คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรีชา สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับ การพิสูจน์ตัวตนเป็นบุคคลเดียวกันเป็นคดีมีข้อพิพาท
บุคคลใดอ้างว่าจำต้องใช้สิทธิทางศาลและมาร้องเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทนั้น จะต้องมีกฎหมายสนับสนุนให้ร้องขอต่อศาลได้ การที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งว่าเป็นบุคคลคนเดียว กันกับนายสมศักดิ์สุตธรรมนั้น ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ ผู้ร้องร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท หากมีผู้ใดโต้แย้งว่า ผู้ร้องมิใช่บุคคลคนเดียวกับนายสมศักดิ์ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิ ของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิฟ้องเป็น คดีมีข้อพิพาท ตามกฎหมาย อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิทางศาลต้องมีกฎหมายรองรับ การพิสูจน์บุคคลเป็นคดีมีข้อพิพาท
บุคคลใดอ้างว่า จำต้องใช้สิทธิทางศาลและมาร้องเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทนั้น จะต้องมีกฎหมายสนับสนุนให้ร้องขอต่อศาลได้ การที่ผู้ร้องร้องขอให้ศาลสั่งว่าเป็นบุคคลคนเดียวกันกับนายสมศักดิ์ สุตธรรมนั้น ไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ผู้ร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท หากมีผู้ใดโต้แย้งว่าผู้ร้องมิใช่บุคคลคนเดียวกับนายสมศักดิ์อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องย่อมมีสิทธิฟ้องเป็นคดีมีข้อพิพาทตามกฎหมายอยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรสในต่างประเทศที่มีอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ และการบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศในประเทศไทย
โจทก์สมรสในประเทศจีนเมื่ออายุ 10 ปี กับหญิงอายุ 12 ปี ซึ่งถูกต้องไม่มีกฎหมายห้ามในประเทศจีนในขณะนั้น เป็นการสมรสที่ชอบด้วย พระราชบัญญัติว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาตรา 20 บุตรของโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ขัดต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 18/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบังคับคดีซื้อที่พิพาท: โจทก์ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาเช่นกัน จำเลยมีสิทธิร้องขอให้บังคับคดีได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยโอนนาพิพาทในราคา 124,545 บาทแก่โจทก์ใน 1 เดือน ศาลชั้นต้นออกคำบังคับแก่จำเลยให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ไม่ได้ออกคำบังคับแก่โจทก์ จำเลยมีสิทธิร้องขอให้ออกคำบังคับแก่โจทก์ และบังคับคดีได้ภายใน 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 คำพิพากษาไม่ได้กำหนดให้ถือว่า โจทก์ผิดนัดหรือสละสิทธิถ้าไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนคดีอาญาเมื่อสถานที่เกิดเหตุไม่ชัดเจน
ที่เกิดเหตุไม่แน่ว่าอยู่ในท้องที่ใดระหว่าง 2 ท้องที่พนักงานสอบสวนท้องที่หนึ่งในสองท้องที่นั้นมีอำนาจสอบสวนได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา19(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ต้องระบุรายละเอียดการกระทำที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้อง
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์ แล้วจำเลยทำให้ทรัพย์สิ่งของของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยมิได้บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ให้เสียหาย ลำพังจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าวย่อมไม่ทำให้เห็นได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ ของโจทก์ ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาคารบูดเน่านั้นเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ดังนี้ ถือได้ว่าฟ้องโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องอาญาฐานทำให้เสียทรัพย์ต้องระบุการกระทำที่ทำให้ทรัพย์เสียหายชัดเจน มิใช่แค่การบุกรุกและปิดกั้นสถานที่
ฟ้องบรรยายว่า.จำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวของโจทก์แล้วจำเลยทำให้ทรัพย์สิ่งของของโจทก์ที่อยู่ในตึกแถวเสียหาย โดยมิได้บรรยายชัดแจ้งว่าจำเลยกระทำการใดแก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆ ของโจทก์ให้เสียหาย ลำพังจำเลยเข้าไปและปิดกั้นตึกแถวดังกล่าว ย่อมไม่ทำให้เห็นได้ว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำลายหรือทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์แก่ทรัพย์สิ่งของต่างๆของโจทก์ ความเสียหายของแบตเตอรี่และอาหารบูดเน่านั้นเป็นไปตามสภาพของทรัพย์นั้นเอง หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ดังนี้ ถือได้ว่า ฟ้องโจทก์ไม่ระบุถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลย กระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมพิจารณาความผิดหลายกระทง และการยกประโยชน์ให้จำเลยเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนกับลูกระเบิดไว้ในครอบครอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งเป็นความผิดกระทงหนึ่งนั้น กองรวมอยู่กับลูกระเบิดอันเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งที่จำเลยฎีกาขึ้นมา ในเมื่อรูปคดียังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยอาจจะมิได้มีเจตนายึดถือลูกระเบิดนั้นไว้เพื่อตน และยกประโยชน์ให้จำเลยเช่นนี้ ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งเป็นกระทงความผิดที่คู่ความมิได้ฎีกาได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานมีอาวุธและวัตถุระเบิด หากข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจยกฟ้องได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนกับลูกระเบิดไว้ในครอบครอง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งเป็นความผิดกระทงหนึ่งนั้น กองรวมอยู่กับลูกระเบิดอันเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งที่จำเลยฎีกาขึ้นมาในเมื่อรูปคดียังเป็นที่สงสัยว่าจำเลยอาจจะมิได้มีเจตนายึดถือลูกระเบิดนั้นไว้เพื่อตนและยกประโยชน์ให้จำเลยเช่นนี้ ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องข้อหาฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนซึ่งเป็นกระทงความผิดที่คู่ความมิได้ฎีกาได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3114/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน: การบอกกล่าวความพร้อมชำระหนี้ของผู้ซื้อถือเป็นการขอปฏิบัติการชำระหนี้ เจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องเสนอการชำระหนี้ตอบแทน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินโดยตกลงจะชำระราคาและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันภายในกำหนด 6 เดือน การที่โจทก์ผู้จะซื้อได้นัดหมายให้จำเลยไปทำนิติกรรมโอนขายที่ดินณ สำนักงานที่ดินภายในกำหนด 6 เดือนแล้ว ถือได้ว่าโจทก์ผู้เป็นลูกหนี้ได้บอกกล่าวแก่จำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้แล้วว่าได้เตรียมการที่จะชำระหนี้ไว้พร้อมแล้ว ให้จำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้รับชำระหนี้นั้นคำบอกกล่าวของโจทก์จึงเสมอกับคำขอปฏิบัติการชำระหนี้แล้ว จำเลยผู้เป็นเจ้าหนี้มีหน้าที่ต้องเสนอที่จะทำการชำระหนี้ตอบแทน เมื่อจำเลยไม่กระทำ จำเลยจึงได้ชื่อว่าผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 210
of 70