พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3196/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินกว่า 3 ปี แม้เป็นสัญญาต่างตอบแทน หากผู้รับโอนไม่ยินยอม สิทธิจะผูกพันเฉพาะ 3 ปีแรก
การเช่าที่ดินมีกำหนดเวลากว่าสามปีขึ้นไป แต่มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งมีผลบังคับผู้ให้เช่าจะต้องให้เช่าตามกำหนดเวลาก็ตาม แต่เมื่อผู้รับโอนที่ดินจากผู้ให้เช่าไม่ยินยอมเข้าผูกพันในอันจะปฏิบัติตามสัญญาแทนผู้ให้เช่าเดิมแล้ว กำหนดเวลาตามสัญญาเช่าย่อมไม่มีผลผูกพันผู้รับโอนที่ดิน สัญญาคงมีผลบังคับตามกฎหมายเพียง 3 ปี เมื่อผู้รับโอนได้รับโอนที่ดินมาเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ชอบที่จะเลิกสัญญากับผู้เช่าได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารค่าเสียหายระหว่างที่ยังไม่ออกจากที่ดินที่เช่า ระหว่างคดีโจทก์ขายที่ดินที่เช่าไป ค่าเช่าที่ค้างและหน้าที่จะส่งคืนที่ดินที่เช่าเมื่อสัญญาเช่าเลิกกัน เป็นหนี้ตามสัญญาเช่า ไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่า ส่วนค่าเสียหายแม้เป็นหนี้เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าแต่โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกได้ตราบเท่าที่ที่ดินที่เช่ายังเป็นของโจทก์อยู่ ทั้งโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งมอบที่ดินที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อด้วย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าภายหลังฟ้อง จึงไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีของโจทก์ที่ขอให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวระงับไป
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารค่าเสียหายระหว่างที่ยังไม่ออกจากที่ดินที่เช่า ระหว่างคดีโจทก์ขายที่ดินที่เช่าไป ค่าเช่าที่ค้างและหน้าที่จะส่งคืนที่ดินที่เช่าเมื่อสัญญาเช่าเลิกกัน เป็นหนี้ตามสัญญาเช่า ไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่า ส่วนค่าเสียหายแม้เป็นหนี้เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าแต่โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกได้ตราบเท่าที่ที่ดินที่เช่ายังเป็นของโจทก์อยู่ ทั้งโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งมอบที่ดินที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อด้วย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าภายหลังฟ้อง จึงไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีของโจทก์ที่ขอให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3196/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินเกิน 3 ปี ไม่จดทะเบียน & การโอนสิทธิ-หน้าที่ของผู้เช่า/ผู้ให้เช่าต่อผู้รับโอน
การเช่าที่ดินมีกำหนดเวลากว่าสามปีขึ้นไป แต่มิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แม้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งมีผลบังคับผู้ให้เช่าจะต้องให้เช่าตามกำหนดเวลาก็ตาม แต่เมื่อผู้รับโอนที่ดินจากผู้ให้เช่าไม่ยินยอมเข้าผูกพันในอันจะปฏิบัติตามสัญญาแทนผู้ให้เช่าเดิมแล้ว กำหนดเวลาตามสัญญาเช่าย่อมไม่มีผลผูกพันผู้รับโอนที่ดินสัญญาคงมีผลบังคับตามกฎหมายเพียง 3 ปี เมื่อผู้รับโอนได้รับโอนที่ดินมาเมื่อล่วงเลยกำหนดเวลาดังกล่าวแล้วก็ชอบที่จะเลิกสัญญากับผู้เช่าได้
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ค่าเสียหายระหว่างที่ยังไม่ออกจากที่ดินที่เช่า ระหว่างคดีโจทก์ขายที่ดินที่เช่าไป ค่าเช่าที่ค้างและหน้าที่จะส่งคืนที่ดินที่เช่าเมื่อสัญญาเช่าเลิกกันเป็นหนี้ตามสัญญาเช่าไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิที่ดินที่เช่าส่วนค่าเสียหายแม้เป็นหนี้เกี่ยวกับกรรมสิทธิทีดินที่เช่า แต่โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกได้ตราบเท่าที่ที่ดินที่เช่ายังเป็นของโจทก์อยู่ ทั้งโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งมอบที่ดินที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อด้วย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าภายหลังฟ้อง จึงไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีของโจทก์ที่ขอให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวระงับไป
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ค่าเสียหายระหว่างที่ยังไม่ออกจากที่ดินที่เช่า ระหว่างคดีโจทก์ขายที่ดินที่เช่าไป ค่าเช่าที่ค้างและหน้าที่จะส่งคืนที่ดินที่เช่าเมื่อสัญญาเช่าเลิกกันเป็นหนี้ตามสัญญาเช่าไม่เกี่ยวกับกรรมสิทธิที่ดินที่เช่าส่วนค่าเสียหายแม้เป็นหนี้เกี่ยวกับกรรมสิทธิทีดินที่เช่า แต่โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกได้ตราบเท่าที่ที่ดินที่เช่ายังเป็นของโจทก์อยู่ ทั้งโจทก์มีหน้าที่ต้องส่งมอบที่ดินที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อด้วย การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เช่าภายหลังฟ้อง จึงไม่ทำให้สิทธิฟ้องคดีของโจทก์ที่ขอให้จำเลยปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3175/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินมีเงื่อนไขห้ามโอนขาย และภาระจ่ายเงินรายเดือน มิใช่การก่อตั้งทรัสต์ และข้อกำหนดนั้นไม่มีผล
ผู้ทำพินัยกรรมได้ทำพินัยกรรมยกหรือมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของเจ้ามรดกให้แก่จำเลย แต่มีข้อห้ามมิให้จำเลยโอนขายหรือจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวและให้นำรายได้จากทรัพย์นั้นมาแบ่งให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น การยกให้ลักษณะดังกล่าวนี้หามีลักษณะเป็นการมอบกรรมสิทธิให้แก่จำเลยยึดถือหรือครอบครองทรัพย์ไว้แทนผู้รับประโยชน์ตามพินัยกรรมไม่ พินัยกรรมรายนี้จึงมิใช่เป็นการก่อตั้งทรัสต์
ข้อกำหนดพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน เป็นเพียงให้ทรัพย์ตามข้อกำหนดตกอยู่ในภารติดพัน โดยมีข้อกำหนดห้ามโอนขายหรือจำหน่าย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1700 กรณีจึงเท่ากับว่าจำเลยได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมไปโดยเด็ดขาด ข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์โดยห้ามโอนหรือจำหน่ายตัวทรัพย์จึงไม่มีผลตามกฎหมาย
ข้อกำหนดพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์เป็นรายเดือน เป็นเพียงให้ทรัพย์ตามข้อกำหนดตกอยู่ในภารติดพัน โดยมีข้อกำหนดห้ามโอนขายหรือจำหน่าย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1700 กรณีจึงเท่ากับว่าจำเลยได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมไปโดยเด็ดขาด ข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์โดยห้ามโอนหรือจำหน่ายตัวทรัพย์จึงไม่มีผลตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3175/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินมีเงื่อนไขห้ามโอนขาย และให้จ่ายเงินรายเดือน มิใช่ทรัสต์ ข้อกำหนดจึงตกเป็นภาระติดพัน
ผู้ทำพินัยกรรมได้ทำพินัยกรรมยกหรือมอบที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนของเจ้ามรดกให้แก่จำเลย แต่มีข้อห้ามมิให้จำเลยโอนขายหรือจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว และให้นำรายได้จากทรัพย์นั้นมาแบ่งให้แก่โจทก์และบุคคลอื่น การยกให้ในลักษณะดังกล่าวนี้หามีลักษณะเป็นการมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยยึดถือหรือครอบครองทรัพย์ไว้แทนผู้รับประโยชน์ตามพินัยกรรมไม่ พินัยกรรมรายนี้จึงมิใช่เป็นการก่อตั้งทรัสต์
ข้อกำหนดพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนเป็นเพียงให้ทรัพย์ตามข้อกำหนดตกอยู่ในภารติดพัน โดยมีข้อกำหนดห้ามโอนขายหรือจำหน่าย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1700 กรณีจึงเท่ากับว่าจำเลยได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมไปโดยเด็ดขาดข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์โดยห้ามโอนหรือจำหน่ายตัวทรัพย์ จึงไม่มีผลตามกฎหมาย
ข้อกำหนดพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนเป็นเพียงให้ทรัพย์ตามข้อกำหนดตกอยู่ในภารติดพัน โดยมีข้อกำหนดห้ามโอนขายหรือจำหน่าย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1700 กรณีจึงเท่ากับว่าจำเลยได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมไปโดยเด็ดขาดข้อกำหนดในพินัยกรรมที่ให้จำเลยจ่ายเงินให้แก่โจทก์โดยห้ามโอนหรือจำหน่ายตัวทรัพย์ จึงไม่มีผลตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3061/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมพิเศษสัญญาทำสุราไม่ขัด กม. การปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดย่อมชอบ สัญญาไม่ตกเป็นโมฆะ
คำสั่งของกรมสรรพสามิตจำเลยซึ่งกำหนดให้ผู้ประมูลแข่งขันเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นผู้รับการทำและขายส่งสุราขาวผสมประเภทเสียภาษีรายเทต้องเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นรายเทโดยผู้เสนอค่าธรรมเนียมพิเศษสูงสุดจะเป็นผู้ประมูลได้นั้น มิใช่การกำหนดอัตราภาษีหรืออัตราค่าธรรมเนียมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 47(1) แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 จึงไม่จำต้องออกเป็นกฎกระทรวง
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจากอ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้ โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าว จึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุราพ.ศ.2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59(2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวณเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลยแสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งว่าวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาได้ไม่
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่ต้องรับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่ง แสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจากอ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้ โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าว จึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุราพ.ศ.2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59(2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวณเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลยแสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งว่าวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาได้ไม่
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่ต้องรับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่ง แสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิด และมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้ว แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3061/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าธรรมเนียมพิเศษสัญญาทำสุรา ไม่ขัด กม. การปรับปรุงสัญญา และการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์สัญญา
คำสั่งของกรมสรรพสามิตจำเลยซึ่งกำหนดให้ผู้ประมูลแข่งขันเพื่อรับการแต่งตั้งเป็นผู้รับการทำและขายส่งสุราขาวผสมประเภทเสียภาษีรายเทต้องเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นรายเทโดยผู้เสนอค่าธรรมเนียมพิเศษสูงสุดจะเป็นผู้ประมูลได้นั้น มิใช่การกำหนด อัตราภาษีหรืออัตราค่าธรรมเนียม ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 47 (1) แห่งพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 จึงไม่จำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวง
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ 429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจาก อ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวจึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59 (2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 บาท เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวนเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลย แสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาไม่ได้
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่รับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดและมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้วแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน
อ.เป็นผู้ประมูลได้โดยเสนอจะชำระค่าธรรมเนียมพิเศษเทละ 429.89 บาท และโจทก์รับโอนสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจาก อ. เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิทำสุราในโรงงานและใช้อุปกรณ์การผลิตของจำเลยได้โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนอย่างอื่น ทั้งมีสิทธิจำหน่ายสุราแต่ผู้เดียวภายในเขตการจำหน่ายได้ผลประโยชน์ระยะยาวถึง 10 ปี ดังนี้ ค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวจึงมิใช่ภาษีหรือค่าธรรมเนียมตามพระราชบัญญัติสุรา แต่เป็นเงินค่าตอบแทนที่ให้แก่รัฐในการที่รัฐให้สิทธิพิเศษตามนัยที่กล่าวแล้ว ทั้งมิใช่เงินที่จำเลยเรียกเก็บนอกเหนือไปจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 และเป็นความสมัครใจของผู้เข้าประมูลเองที่ยอมให้ค่าตอบแทนแก่รัฐตามจำนวนที่เสนอในการยื่นประมูล จึงไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ไม่เป็นโมฆะ ฉะนั้น ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า ค่าธรรมเนียมพิเศษเป็นโมฆะจึงมีการออกกฎกระทรวงการคลังฉบับที่ 59 (2518) นำเอาค่าธรรมเนียมพิเศษจำนวนหนึ่งมาเพิ่มเป็นค่าภาษีสุรา เป็นการใช้กฎหมายรับรองสิ่งที่เป็นโมฆะ ภาษีสุราที่เพิ่มขึ้นตกเป็นโมฆะไปด้วย จึงย่อมเป็นอันตกไป เพราะค่าธรรมเนียมพิเศษมิได้เป็นโมฆะดังที่โจทก์อ้าง
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมพิเศษมาเป็นวิธีกำหนดจำนวนน้ำสุราให้โจทก์นำออกขายเพื่อเสียภาษีเดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 77,391 บาท เท โดยโจทก์สมัครใจเอง เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการตั้งโรงงานทำสุราเพื่อจำหน่ายและทำการค้าสุราทุกชนิด จึงอยู่ในวิสัยที่โจทก์จะทำและขายส่งสุราตามวัตถุประสงค์ของสัญญาได้ ส่วนต่อมาจะทำหรือขายได้ตามจำนวนที่ตกลงกันหรือไม่ เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของโจทก์ในการดำเนินการ โจทก์เป็นพ่อค้าสุราย่อมมีความรู้พอที่จะคำนวนเรื่องการทำและขายสุราได้ก่อนที่จะเข้าทำสัญญากับจำเลย แสดงว่าโจทก์ต้องรู้ข้อเท็จจริงตั้งแต่แรกว่าทำได้ โจทก์จึงมาโต้แย้งวัตถุประสงค์ที่ทำสัญญากับจำเลยเป็นเรื่องพ้นวิสัยหาไม่ได้
โจทก์ถือว่าโจทก์มีสิทธิที่จะไม่ต้องชำระค่าปรับตามสัญญาจึงไม่ชำระค่าปรับให้จำเลย การโต้แย้งสิทธิอยู่ที่การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์มาฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องชำระหนี้ เท่ากับให้แสดงว่าโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่โจทก์ชอบจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีเมื่อโจทก์ถูกจำเลยฟ้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวเท่านั้น หาใช่เป็นผู้ฟ้องคดีเสียเองไม่ โจทก์ยังมีสิทธิที่จะไม่ชำระหนี้ในเมื่อเห็นว่าตนไม่รับผิด จึงไม่มีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ศาลย่อมไม่รับวินิจฉัยให้ส่วนในเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับฐานทำสุราต่ำกว่ากำหนดและขอคืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วนั้นมีข้อโต้เถียงกันว่าสัญญาเป็นโมฆะโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดและมีสิทธิขอคืนเงินส่วนที่ชำระให้แก่จำเลยไปแล้วแต่จำเลยไม่ยอมคืนให้ จึงมีการโต้แย้งสิทธิและหน้าที่ของโจทก์ซึ่งเป็นประเด็นที่ต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2993-2999/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่าและการโอนสิทธิที่ดิน สัญญาไม่จดทะเบียนไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก
การที่จำเลยตกลงตัดฟันต้นไม้ซึ่งขึ้นอยู่รกและพื้นที่ไม่ราบเรียบ แล้วดำเนินการปลูกบ้านเพื่อเช่าอยู่อาศัย อันเห็นได้ชัดว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียว ถือไม่ได้ว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็น สัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาธรรมดา และเมื่อสัญญา ดังกล่าวมิได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงหามีผลผูกพันถึงโจทก์บุคคลภายนอกแต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2993-2999/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าปากเปล่า & สิทธิทำประโยชน์ในที่ดิน: สัญญาไม่จดทะเบียน ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
การที่จำเลยตกลงตัดฟันต้นไม้ซึ่งขึ้นอยู่รกและพื้นที่ไม่ราบเรียบ แล้วดำเนินการปลูกบ้านเพื่อเช่าอยู่อาศัย อันเห็นได้ชัดว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียวถือไม่ได้ว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาธรรมดา และเมื่อสัญญาดังกล่าวมิได้จดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงหามีผลผูกพันถึงโจทก์บุคคลภายนอกแต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2934/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุผล 'พ้นวิสัย' ไม่ครอบคลุมการขึ้นราคาน้ำมันดิบ ยางแอสฟัลท์ล่าช้าถือเป็นผิดสัญญา
"พ้นวิสัย" หมายถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นทำให้การชำระหนี้เป็นไปไม่ได้ การที่ผลผลิตของน้ำมันดิบขาดแคลนเพราะต่างประเทศขึ้นราคาน้ำมันดิบ ไม่เป็นเหตุพ้นวิสัยที่ผู้ขายจะส่งยางแอสฟัลท์แก่ผู้ซื้อไม่ได้ตามกำหนดเวลา ผู้ขายต้องรับผิดในการส่งชักช้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2909/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหนี้จงใจไม่แจ้งสิทธิจำนองเพื่อหวังเอาเปรียบเจ้าหนี้รายอื่น ศาลไม่อนุญาตให้รับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้มีประกัน
ตามเอกสารที่เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้อ้างส่งเป็นพยานชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ปรากฏว่า หนี้ตามสัญญากู้เงินรวม 7 ฉบับ ลูกหนี้ที่นำที่ดินรวม 10 โฉนดจำนองเป็นประกัน (โดยระบุเลขโฉนด) และในหนังสือสัญญากู้เงินทุกฉบับระบุที่ดินที่ลูกหนี้จะนำมาจำนอง ทั้งสัญญาจำนองทุกฉบับก็อยู่ที่เจ้าหนี้ ดังนั้น การที่เจ้าหนี้ละเว้นไม่แจ้งในคำขอรับชำระหนี้ว่าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้มีจำนองเป็นประกัน และไม่กรอกรายละเอียดแห่งทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันในบัญชีประกอบคำขอซึ่งจำเลยต้องกรอกจึงเห็นได้ชัดว่าเจ้าหนี้ประสงค์ขอรับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ทั้งนี้ เพื่อจะเอาหลักประกันไว้บังคับชำระหนี้เป็นการเอาเปรียบเจ้าหนี้ผู้อื่นด้วย หาใช่ว่าการละเว้นนั้นเกิดขึ้นโดยพลั้งเพลอไม่ คดีจึงไม่มีเหตุอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้อย่างเจ้าหนี้มีประกันภายในเงื่อนไขตามมาตรา 96 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ ศาลชอบที่จะสั่งให้สิทธิจำนองเหนือที่ดินนั้นเป็นอันระงับไปตามมาตรา 97