พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายจราจรและการใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย กรณีความเร็วรถบรรทุก
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกน้ำมันด้วยอัตราความเร็ว 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้สำหรับรถบรรทุกน้ำมันสำหรับในเขตเทศบาล (กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 พ.ศ.2509 ข้อ10 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477)แต่ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 3ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2477 และได้มีกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 พ.ศ.2522 ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ข้อ 1 ได้กำหนดความเร็วสำหรับรถไว้สำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัมหรือบรรทุกคนโดยสารให้ขับในเขตกรุงเทพมหานครเขตเมืองพัทยาหรือเขตเทศบาลไม่เกินชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร ฯลฯ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ได้บัญญัติว่า ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีจะถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การขับรถของจำเลยที่ 1 จึงไม่เร็วเกินกว่ากำหนดความเร็วตามกฎหมายใหม่ซึ่งบัญญัติไว้ให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทอันจะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงกฎหมายจราจรและการใช้กฎหมายที่เป็นคุณต่อจำเลยในคดีประมาท
ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกน้ำมันด้วยอัตราความเร็ว 40 - 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้สำหรับรถบรรทุกน้ำมันสำหรับในเขตเทศบาล (กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2509 ข้อ 10 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477) แต่ต่อมาพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 และได้มีกฎหระทรวงมหาดไทยฉบับที่ 6 พ.ศ. 2522 ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ข้อ 1 ได้กำหนดความเร็วสำหรับรถไว้ สำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถรวมทั้งน้ำหนักบรรทุกเกิน 1,200 กิโลกรัมหรือบรรทุกคนโดยสารให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยาหรือเขตเทศบาลไม่เกินชั่วโมงละ 60 กิโลเมตร ฯลฯ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ได้บัญญัติว่า ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีจะถึงที่สุดแล้ว ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขับรถด้วยความเร็วเกินกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การขับรถของจำเลยที่ 1 จึงไม่เร็วเกินกว่ากำหนดความเร็วตามกฎหมายใหม่ซึ่งบัญญัติไว้ให้เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทอันจะเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสะดุดหยุดจากคดีแพ่งต่อเนื่องคดีล้มละลาย การพิสูจน์หนี้ไม่ขาดอายุความ
ศาลสั่งจำหน่ายคดีแพ่งเพราะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด เจ้าหนี้นำเช็คในคดีนั้นมาขอพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลาย ถือเป็นการตั้ง หลักฐานสิทธิเรียกร้องทางศาลต่อเนื่องเกี่ยวโยงกัน อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173 ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ: ฟ้องไม่ถึงสามีจำเลยจำกัดสิทธิเรียกร้องเฉพาะส่วนของโจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณ โดยบรรยายว่าทำนิติกรรมจดทะเบียนยกที่ดินให้สามีจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องสามีจำเลยว่า ประพฤติเนรคุณขอให้เรียกถอนคืนการให้ในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสามีจำเลย จึงต้องพิพากษาให้จำเลยโอนคืนเฉพาะส่วนที่โจทก์ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเท่านั้น เมื่อเรียกถอนคืนการให้ได้เฉพาะส่วนของจำเลย ก็ไม่มีเหตุที่จะกำหนดค่าเสียหายเพิ่มให้โจทก์รวมถึงส่วนที่ยกให้สามีจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายโดยตรงจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 830/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของโจทก์: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้เสียหายจากการยักยอกเงินค่าตราไปรษณียากร
ปัญหาเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยเพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจวินิจฉัย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพนักงานของการสื่อสารแห่งประเทศไทยทำหน้าที่หัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์สาขา ได้รับฝากจดหมายและรับเงินค่าตราไปรษณียากรจากผู้ฝากหลายราย แล้วไม่จัดการผนึกตราไปรษณียากรบนจดหมายและจัดส่งไปตามหน้าที่.กลับยักยอกเอาเงินค่าตราไปรษณียากรซึ่งตกเป็นของการสื่อสารแห่งประเทศไทยแล้วเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียย่อมเกิดความเสียหายแก่การสื่อสารแห่งประเทศไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทยจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าที่ดิน: กำหนดเวลาและสถานที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์เช่าที่ดินของจำเลย ในสัญญาไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสถานที่ชำระค่าเช่า โจทก์ต้องเป็นผู้นำค่าเช่าไปชำระให้แก่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ณ ภูมิลำเนาของจำเลย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324และจะต้องชำระภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 204
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า, การเช่าช่วง, การบอกเลิกสัญญา, สิทธิการฟ้องขับไล่, การพิสูจน์ข้อเท็จจริง
โจทก์ที่ 2 จดทะเบียนเช่าอาคารพิพาทจากโจทก์ที่ 1 แต่เข้าครอบครองไม่ได้เพราะจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ขัดขวาง โจทก์ที่ 2 ชอบที่จะเรียกผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 477 และ 549 เพื่อศาลจะได้วินิจฉัยข้อพิพาทระหว่างคู่กรณีทั้งหลายรวมไปเป็นคดีเดียวกัน แต่เมื่อโจทก์ที่ 2 ได้ฟ้องคดีร่วมกับโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าแล้ว โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 672/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเช่าซื้อผิดสัญญา: สิทธิของโจทก์จำกัดเพียงริบค่าเช่าซื้อและครอบครองทรัพย์
ยอดเงินที่ต้องชำระครั้งแรกกับยอดเงินค่าเช่าซื้อที่ผ่อนชำระรายเดือนรวมกันแล้วเท่ากับยอดเงินค่าเช่าซื้อทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อ แสดงว่าเงินสองจำนวนดังกล่าวต่างก็เป็นเงินค่าเช่าซื้อทั้งสิ้น เมื่อจำเลยผู้เช่าซื้อผิดสัญญา โจทก์ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเพียงริบค่าเช่าซื้อที่ได้รับไว้กับเข้าครอบครองทรัพย์ จะเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระด้วยไม่ได้คงมีสิทธิได้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าที่จำเลยใช้ทรัพย์ที่เช่าซื้อตลอดเวลาที่ครอบครองอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประสบอันตรายจากการทำงาน: การทำร้ายร่างกายจากความขัดแย้งส่วนตัว ไม่ถือเป็นการประสบอันตรายตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
จ. กับ ส.ต่างเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์โดยส.เป็นลูกมือ จ. แล้วจ.เกิดโทสะที่ ส. ไม่ทำตามคำสั่งจึงตบหน้าและใช้ขวดน้ำอัดลมตี ส.บาดเจ็บ การทำร้ายเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของการปฏิบัติงานให้นายจ้างดังนั้นเมื่อต่อมา ส.ซึ่งยังอาฆาต จ.อยู่ได้ใช้เหล็กนาบมุกเผาไฟตี จ. ถึงแก่ความตายจึงเป็นการที่ จ. ถูกทำร้ายตายเพราะเหตุส่วนตัว ไม่ใช่เนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้างดังความหมายคำว่า'ประสบอันตราย' ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ