พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมแล้วพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยจำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ขับรถประมาท โจทก์เป็นฝ่ายประมาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามฟ้องแย้งดังนี้ จำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยว่าไม่ชอบอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจเจ้าพนักงานชั่งตวงวัดในการสั่งริบเครื่องวัดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิทธิของเจ้าของเครื่องวัด
มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตรา ชั่ง ตวง วัด พ.ศ. 2466 บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้ หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดลายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดลายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 189/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจเจ้าพนักงานในการสั่งริบเครื่องวัดที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และสิทธิของเจ้าของเครื่องวัด
มาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติมาตราชั่ง ตวง วัด พ.ศ.2466บัญญัติให้เป็นดุลพินิจและอำนาจของเจ้าพนักงานโดยเฉพาะที่จะสั่งให้คืนเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ในเมื่อเห็นว่าพอจะแก้ไขให้ถูกต้องได้หรือสั่งให้ริบหรือทำลายจนสิ้นเชิงเมื่อเห็นว่าทำไม่ถูกต้องและจะแก้ไขด้วยประการใด ๆ ที่สมควรก็ทำให้ถูกต้องไม่ได้
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่
โจทก์ส่งเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าไปให้จำเลยรับรอง เมื่อเจ้าพนักงานได้ตรวจสอบและเห็นว่าเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์ไม่ถูกต้องและไม่อาจแก้ไขให้ดีได้และได้ใช้ดุลพินิจสั่งริบเครื่องวัดชนิดสายแถบผ้าของโจทก์แล้ว โจทก์จะขอให้ศาลสั่งเป็นอย่างอื่นโดยไม่มีข้ออ้างว่าเจ้าพนักงานใช้ดุลพินิจไม่สุจริตหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183-184/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องค่าจ้างทำถังขยะและการชำระหนี้ตามเช็ค ผู้รับเช็คมีสิทธิได้รับเงินจากผู้ออกเช็ค
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 คืนเงินค่าจ้างและชำระค่าปรับรวมเป็นเงิน 243,510 บาท ให้จำเลยทั้งสอง โจทก์ที่ 2 ที่ 3 และจำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นบังคับให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ชดใช้ให้จำเลยดังกล่าว จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะในประเด็นที่ว่า ศาลชั้นต้นมิได้บังคับให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาและมิได้บังคับให้โจทก์ที่ 1 ที่ 4 คืนเช็คให้จำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบ ดังนี้ ประเด็นที่ว่าโจทก์ที่ 2 ที่ 3 จะต้องคืนเงินค่าจ้างให้กับจำเลยเท่าใด จึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 คืนเงินค่าจ้างให้จำเลยเพิ่มขึ้น หรือลดลงผิดไปจากที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 183-184/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาทำถังขยะ: การชำระหนี้ค่าจ้าง, ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา, และการคืนเช็ค
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 คืนเงินค่าจ้างและชำระค่าปรับรวมเป็นเงิน 243,510 บาท ให้จำเลยทั้งสอง โจทก์ที่ 2 ที่ 3 และจำเลยทั้งสองไม่อุทธรณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นบังคับให้โจทก์ที่2 ที่ 3 ชดใช้ให้จำเลยดังกล่าว จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เฉพาะในประเด็นที่ว่า ศาลชั้นต้นมิได้บังคับให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญาและมิได้บังคับให้โจทก์ที่ 1 ที่ 4 คืนเช็คให้จำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบดังนี้ ประเด็นที่ว่าโจทก์ที่ 2 ที่ 3 จะต้องคืนเงินค่าจ้างให้กับจำเลยเท่าใดจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้โจทก์ที่ 2 ที่ 3 คืนเงินค่าจ้างให้จำเลยเพิ่มขึ้น หรือลดลงผิดไปจากที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดแล้วหาได้ไม่เพราะเป็นการวินิจฉัยในประเด็นที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและอายุความฟ้องร้อง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 2 งาน เมื่อเดือน 3 ปี 2516 จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 1 งาน ราคา 2,000 บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือนลงในที่ดินเสร็จ แต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จกลับไม่ชำระราคาให้โจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินโจทก์ กับให้ใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของโจทก์ จำเลยปลูกบ้านเมื่อต้นปี 2514 คดีโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ ตามฟ้องและคำให้การคดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยปลูกเรือนโดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืนจากจำเลยหรือไม่และค่าเสียหายของโจทก์ ตามประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงจากการสืบพยานของคู่ความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ และการฟ้องขับไล่จากที่ดินของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงหนึ่งเนื้อที่ประมาณ 2 งานเมื่อเดือน 3 ปี 2516 จำเลยขอแบ่งซื้อที่ดินแปลงนี้เนื้อที่ 1 งาน ราคา 2,000 บาท กำหนดชำระราคาเมื่อจำเลยปลูกเรือน ลงในที่ดิน แล้วเสร็จแต่เมื่อจำเลยปลูกเรือนและครัวไฟเสร็จกลับ ไม่ชำระราคา ให้โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจาก ที่ดินโจทก์กับให้ใช้ ค่าเสียหาย จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลย ปลูกบ้านเป็นที่ดินรัศมีเขา จำเลยไม่เคยขอแบ่งซื้อที่ดินของ โจทก์ จำเลยปลูกบ้านเมื่อ ต้นปี 2514 คดีโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ ตามฟ้องและคำให้การ คดีมีประเด็นข้อพิพาทว่าที่พิพาท เป็นของโจทก์จำเลยปลูกเรือน โดยอาศัยสิทธิโจทก์หรือไม่โจทก์ มีสิทธิฟ้องเรียกการครอบครองคืน จากจำเลยหรือไม่และ ค่าเสียหายของโจทก์ตามประเด็นดังกล่าว จำเป็นต้องฟัง ข้อเท็จจริงจากการสืบพยานของคู่ความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นเอาทรัพย์ที่ถูกยึดคืน ไม่เข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์ หากปราศจากเจตนาทุจริต
ตำรวจยึดรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้ที่ผิดกฎหมายไว้เป็นของกลางจำเลยกับพวกพากันมาขับและเข็นรถยนต์นั้นไปเพียงแต่ช่วยให้ได้รถกลับคืน ไม่มีเจตนาทุจริตมาลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: การฟ้องคดีแพ่งต้องยื่นต่อศาลที่มีเขตอำนาจเหนือภูมิลำเนาจำเลย หากฟ้องผิดศาล ศาลมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องได้
โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในข้อหาละเมิด ต้องอยู่ ในบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) ซึ่งให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดปทุมธานี มิได้อยู่ที่จังหวัดพระนครและจังหวัดธนบุรีในเขตอำนาจศาลแพ่งโจทก์จะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งโดยศาลแพ่งมิได้ใช้ดุลพินิจยอมรับคดีไว้พิจารณาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมไม่ได้
ศาลแพ่งสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อปรากฏว่า(ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง) จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลแพ่งศาลแพ่งย่อมมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ได้
ศาลแพ่งสั่งรับฟ้องของโจทก์ไว้เพราะโจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อปรากฏว่า(ขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง) จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตอำนาจศาลแพ่งศาลแพ่งย่อมมีอำนาจเพิกถอนคำสั่งเดิมและมีคำสั่งใหม่ไม่รับฟ้องของโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 108/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อมีอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 165(6) แม้ในสัญญาจะระบุเป็นสัญญาเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อคือสัญญาเช่าทรัพย์ประกอบกับคำมั่นว่าจะขาย ค่าเช่าซื้อก็คือค่าเช่าในการใช้ทรัพย์สินที่โจทก์นำออกให้เช่า แม้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 5 ว่าด้วยเช่าซื้อจะมิได้บัญญัติในเรื่องอายุความไว้โดยตรงก็ตาม โจทก์ก็จะต้องฟ้องเสียภายในกำหนดอายุความ 2 ปี ตามนัยแห่งประมวกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(6) (อ้างฎีกาที่ 798/2508 และ 192/2512)