 กรณี คือเมื่อมีการสั่งริบของกลางประการหนึ่ง หรือเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยอีกประการหนึ่ง และวิธีจ่ายนั้น หากมีการริบของกลางก็ให้จ่ายจากเงินที่ได้จากการขายของกลางนั้น หากไม่มีการริบของกลางหรือมีการริบของกลาง แต่ของกลางนั้นไม่อาจขายได้และมีการลงโทษปรับจำเลย ก็ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระต่อศาล คดีนี้มีการลงโทษปรับจำเลย จึงสั่งจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ความผิดฐานนี้จึงยุติแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดในความผิดฐานนี้อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
การสั่งจ่ายสินบนหรือรางวัลตามพระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 นั้น กระทำได้ 2 กรณี คือเมื่อมีการสั่งริบของกลางประการหนึ่ง หรือเมื่อมีการลงโทษปรับจำเลยอีกประการหนึ่ง และวิธีจ่ายนั้น หากมีการริบของกลางก็ให้จ่ายจากเงินที่ได้จากการขายของกลางนั้น หากไม่มีการริบของกลางหรือมีการริบของกลาง แต่ของกลางนั้นไม่อาจขายได้และมีการลงโทษปรับจำเลย ก็ให้จ่ายจากเงินค่าปรับที่จำเลยได้ชำระต่อศาล คดีนี้มีการลงโทษปรับจำเลย จึงสั่งจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจากเงินค่าปรับที่ชำระต่อศาลได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยื่นใบขนสินค้าสำแดงรายการเป็นเท็จ จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ความผิดฐานนี้จึงยุติแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำผิดในความผิดฐานนี้อีก ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้ไม่ได้ส่งสำเนาก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อการยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วในเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยาน แม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิฑีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 269/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐาน (ต้นขั้วใบเสร็จ) แม้มิได้ส่งสำเนาให้คู่ความก่อนสืบพยาน หากเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรม
คดีฟ้องขับไล่ซึ่งโจทก์อ้างต้นขั้วใบเสร็จค่าเช่าบ้านเป็นพยานแม้มิได้ส่งสำเนาให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังต้นขั้วใบเสร็จเช่นว่านั้นได้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้ฟ้องเคลือบคลุมในชั้นฎีกาเมื่อมิได้ยกในชั้นอุทธรณ์เป็นเหตุต้องห้ามตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยก็มิได้ยกปัญหาข้อนี้ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ดังนี้ จำเลยจะกลับมายกปัญหานี้ขึ้นอ้างในศาลฎีกาอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้เรื่องฟ้องเคลือบคลุมในชั้นฎีกา จำเลยต้องเคยยกข้อต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์จึงจะยกได้
แม้จำเลยจะได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม แต่เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมจำเลยก็มิได้ยกปัญหาข้อนี้ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ ดังนั้น จำเลยจะกลับมายกปัญหานี้ขึ้นอ้างในศาลฎีกาอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งหนี้ภาษีและการคิดเงินเพิ่ม กรณีไม่ชำระภาษีตามกำหนด
คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภาษีการค้า ไม่ใช่การประเมิน แต่เป็นการแจ้งให้ทราบว่าต้องเสียภาษีการค้า เงินเพิ่ม และเบี้ยปรับ ภาษีบำรุงเทศบาล และเงินเพิ่มตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา89 ทวิด้วย
ภาษีการค้าต้องชำระตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 86,86 ทวิถ้าไม่ชำระก็ต้องเสียเงินเพิ่มตาม มาตรา 89 ทวิ มาตรา 89 ทวิเป็นเรื่องไม่เสียภาษีตามกำหนดเวลาต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือน มาตรา 31 เป็นเรื่องอุทธรณ์และทุเลาการบังคับยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ไม่ใช่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
ภาษีการค้าต้องชำระตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 86,86 ทวิถ้าไม่ชำระก็ต้องเสียเงินเพิ่มตาม มาตรา 89 ทวิ มาตรา 89 ทวิเป็นเรื่องไม่เสียภาษีตามกำหนดเวลาต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1 ต่อเดือน มาตรา 31 เป็นเรื่องอุทธรณ์และทุเลาการบังคับยึดทรัพย์ขายทอดตลาด ไม่ใช่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกต่อเนื่องหลังมีคำพิพากษาเดิม: ไม่ถือเป็นความผิดใหม่หากไม่มีการกระทำเพิ่มเติม
จำเลยถูกฟ้องว่าบุกรุกที่พิพาท ศาลลงโทษไปแล้ว การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาท ต่อมาหลังจากศาลพิพากษาคดีก่อนแล้ว แม้ต่อมาที่พิพาทจะเปลี่ยนมือเป็นของผู้อื่น จำเลยก็ยังไม่ได้ทำประการใดที่จะถือว่าเป็นกรรมใหม่ คงอยู่ในที่พิพาทต่อมาตามปกติ จึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้อง