พบผลลัพธ์ทั้งหมด 700 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 668/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทำร้ายร่างกายระหว่างลูกจ้าง ไม่ถือเป็นอันตรายจากการทำงาน
จ. กับ ส. ต่างเป็นลูกจ้างของบริษัทโจทก์ โดย ส.เป็นลูกมือ จ.แล้วจ.เกิดโทสะที่ ส. ไม่ทำตามคำสั่งจึงตบหน้าและใช้ขวดน้ำอัดลมตี ส.บาดเจ็บ การทำร้ายเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ของการปฏิบัติงานให้นายจ้างดังนั้นเมื่อต่อมา ส.ซึ่งยังอาฆาตจ.อยู่ได้ใช้เหล็กนาบมุกเผาไฟตี จ. ถึงแก่ความตายจึงเป็นการที่ จ.ถูกทำร้ายตายเพราะเหตุส่วนตัว ไม่ใช่เนื่องมาจากการทำงานให้นายจ้างดังความหมายคำว่า"ประสบอันตราย" ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและภาระภาษี: แม้สัญญาหลักระบุผู้เสียภาษี แต่หากข้อเท็จจริงเปลี่ยน ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาที่ทำกับผู้ให้เช่า
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิหาผลประโยชน์จากการให้เช่าอาคารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โจทก์ให้จำเลยเช่าอาคารโดยจำเลยทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเป็นผู้เสียค่าภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารที่เช่า ดังนี้แม้ตามสัญญาเช่าที่โจทก์พาจำเลยไปทำกับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะ ระบุว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมิได้เป็นผู้เสีย โจทก์เป็นผู้เสียซึ่งโจทก์ผลักภาระนี้ให้จำเลย จำเลยก็ต้องเป็นผู้เสียภาษีโรงเรือนตามสัญญาที่ ทำไว้กับโจทก์ จะยกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและภาระภาษี: แม้สัญญาเช่ากับเจ้าของกรรมสิทธิ์ระบุหน้าที่เสียภาษี แต่หากเจ้าของกรรมสิทธิ์มิได้เสีย ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาเช่ากับผู้ให้เช่า
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิหาผลประโยชน์จากการให้เช่าอาคารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โจทก์ให้จำเลยเช่าอาคารโดยจำเลยทำสัญญากับโจทก์ว่าจะเป็นผู้เสียค่าภาษีโรงเรือนสำหรับอาคารที่เช่า ดังนี้แม้ตามสัญญาเช่าที่โจทก์พาจำเลยไปทำกับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จะ ระบุว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมีหน้าที่เสียภาษีโรงเรือนแต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยมิได้เป็น ผู้เสีย โจทก์เป็นผู้เสีย ซึ่งโจทก์ผลักภาระนี้ให้ จำเลย จำเลยก็ต้องเป็นผู้เสียภาษีโรงเรือนตามสัญญาที่ ทำไว้กับโจทก์ จะยกสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยขึ้นต่อสู้โจทก์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัยรถยนต์: ผู้รับประกันภัยต้องชดใช้ตามวงเงินกรมธรรม์ แม้ผู้เช่าซื้อค้างชำระค่าเช่าซื้อ
รถยนต์เป็นของโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าซื้อไป ได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยในวงเงิน 700,000 บาท โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ ผู้เช่าซื้อคงค้างค่าเช่าซื้ออยู่ 562,508 บาท รถคันพิพาทก็หายไป เช่นนี้ ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีปรากฏว่าผู้รับประกันภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้รับประโยชน์เป็นเงิน 700,000 บาท เมื่อรถยนต์เกิดหายไปผู้รับประกันภัยก็จะต้องชดใช้ตามจำนวนดังกล่าว หาใช่จำนวนตามที่ผู้เช่าซื้อค้างค่าเช่าซื้อไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินไม่ระบุราคา โมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และอำนาจศาลในการบังคับค่าฤชาธรรมเนียมคนอนาถา
จำเลยกู้เงินโจทก์ แล้วมอบนาพิพาทให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย ในสัญญากู้มีข้อความว่า ถ้าจำเลยไม่นำเงินต้นและดอกเบี้ยมาชำระภายในหนึ่งปีนับแต่วันทำสัญญา จำเลยยอมยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์แทนเงินกู้ แต่มิได้ระบุว่าที่พิพาทมีราคาเท่าใด เท่ากับราคาในท้องตลาดในเวลาและ ณ สถานที่ส่งมอบหรือไม่ข้อสัญญาดังกล่าวนี้จึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 656 วรรคสอง และตกเป็นโมฆะตามวรรคสาม
จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจกำหนดให้โจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะส่วนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158
จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วน เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชนะคดี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจกำหนดให้โจทก์ซึ่งจะต้องรับผิดเสียค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมเฉพาะส่วนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 369/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอพิจารณาคดีใหม่หลังขาดนัด – เงื่อนไขและข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ขาดนัดพิจารณา จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวให้โจทก์แพ้คดีในประเด็นพิพาท โจทก์ขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ กรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นมิให้พิจารณาใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201, 207
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในคดีโจทก์ขาดนัดพิจารณา โจทก์ขอพิจารณาใหม่ ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในคดีโจทก์ขาดนัดพิจารณา โจทก์ขอพิจารณาใหม่ ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ จำเลยอุทธรณ์ฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องการส่งหมายเรียกภายในกำหนด
คดีอาญาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง ให้โจทก์ส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง แม้ถึงหากโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะมิได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกแก่จำเลย กรณีก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตามคำสั่งศาล ถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียกภายในกำหนด
คดีอาญาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง ให้โจทก์ส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง แม้ถึงหากโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะมิได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกแก่จำเลย กรณีก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตามคำสั่งศาลถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคต้องจดทะเบียนตามกฎหมาย หากไม่จดทะเบียน ถือเป็นโมฆะ เจ้าของกรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ขาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และริบโค 2 ตัวกับเกวียน 1 เล่มของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าของกลางเป็นของตน ตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางดังกล่าวแก่ผู้ร้องแต่ปรากฏว่า ผู้ร้องซื้อโคของกลางมาเมื่อโคทั้งสองโตเป็นสัตว์พาหนะแล้ว แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมายการซื้อขายโคของกลางจึงเป็นโมฆะ ผู้ขายยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โคของกลางอยู่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริงอันจะมีสิทธิร้องขอคืนโคของกลางได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายโคโดยไม่จดทะเบียนตามกฎหมายสัตว์พาหนะ ทำให้การซื้อขายเป็นโมฆะ ผู้ซื้อจึงไม่มีสิทธิขอคืน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และริบโค 2 ตัวกับเกวียน 1 เล่มของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าของกลางเป็นของตน ตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางดังกล่าวแก่ผู้ร้อง แต่ปรากฏว่า ผู้ร้องซื้อโคของกลางมาเมื่อโคทั้งสองโตเป็นสัตว์พาหนะแล้ว แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย การซื้อขายโคของกลางจึงเป็นโมฆะ ผู้ขายยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โคของกลางอยู่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริง อันจะมีสิทธิร้องขอคืนโคของกลางได้ตามกฎหมาย