พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสอดและของหมั้น: การให้โดยไม่มีเจตนาจดทะเบียนสมรสไม่ถือเป็นสินสอดตามกฎหมาย
การที่โจทก์ให้เงิน 20,000 บาท ซึ่งเรียกว่าสินสอดและให้แหวนเพชรกับสร้อยทองคำซึ่งเรียกว่าของหมั้นแก่จำเลยนั้นโจทก์หาได้ให้ในฐานะเป็นสินสอดและของหมั้นไม่เพราะสินสอดหรือของหมั้นนั้นต้องเป็นการให้โดยมีเจตนาจะสมรสกันตามกฎหมายเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าทั้งสองฝ่ายเพียงแต่ประกอบพิธีสมรสตามประเพณี โดยไม่มีเจตนาที่จะจดทะเบียนสมรสเพื่อให้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เงินและทรัพย์นั้น จึงหาได้ให้ในฐานะเป็นสินสอดและของหมั้นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1437 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3557/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสอดและของหมั้นต้องมีเจตนาสมรสตามกฎหมาย การทำพิธีตามประเพณีแต่ไม่จดทะเบียนไม่ถือเป็นการสมรสโดยชอบธรรม
การที่โจทก์ให้เงิน 20,000 บาท ซึ่งเรียกว่าสินสอดและให้แหวนเพชรกับสร้อยทองคำซึ่งเรียกว่าของหมั้นแก่จำเลยนั้นโจทก์หาได้ให้ในฐานะเป็นสินสอดและของหมั้นไม่เพราะสินสอดหรือของหมั้นนั้นต้องเป็นการให้โดยมีเจตนาจะสมรสกันตามกฎหมายเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าทั้งสองฝ่ายเพียงแต่ประกอบพิธีสมรสตามประเพณี โดยไม่มีเจตนาที่จะจดทะเบียนสมรสเพื่อให้มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย เงินและทรัพย์นั้น จึงหาได้ให้ในฐานะเป็นสินสอดและของหมั้นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1437 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คและการยอมเป็นลูกหนี้แทนเดิม การออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่เกิดจากการเปลี่ยนตัวลูกหนี้
การที่จำเลยออกเช็คของตนให้แก่โจทก์เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเช็คของผู้อื่นซึ่งจำเลยสลักหลังไว้คืนมา เท่ากับเป็นการยอมตนเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้คนเดิมซึ่งยังผลให้จำเลยต้องผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คของจำเลยถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3519/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนตัวลูกหนี้ด้วยการแลกเช็คทำให้จำเลยผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องชำระหนี้
การที่จำเลยออกเช็คของตนให้แก่โจทก์เพื่อแลกเปลี่ยนเอาเช็ค ของผู้อื่นซึ่งจำเลยสลักหลังไว้คืนมา เท่ากับเป็นการยอมตนเป็นลูกหนี้ แทนลูกหนี้คนเดิมซึ่งยังผลให้จำเลยต้องผูกพันตามกฎหมายที่จะต้อง ชำระหนี้แก่โจทก์เมื่อเช็คของจำเลยถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ต้องถือว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช่าโรงงานสุรา: ผู้เสนอขอเช่าไม่มีสิทธิเมื่อข้อเสนอไม่ได้รับการตอบรับ
โจทก์เป็นเพียงผู้เสนอขอเช่าโรงงานสุราของรัฐว่ายินดีจะให้ผลประโยชน์แก่รัฐอย่างสูง เมื่อจำเลยที่ 1 - ที่ 4 รับหลักการแล้ว ต่อมาปฏิเสธการขอเช่าเสียโดยอ้างว่าคณะกรรมการไม่สามารถรับเรื่องของโจทก์ไว้พิจารณาได้นั้นย่อมเป็นอำนาจเด็ดขาดของจำเลยที่ 1-ที่ 4 และคณะกรรมการซึ่งเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าที่จะทำการตกลงกับโจทก์ด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีการตกลงสนองรับข้อเสนอของโจทก์ ข้อเสนอของโจทก์ก็เป็นอันตกไป โจทก์จึงไม่ได้สิทธิเป็น ผู้เช่า และเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเช่าโรงงานดังกล่าวแล้วการที่จำเลยที่ 1-ที่ 4 ให้จำเลยที่ 5 โดยจำเลยที่ 6 ที่ 7 เป็นผู้เช่าจึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1-ที่ 4 กับจำเลยที่ 5-ที่ 7 ได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้แล้วในระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจหยิบยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าโจทก์ไม่มี อำนาจฟ้องก่อนถึงขั้นตอนที่จะมีรายการแห่งคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้แล้วในระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจหยิบยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าโจทก์ไม่มี อำนาจฟ้องก่อนถึงขั้นตอนที่จะมีรายการแห่งคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3449/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเช่าโรงงานสุรา: การเสนอเช่าที่ไม่ได้รับการตอบรับ ไม่สร้างสิทธิ และไม่มีอำนาจฟ้องเพิกถอนสัญญาเช่า
โจทก์เป็นเพียงผู้เสนอขอเช่าโรงงานสุราของรัฐว่ายินดีจะให้ผลประโยชน์แก่รัฐอย่างสูง เมื่อจำเลยที่1- ที่ 4 รับหลักการแล้ว ต่อมาปฏิเสธการขอเช่าเสียโดยอ้างว่าคณะกรรมการไม่สามารถรับเรื่องของโจทก์ไว้พิจารณาได้นั้น ย่อมเป็นอำนาจเด็ดขาดของจำเลยที่ 1-ที่ 4 และคณะกรรมการซึ่งเป็นฝ่ายผู้ให้เช่าที่จะทำการตกลงกับโจทก์ด้วยหรือไม่ เมื่อไม่มีการตกลงสนองรับข้อเสนอของโจทก์ ข้อเสนอของโจทก์ก็เป็นอันตกไป โจทก์จึงไม่ได้สิทธิเป็น ผู้เช่า และเมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเช่าโรงงานดังกล่าวแล้วการที่จำเลยที่ 1-ที่ 4 ให้จำเลยที่ 5 โดยจำเลยที่ 6 ที่ 7 เป็นผู้เช่าจึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1-ที่ 4กับจำเลยที่ 5-ที่ 7 ได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้แล้วในระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจหยิบยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าโจทก์ไม่มี อำนาจฟ้องก่อนถึงขั้นตอนที่จะมีรายการแห่งคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้แล้วในระหว่างพิจารณา ศาลมีอำนาจหยิบยกเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยได้ และเมื่อเห็นว่าโจทก์ไม่มี อำนาจฟ้องก่อนถึงขั้นตอนที่จะมีรายการแห่งคดี ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องค่าถมดินเมื่อผู้ซื้อผิดสัญญา
โจทก์ได้ใช้ทราย ดินลูกรังและดินถมลงในที่ดินพิพาทที่โจทก์ประสงค์จะซื้อไว้ โดยจำเลยรู้เห็นและยินยอมเป็นการกระทำโดยสมัครใจของโจทก์ โดยในระยะนั้นโจทก์เชื่อว่าจะไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา แม้จำเลยจะได้ทรัพย์ดังกล่าวมาในฐานลาภมิควรได้ และยอมให้ขุดเอาดินที่ถมไปได้เมื่อต่อมาโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายกับโจทก์โดยชอบแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาทรายดินลูกรังและดินที่ถมในที่ดินพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3242/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยสมัครใจของผู้ซื้อก่อนผิดสัญญา ทำให้ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทรัพย์สินที่ถมลงในที่ดิน
การที่โจทก์ใใช้ทราย ดินลูกรัง และดิน ถมลงในที่ดินที่โจทก์จะซื้อจากจำเลย โดยจำเลยรู้เห็นยินยอม อันเป็นการกระทำโดยสมัครใจของโจทก์ เพราะโจทก์เชื่อว่าตนจะไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนี้ แม้จำเลยจะได้ทรัพย์ดังกล่าวมาในฐานลากมิควรได้ และจำเลยว่าถ้าโจทก์จะขุดเอาดินที่ถมในที่ดินก็ยอมให้ขุดเอาไปได้ก็ตาม แต่เมื่อต่อมาโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายแก่โจทก์โดยชอบแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ราคาทราย ดินลูกรัง และดินที่ถมไว้นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3183/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อในการขับรถและการมีส่วนประมาทของผู้เสียหาย ศาลพิจารณาตามพฤติการณ์
ประเด็นเรื่องฟ้องเคลือบคลุมจำเลยเพิ่งยกขึ้นในคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การเมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งในเรื่องนี้ จึงเท่ากับว่าไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมคำให้การ แม้โจทก์จะมิได้คัดค้าน ศาลก็ไม่รับวินิจฉัยประเด็นดังกล่าว
ผ. มารดา น. ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีแทน น. ในการสาบานตนว่าอนาถาหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำโดย ผ.
จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ม. เป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถคันที่เกิดเหตุเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุจำเลยใช้ให้ ม. ขับรถไปบรรทุกปุ๋ย คำให้การดังกล่าวของจำเลยในระยะกระชั้นชิดกับเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งถือได้ว่าเป็นการให้การที่เป็นปฏิปักษ์เสียประโยชน์แก่ตนเองจึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ม. ขับรถบรรทุกเร็วเกินกว่าสภาพแห่งท้องที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางแคบชน น. จึงเป็นการประมาทเลินเล่อ แต่หาก น. ใช้ความระมัดระวังในการข้ามถนนตามสมควรก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น นับว่า น. มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย ตามพฤติการณ์ถือได้ว่า ม. ประมาทเลินเล่อมากกว่าและต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนแห่งการกระทำนั้น
ผ. มารดา น. ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีแทน น. ในการสาบานตนว่าอนาถาหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องกระทำโดย ผ.
จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ม. เป็นลูกจ้างของจำเลยขับรถคันที่เกิดเหตุเป็นประจำ ในวันเกิดเหตุจำเลยใช้ให้ ม. ขับรถไปบรรทุกปุ๋ย คำให้การดังกล่าวของจำเลยในระยะกระชั้นชิดกับเวลาที่เกิดเหตุ ทั้งถือได้ว่าเป็นการให้การที่เป็นปฏิปักษ์เสียประโยชน์แก่ตนเองจึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ม. ขับรถบรรทุกเร็วเกินกว่าสภาพแห่งท้องที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางแคบชน น. จึงเป็นการประมาทเลินเล่อ แต่หาก น. ใช้ความระมัดระวังในการข้ามถนนตามสมควรก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น นับว่า น. มีส่วนประมาทเลินเล่ออยู่ด้วย ตามพฤติการณ์ถือได้ว่า ม. ประมาทเลินเล่อมากกว่าและต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามส่วนแห่งการกระทำนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้อง: ศาลอนุญาตได้แม้ไม่ส่งสำเนาคำร้องก่อนนัดชี้สองสถาน หากจำเลยไม่คัดค้านการเลื่อนนัด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 เป็นเรื่องการทิ้งฟ้องมิใช่ทิ้งคำร้องขอถอนฟ้อง กรณีเรื่องถอนฟ้องมีบัญญัติไว้ในมาตรา 175 ซึ่งโจทก์ก็ได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอถอนฟ้องและศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ โดยฟังคำคัดค้านของจำเลยนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่จำเลยจะถือเอาว่าเมื่อโจทก์มิได้นำส่งสำเนาคำร้องขอถอนฟ้องให้จำเลยก่อนวันชี้สองสถานแล้ว เป็นการทิ้งคำร้องขอถอนฟ้องแสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะขอถอนฟ้องนั้นไม่มีกฎหมายสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าวของจำเลย