คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บัญญัติ สุชีวะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 340 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลและไม่แจ้งการเสียชีวิตของโจทก์
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายในกำหนด 15 วัน โจทก์มิได้เสียตามกำหนด ศาลชั้นต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีตามคำแถลงของจำเลยแม้ได้ความว่าตัวโจทก์ถึงแก่กรรมภายหลังวันนัดชี้สองสถานวันเดียว แต่ทนายโจทก์ก็หาได้แจ้งให้ศาลทราบและขอให้ศาลสั่งการเกี่ยวกับคำสั่งนั้นแต่ประการใดไม่ จึงเป็นความผิดของฝ่ายโจทก์เอง การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(1) แล้ว
ผู้รับมอบฉันทะจากทนายโจทก์ให้มาฟังคำสั่งและกำหนดวันพิจารณาในวันนัดชี้สองสถาน ได้ทราบคำสั่งนั้นถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบกำหนดนัดดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, อำนาจฟ้อง, อายุความครอบครอง และการซื้อขายในท้องตลาด
ปัญหาว่าผู้รับมอบอำนาจจะมีอำนาจฟ้องตามใบมอบอำนาจหรือไม่ และการที่โจทก์มิได้ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองนั้น เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยที่ 3 (ผู้ฎีกา) ย่อมอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้
ปัญหาเกี่ยวกับใบมอบอำนาจที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยปัญหานี้ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
ใบมอบอำนาจของโจทก์นี้มีข้อความมอบอำนาจให้ ส. ให้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีต่อลูกหนี้ให้ส่งมอบทรัพย์สินและใช้ค่าเสียหายมีความหมายถึงให้ฟ้องและดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 3 ผู้ยึดถือรถยนต์ของโจทก์ให้ส่งมอบรถยนต์และใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้
แม้ร้านค้าของจำเลยที่ 3 อยู่ในชุมนุมการค้า แต่การที่จำเลยที่ 3 ซื้อรถยนต์พิพาทของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อไปจาก ศ. ซึ่งเอามาขายให้ที่ที่ร้านค้าของจำเลยที่ 3 นั้น จำเลยที่ 3 มิได้ซื้อจากร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งที่อยู่ในชุมนุมการค้า แต่เป็นการซื้อจากบุคคลที่เอามาขายให้ที่ร้านค้าของจำเลยที่ 3 เอง จึงไม่เป็นการซื้อในท้องตลาดดังนั้นจำเลยที่ 3 จะสุจริตหรือไม่ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1372
การฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 หมายถึงผู้ที่มีเพียงสิทธิ์ครอบครองในทรัพย์สินฟ้องเรียกเอาทรัพย์สินนั้นคืนจึงต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง แต่รถยนต์คันพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์มีสิทธิ์ติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336ได้เสมอโดยไม่มีอายุความ จึงจะนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2681/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, อำนาจฟ้อง, อายุความครอบครอง และการซื้อขายในท้องตลาด
ปัญหาว่าผู้รับมอบอำนาจฟ้องตามใบมอบอำนาจหรือไม่ และการที่โจทก์มิได้ฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายในปีหนึ่งนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองนั้นเป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยที่ 3(ผู้ฎีกา) ย่อมอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้
ปัญหาเกี่ยวกับใบมอบอำนาจที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรก็วินิจฉัยปัญหานี้ไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
ใบมอบอำนาจของโจทก์มีข้อความมอบอำนาจให้ ส.ให้มีอำนาจฟ้องและดำเนินคดีต่อลูกหนี้ให้ส่งมอบทรัพย์สินและใช้ค่าเสียหายมีความหมายถึงให้ฟ้องและดำเนินคดีต่อจำเลยที่ 3 ผู้ยึดถือรถยนต์ของโจทก์ให้ส่งมอบรถยนต์และใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้
แม้ร้านค้าของจำเลยที่ 3 อยู่ในชุมชนการค้า แต่การที่จำเลยที่ 3 ซื้อรถยนต์พิพาทของโจทก์ที่ให้จำเลยที่ 1 เช่าซื้อไปจาก ศ.ซึ่งเอามาขายให้ที่ที่ร้านค้าของจำเลยที่ 3 นั้น จำเลยที่ 3 มิได้ซื้อจากร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งที่อยู่ในชุมชนการค้าแต่เป็นการซื้อจากบุคคลที่เอามาขายให้ที่ร้านค้าของจำเลยที่ 3 เอง จึงไม่เป็นการซื้อในท้องตลาดดังนั้นจำเลยที่ 3 จะสุจริตหรือไม่ก็เป็นเหตุให้ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332
การฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 หมายถึงผู้ที่มีเพียงสิทธิครอบครองในทรัพย์สินฟ้องเรียกเอาทรัพย์สินนั้นคืนจึงต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง แต่รถยนต์คันพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์มีสิทธิติดตามเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ได้เสมอโดยไม่มีอายุความ จึงจะนำมาตรา 1375 มาใช้บังคับไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดี: การยอมรับของจำเลยทำให้ไม่ต้องนำสืบเอกสารมอบอำนาจ แม้เอกสารไม่สมบูรณ์
โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทนตามใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้จึงถือว่าจำเลยยอมรับว่า ส. ได้รับมอบอำนาจที่ถูกต้องตามใบมอบอำนาจนั้นจริง ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สงสัยว่าเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้จริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงไม่ต้องส่งใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอีก ฉะนั้น แม้ใบมอบอำนาจนี้จะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้แย้งว่า ส. มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2668/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องและการยอมรับของจำเลย: แม้ใบมอบอำนาจขาดอากรแสตมป์ หากจำเลยไม่โต้แย้ง ศาลย่อมรับอำนาจฟ้องของตัวแทน
โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. เป็นผู้ฟ้องคดีนี้แทนตามใบมอบอำนาจท้ายฟ้อง จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้จึงถือว่าจำเลยยอมรับว่า ส. ได้รับมอบอำนาจที่ถูกต้องตามใบมอบอำนาจนั้นจริง ทั้งศาลชั้นต้นก็มิได้สงสัยว่าเป็นการมอบอำนาจที่ไม่ถูกต้อง คดีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ ส. ฟ้องคดีนี้จริง ไม่มีประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบในข้อนี้ โจทก์จึงไม่ต้องส่งใบมอบอำนาจเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอีก ฉะนั้นแม้ใบมอบอำนาจนี้จะปิดอากรแสตมป์หรือไม่ก็ตาม ก็ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อการรับฟังข้อเท็จจริงที่จำเลยมิได้โต้แย้งว่า ส. มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2657/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินกู้: เริ่มนับเมื่อผิดนัดชำระดอกเบี้ย แม้สัญญาจะกำหนดวันใช้เงินต้นในภายหลัง
โจทก์ให้จำเลยกู้เงิน สัญญากู้ข้อ 3 กำหนดให้ใช้ต้นเงินคืนวันที่ 4 มิถุนายน 2508 สัญญาข้อ 4 กำหนดให้จำเลยชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ทุกเดือน และในสัญญาข้อ 6 มีความว่า "แม้ว่าข้าพเจ้า (จำเลย) ประพฤติผิดสัญญานี้แต่ข้อหนึ่งข้อใดก็ดี ยอมให้ท่าน (โจทก์) ฟ้องร้องเรียก6 นี้ ถ้าจำเลยไม่ชำระดอกเบี้ยในเดือนใด นับแต่วันนั้นโจทก์ก็มีสิทธิเรียกร้องต้นเงินคืนได้แล้ว ไม่จำต้องรอจนครบกำหนดวันใช้ต้นเงินคืนตามสัญญาข้อ 3 จำเลยผิดนัดไม่นำดอกเบี้ยมาชำระให้โจทก์ตั้งแต่วันที่ 4กรกฎาคม 2507 โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยในวันที่ 9 กันยายน 2517 จึงเกิน 10 ปี นับแต่วันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้เป็นต้นไป คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา – ความผิดกรรมเดียวแต่กฎหมายหลายบท – การลงโทษเกินคำฟ้อง
คำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,340,340 ตรี เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น แม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษ จำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท vs. หลายกรรมเป็นกระทง
คำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340, 340 ตรี เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้นแม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษจำคุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง: การเข้าทำประโยชน์สวนสาธารณะถือเป็นการแย่งการครอบครอง
สามีโจทก์เคยครอบครองที่พิพาทและแจ้งการครอบครองไว้ ต่อมาสามีโจทก์ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอื่นแล้วถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2504 ครั้น พ.ศ. 2507 จำเลยได้เข้าทำที่พิพาทเป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมาโจทก์เพิ่งทราบถึงที่ตั้งของที่พิพาทเมื่อ พ.ศ. 2513 ดังนี้ การที่จำเลยได้เข้าไป ทำที่พิพาทให้เป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมานั้น ถือได้ว่าโจทก์ ถูกจำเลยแย่งการครอบครองในที่พิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว โจทก์จึงต้องฟ้อง เอาคืนซึ่งการครอบครองเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองโจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อปี 2513 จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทดังที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 1375หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2519

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2486/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องแย่งการครอบครองที่เกินกำหนดอายุความ
สามีโจทก์เคยครอบครองที่พิพาทและแจ้งการครอบครองไว้ ต่อมาสามีโจทก์ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอื่นแล้วถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2504 ครั้น พ.ศ. 2507 จำเลยได้เข้าทำที่พิพาทเป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมา โจทก์เพิ่งทราบถึงที่ตั้งของที่พิพาทเมื่อ พ.ศ. 2513 ดังนี้ การที่จำเลยได้เข้าไปทำที่พิพาทให้เป็นสวนสาธารณะและดูแลรักษาตลอดมานั้น ถือได้ว่าโจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองในที่พิพาทโดยมิชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว โจทก์จึงต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเสียภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อปี 2513 จึงหมดสิทธิ์ที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทดังที่บัญญัติไว้ในวรรคสองของมาตรา 1375
หมายเหตุ วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2519
of 34