คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บัญญัติ สุชีวะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 340 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีทายาทรับผิดหนี้: โจทก์ต้องพิสูจน์การรู้ถึงการตายของเจ้ามรดกภายใน 1 ปี
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2-4 รับผิดในหนี้ของผู้ตายในฐานะที่เป็นทายาทของผู้ตาย จำเลยต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันเจ้ามรดกตาย โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าเพิ่งรู้ว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องไม่เกิน 1 ปี
คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ไม่ปรากฏว่าโจทก์รู้หรือควรรู้ว่าเจ้ามรดกตายเมื่อใดและปรากฏว่าเจ้ามรดกตายก่อนฟ้องคดีถึง 3 ปี เช่นนี้คดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2-4 ย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตป่าคุ้มครองตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาสำคัญกว่าชื่อตำบล หนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกหลังมีผลบังคับใช้ของกฎหมายไม่ผูกพันแผ่นดิน
มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าไสโป๊ะ ฯ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496 บัญญัติว่า "ให้ป่าไสโป๊ะในท้องที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นป่าคุ้มครอง" ดังนี้การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองหรือไม่จะต้องพิจารณาจากแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกอบด้วย แม้ได้ความว่าที่พิพาทอยู่ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ มิใช่ตำบลกระบี่น้อยก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าอยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ก็ต้องถือว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
แม้ที่พิพาทจะมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อได้มาหลังจากที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ที่พิพาทเป็นป่าคุ้มครองแล้ว จึงหามีผลให้ได้สิทธิอย่างใดยันต่อแผ่นดินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตป่าคุ้มครองตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาสำคัญกว่าชื่อตำบล หนังสือรับรองการทำประโยชน์หลังมีกฎหมายไม่มีผลยันแผ่นดิน
มาตรา 3 แห่งพระราชกฤฎีกากำหนดป่าไสโป๊ะ ๆ ให้เป็นป่าคุ้มครอง พ.ศ.2496 บัญญัติว่า "ให้ป่าไสโป๊ะในท้องที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้เป็นป่าคุ้มครอง" ดังนี้ การที่จะวินิจฉัยว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาประกอบด้วย แม้ได้ความว่าที่พิพาทอยู่ในท้องที่ตำบลกระบี่ใหญ่ มิใช่ตำบลกระบี่น้อยก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าอยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ก็ต้องถือว่าที่พิพาทอยู่ในเขตป่าคุ้มครองตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
แม้ที่พิพาทจะมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่เมื่อได้มาหลังจากที่ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ที่พิพาทเป็นป่าคุ้มครองแล้ว จึงหามีผลให้ได้สิทธิอย่างใดยันต่อแผ่นดินได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนอาวุธปืนและการยกเว้นโทษทางอาญา
จำเลยนำอาวุธปืนไปจดทะเบียนตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ฉบับที่ 6 ภายใน 90 วัน เจ้าพนักงานมอบให้จำเลยรักษาไว้ เป็นการรักษาไว้แทนนายทะเบียน จำเลยไม่ต้องรับโทษแม้จะพ้นกำหนด 90 วัน แล้วยังไม่ได้รับใบอนุญาตก็ตาม ส่วนกระสุนปืนจำเลยไม่ได้นำไปมอบต่อนายทะเบียนจึงไม่ได้รับยกเว้นโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดินไม่ครบถ้วน ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกเงินคืนได้
โจทก์ที่ 2 ซื้อที่ดินจากจำเลย แล้วยกที่ดินให้โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 1 ไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย ฟ้องว่าจำเลยส่งมอบที่ดินไม่ครบตามสัญญาซื้อขายไม่ได้
ซื้อที่ดิน 100 ตารางวา ไม่ใช่เหมาทั้งแปลง ผู้ซื้อชำระราคาเต็ม 100 ตารางวา แต่ที่ดินส่งมอบมี 84 ตารางวา ผู้ซื้อเรียกเงินที่ชำระเกินคืนได้ อายุความ 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ซื้อรู้ว่าที่ดินขาดจำนวน เป็นลาภมิควรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: ข้อกำหนดซ่อมแซมไม่เป็นโมฆะ แม้มีภาระซ่อมแซมสูง
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า ในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อผู้เช่าซื้อตกลงจะเก็บรักษา ซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ทรัพย์ที่เช่าซื้อให้คงสภาพเดิม และใช้การได้ดีอยู่เสมอโดยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อ และถ้าทรัพย์ที่เช่าซื้อเกิดความเสียหายใด ๆ หรือสูญหายแม้แต่บางส่วนไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้เช่าซื้อหรือบุคคลภายนอก หรือโดยอุบัทวเหตุหรือโดยเหตุสุดวิสัย ผู้เช่าซื้อจะต้องจัดการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้คืนสู่สภาพเดิม โดยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อ และผู้เช่าซื้อจะไม่ว่าจ้างบุคคลอื่นนอกจากเจ้าของเป็นผู้ทำการซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่าซื้อผู้เช่าซื้อให้สัญญาว่าจะใช้และรักษาทรัพย์ที่เช่าซื้ออย่างวิญญูชนพึงปฏิบัติต่อทรัพย์สินของตนเองข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อกำหนดซึ่งโจทก์ผู้เช่าซื้อสามารถปฏิบัติได้หาเป็นการพ้นวิสัยแต่อย่างใดไม่ สัญญาเช่าซื้อจึงไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อ: ข้อกำหนดซ่อมแซมทรัพย์สินไม่เป็นโมฆะ หากผู้เช่าซื้อสามารถปฏิบัติตามได้
สัญญาเช่าซื้อมีข้อความว่า ในระหว่างอายุสัญญาเช่าซื้อ ผู้เช่าซื้อตกลงจะเก็บรักษา ซ่อมแซม เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ทรัพย์ที่เช่าซื้อให้คงสภาพเดิม และใช้การได้ดีอยู่เสมอ โดยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อ และถ้าทรัพย์ที่เช่าซื้อเกิดความเสียหายใด ๆ หรือสูญหายแม้แต่บางส่วนไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้เช่าซื้อหรือบุคคลภายนอก หรือโดยอุปัทวเหตุ หรือโดยเหตุสุดวิสัย ผู้เช่าซื้อจะต้องจัดการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้คืนสู่สภาพเดิม โดยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อ และผู้เช่าซื้อจะไม่ว่าจ้างบุคคลอื่นนอกจากเจ้าของเป็นผู้ทำการซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่าซื้อผู้เช่าซื้อให้สัญญาว่าจะใช้และรักษาทรัพย์ที่เช่าซื้ออย่างวิญญูชนพึงปฏิบัติต่อทรัพย์สินของตนเองข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าวข้างต้น เป็นข้อกำหนดซึ่งโจทก์ผู้เช่าซื้อสามารถปฏิบัติได้ หาเป็นการพ้นวิสัยแต่อย่างใดไม่ สัญญาเช่าซื้อจึงไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1207/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท: การลงโทษฐานฆ่าและพยายามฆ่าในคดีเดียวกัน
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิง พ. และ อ. หลายนัดโดยเจตนาฆ่า พ. ถึงแก่กรรม อ. เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกคนหนึ่งยิงก่อน แล้วพวกของจำเลยอีก 3 คนยิงอีกในทันทีนั้น ดังนี้ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท จะเรียงกระทงลงโทษฐานฆ่า พ. กรรมหนึ่งและฐานพยายามฆ่า อ. อีกกรรมหนึ่งไม่ได้ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยแต่กระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำพินัยกรรมที่สมบูรณ์: ผู้เขียนและพยานเดียวกันได้หรือไม่
พ. ทำพินัยกรรมเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะนั้น และได้ลงลายมือชื่อของตนไว้ต่อหน้า ส. ผู้เขียนและ ท. พยานในพินัยกรรมส. ได้ลงลายมือชื่อในขณะนั้นเช่นกันเพียงแต่ไม่มีข้อความต่อท้ายว่าเป็นพยาน เช่นนี้ก็ถือว่า ส. เป็นพยานรู้เห็นในการทำพินัยกรรมตลอดมาแต่ต้นคือเป็นทั้งผู้เขียนพินัยกรรมและเป็นพยานในพินัยกรรมต้องด้วยความประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยการทำพินัยกรรมแล้วพินัยกรรมจึงสมบูรณ์ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การระบุตัวตนของผู้เขียนและพยาน
พ.ทำพินัยกรรมเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะนั้น และได้ลงลายมือชื่อของตนไว้ต่อหน้า ส.ผู้เขียนและ ท.พยานในพินัยกรรม ส. ได้ลงลายมือชื่อในขณะนั้นเช่นกัน เพียงแต่ไม่มีข้อความต่อท้ายว่าเป็นพยายน เช่นนี้ก็ถือว่า ส. เป็นพยานรู้เห็นในการทำพินัยกรรมตลอดมาแต่ต้นคือเป็นทั้งผู้เขียนและพินัยกรมและเป็นพยานในพินัยกรรม ต้องด้วยความประสงค์ของกฎหมายว่าด้วยการทำพินัยกรรมแล้ว พินัยกรรมจึงสมบูรณ์ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671
of 34