คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรีชา สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม แม้มิได้แถลงต่อศาลและส่งสำเนาให้จำเลย ศาลรับได้
ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว ถือได้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตนในคดีนี้ไว้แล้วทั้งเรื่องการที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมในวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นวันแรกแม้บัญชีระบุพยานดังกล่าวจะมิได้แถลงต่อศาลว่าเป็นการระบุพยานเพิ่มเติมและมิได้ส่งสำเนาให้แก่จำเลยก็ตามศาลก็ชอบที่จะรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการเรียกร้องค่าปรับ เมื่อผู้ซื้อจัดหาของได้ในราคาถูกกว่า
หลังจากที่บริษัทโจทก์บอกเลิกสัญญาซื้อขายกับบริษัทจำเลยแล้ว บริษัทโจทก์ได้จัดซื้อเครื่องทำความชื้นจากผู้อื่นตามจำนวนและในราคาซึ่งถูกกว่าที่บริษัทโจทก์ตกลงซื้อจากบริษัทจำเลย จึงถือไม่ได้ว่าบริษัทโจทก์ได้รับความเสียหาย และไม่อาจจะเรียกเบี้ยปรับจากบริษัทจำเลยได้แม้ตามสัญญาจะตกลงกันไว้ว่า ถ้าบริษัทจำเลยผิดสัญญาจะยอมใช้ค่าเสียหายและยอมให้ปรับอีกด้วยก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินค่าโอนสิทธิการเช่า จำเลยไม่ใช่ตัวแทนโจทก์ เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท ถ้าจำเลยจัดหาคนรับโอนสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่านั้น เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา 195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000 บาท ส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยเอาไว้เป็นของตนเสีย การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนสิทธิการเช่าไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สาม ซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้น มิใช่จำเลยได้รับมอบหมายหรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2361/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินค่าโอนสิทธิการเช่าจากบุคคลที่สาม ไม่ถือเป็นการรับเงินแทนโจทก์ เป็นเพียงการผิดสัญญา
โจทก์เป็นผู้ถือสิทธิการเช่าอาคารพาณิชย์ของการเคหะแห่งชาติ และตกลงให้จำเลยจัดหาคนมารับโอนสิทธิการเช่าในราคา 150,000 บาท ถ้าจำเลยจัดหาคนรับสิทธิการเช่าได้ราคาเกินกว่านั้น เงินส่วนที่เกินเป็นของจำเลย เมื่อจำเลยจัดหาผู้รับโอนสิทธิการเช่าได้ในราคา195,000 บาท แต่จำเลยส่งมอบเงินให้โจทก์เพียง 80,000บาทส่วนที่เหลือ 70,000 บาท จำเลยเอาไว้เป็นของตนเสีย การที่จำเลยโอนสิทธิการเช่าและรับเงินจากผู้รับโอนไว้ จึงเป็นการรับเงินจากบุคคลที่สาม ซึ่งจำเลยมีความผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชดใช้เงินแก่โจทก์ 150,000 บาทเท่านั้นมิใช่จำเลยได้รับมอบหมายหรือครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2360/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานที่จำหน่ายหนังสือพิมพ์เป็นที่เกิดเหตุหมิ่นประมาทได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
หนังสือพิมพ์ของโจทก์พิมพ์ที่กรุงเทพมหานครและออกจำหน่ายทั่วราชอาณาจักรรวมทั้งที่จังหวัดราชบุรีด้วย ถ้าหนังสือพิมพ์โจทก์พิมพ์ข้อความที่เป็นหมิ่นประมาทจำเลย ก็ต้องถือว่าสถานที่ที่หนังสือพิมพ์ ของโจทก์ออกจำหน่ายทุกแห่งเป็นที่เกิดเหตุซึ่งความผิดเกิดขึ้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 22

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ค่าเสียหายต่างกัน ไม่สมควรได้ค่าสินไหม
เหตุที่รถยนต์โจทก์ที่ 1 และรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ชนกัน เป็นเพราะจำเลยที่ 1 ผู้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 มีส่วนประมาทด้วย เมื่อประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และรถจำเลยที่ 2 เสียหายน้อยกว่ารถโจทก์ที่ 1 มากเฉลี่ยแล้ว จำเลยที่ 2 ย่อมไม่สมควรจะได้ค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ที่ 1 อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องแบ่งแยกที่ดิน: ผู้ถูกโต้แย้งสิทธิคือนายชื่น ไม่ใช่โจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่ ช. มิได้ขอให้แบ่งแยกให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิ คือ ข. หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องแบ่งแยกที่ดิน: ผู้ถูกโต้แย้งสิทธิคือผู้รับประโยชน์จากการแบ่งแยก ไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์จำเลยให้แก่ ช. มิได้ขอให้แบ่งแยกให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งแยกให้ ผู้ที่ถูกโต้แย้งสิทธิคือ ช. หาใช่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดรับผิดชอบร่วมกันในสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้ใช้ชื่อห้างเป็นคู่สัญญา หากมีข้อตกลงพิเศษและลงหุ้นร่วมกัน
ภายหลังจากที่จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 แล้วผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งสามคือ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และ ซ.ได้ทำข้อตกลงพิเศษกันไว้เป็นส่วนตัวให้ห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพิ่มเติมคือรับจัดให้ได้มาซึ่งที่อยู่อาศัยพร้อมที่ดิน ซึ่งหมายถึงการซื้อที่ดินมาปลูกสร้างอาคารขายอันมิใช่วัตถุประสงค์ของห้าง และเมื่อมีกำไร ยอมยกให้จำเลยที่ 3 ครึ่งหนึ่ง ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีสิทธิคนละครึ่งข้อตกลงดังกล่าวแม้จะอ้างว่าเป็นกิจการของห้างจำเลยที่ 1 แต่แท้จริงมุ่งหมายผูกพันกันระหว่างจำเลยที่2 ที่ 3 โดยตรงเพียงแต่ใช้ชื่อห้างจำเลยที่ 1 ออกหน้าเท่านั้นทั้งทางปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3เกี่ยวกับการใช้จ่ายดำเนินกิจการซื้อที่ดินมาปลูกอาคารขายก็มีลักษณะของการลงเงินเป็นหุ้นแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในฐานะส่วนตัวเป็นหุ้นส่วนกันในกิจการซื้อที่ดินมาปลูกสร้างอาคารตึกแถวขายพร้อมที่ดิน อาคารพิพาทและที่ดินจึงเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งผิดสัญญาซื้อขายอาคารพิพาทและที่ดินที่ทำไว้กับโจทก์โดยก่อสร้างอาคารพิพาทไม่แล้วเสร็จ และไม่โอนอาคารพิพาทและที่ดินให้โจทก์ จำเลยที่ 3 ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งจึงต้องร่วมรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2202/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนจำกัดรับผิดร่วมกันในสัญญาซื้อขายที่ดินและอาคาร แม้ใช้ชื่อห้างหุ้นส่วนเป็นตัวแทน
ภายหลังจากที่จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 แล้วผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งสามคือ จำเลยที่ 2 ที่ 3 และ ซ. ได้ทำข้อตกลงพิเศษกันไว้เป็นส่วนตัวให้ห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพิ่มเติมคือรับจัดให้ได้มาซึ่งที่อยู่อาศัยพร้อมที่ดิน ซึ่งหมายถึงการซื้อที่ดินมาปลูกสร้างอาคารสร้างอาคารขายอันมิใช่วัตถุประสงค์ของห้าง และเมื่อมีกำไร ยอมยกให้จำเลยที่ 3 ครึ่งหนึ่ง ส่วนสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจำเลยที่ 2 ที่ 3 มีสิทธิคนละครึ่ง ข้อตกลงดังกล่าวแม้จะอ้างว่าเป็นกิจการของห้างจำเลยที่ 1 แต่แท้จริงมุ่งหมายผูกพันกันระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยตรงเพียงแต่ใช้ชื่อห้างจำเลยที่ 1 ออกหน้าเท่านั้น ทั้งทางปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 2 ที่ 3 เกี่ยวกับการใช้จ่ายดำเนินกิจการซื้อที่ดินมาปลูกอาคารขายก็มีลักษณะของการลงเงินเป็นหุ้นแสดงให้เห็นชัดว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในฐานะส่วนตัวเป็นหุ้นส่วนกันในกิจการซื้อที่ดินมาปลูกสร้างอาคารตึกแถวขายพร้อมที่ดิน อาคารพิพาทและที่ดินจึงเป็นทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งผิดสัญญาซื้อขายอาคารพิพาทและที่ดินที่ทำไว้กับโจทก์ โดยก่อสร้างอาคารพิพาทไม่แล้วเสร็จ และไม่โอนอาคารพิพาทและที่ดินให้โจทก์ จำเลยที่ 3 ผู้เป็นหุ้นสวนอีกคนหนึ่งจึงต้องร่วมรับผิดด้วย
of 70