คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สอน ไชยสุต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องคดีหุ้นส่วนเดิมด้วยข้อหาเดิม แม้เปลี่ยนแปลงคำขอท้ายฟ้อง เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้กับโจทก์ 39 ราย ถ้าทำไม้เสร็จรายใดก็คิดบัญชีกัน จำเลยไม่คิดบัญชีแบ่งผลกำไรให้ จึงขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะต้องเลิกห้างหุ้นส่วนและไม่มีเหตุที่จะต้องชำระบัญชี ส่วนในเรื่องคิดบัญชีกันนั้น เป็นข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีหลังจากทำไม้หุ้นส่วนเสร็จแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีอย่างคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์และไม่ได้ขอบังคับให้จำเลยใช้เงินคืน จึงไม่วินิจฉัยข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีให้ และพิพากษายกฟ้อง โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกว่าผิดสัญญาหุ้นส่วนและไม่แบ่งผลกำไรขอให้ใช้คืน ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็ถือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้ด้วยกันและจำเลยไม่ยอมแบ่งกำไรซึ่งเป็นข้อ้อางเดียวกันกับที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีก่อน แม้ข้อหาของโจกท์ในคดีก่อนจะเป็นเรื่องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี และข้อหาในคดีนี้เป็นเรื่องให้ใช้เงินคืนก็ตาม ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยก็สืบเนื่องมาจากมูลฐานและข้ออ้างเดียวกัน คือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้กันหรือไม่ โจทก์ชอบที่จะเสนอข้อหาดังกล่าวรวมไปในฟ้องในคราวเดียวกัน แต่โจทก์มิได้กระทำโดยเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาในคดีก่อนจึงไม่รับวินิจฉัยข้อหาเรื่องนี้ให้ การที่โจทก์มารื้อร้องฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกโดยอาศัยมูลฐานและข้ออ้างเดียวกัน จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148 (3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: แม้ศาลฎีกาคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิ แต่การฟ้องใหม่ต้องได้รับการอนุญาตจากศาลในคดีก่อนจึงจะชอบ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้กับโจทก์ 39 รายถ้าทำไม้เสร็จรายใดก็คิดบัญชีกัน จำเลยไม่คิดบัญชีแบ่งผลกำไรจึงขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุที่จะต้องเลิกห้างหุ้นส่วนและไม่มีเหตุที่จะต้องชำระบัญชี ส่วนในเรื่องคิดบัญชีกันนั้น เป็นข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีหลังจากทำไม้หุ้นส่วนเสร็จแล้ว โจทก์ชอบที่จะเสนอคดีอย่างคดีมีทุนทรัพย์ แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์และไม่ได้ขอบังคับให้จำเลยใช้เงินคืนจึงไม่วินิจฉัยข้อพิพาทโต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีให้ และพิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกว่าผิดสัญญาหุ้นส่วนและไม่แบ่งผลกำไรขอให้ใช้เงินคืน ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของโจทก์ก็คือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้ด้วยกันและจำเลยไม่ยอมแบ่งกำไรซึ่งเป็นข้ออ้างเดียวกันกับที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีก่อน แม้ข้อหาของโจทก์ในคดีก่อนจะเป็นเรื่องขอให้เลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชี และข้อหาในคดีนี้เป็นเรื่องให้ใช้เงินคืนก็ตาม ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยก็สืบเนื่องมาจากมูลฐานและข้ออ้างเดียวกันคือ โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนทำไม้กันหรือไม่ โจทก์ชอบที่จะเสนอข้อหาดังกล่าวรวมไปในฟ้องในคราวเดียวกัน แต่โจทก์มิได้กระทำโดยเลี่ยงไม่ยอมเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ ศาลฎีกาในคดีก่อนจึงไม่รับวินิจฉัยข้อหาเรื่องนี้ให้ การที่โจทก์มารื้อร้องฟ้องจำเลยในคดีนี้อีกโดยอาศัยมูลฟ้องและข้ออ้างเดียวกันจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่จะฟ้องใหม่ได้ตามมาตรา 148(3) นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ศาลในคดีก่อนอนุญาตไว้ในคำพิพากษา มิใช่ถ้าคำพิพากษาในคดีก่อนไม่ได้ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องว่ากล่าวอีกแล้ว โจทก์จะฟ้องได้ มิฉะนั้นบทบัญญัติเรื่องห้ามฟ้องซ้ำที่บัญญัติไว้ในวรรคแรกของมาตรานี้ย่อมไร้ผลบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการประนอมหนี้ในคดีล้มละลาย: โจทก์ถูกผูกมัดตามการประนอมหนี้ ไม่สามารถฟ้องเรียกหนี้เดิมได้อีก
หนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยนี้โจทก์ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 27,91แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 และได้มีการประนอมหนี้ตามมาตรา 56 แล้วด้วย มาตรา 56 บัญญัติไว้ว่า "การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาล เห็นชอบด้วยแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระได้ แต่ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งในเรื่องหนี้ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ ลูกหนี้ไม่อาจหลุดพ้นโดยคำสั่งปลดจากล้มละลายได้ ฯลฯ" เมื่อหนี้ของโจทก์ไม่ใช่หนี้ดังที่ระบุไว้ในมาตรา 77 การประนอมหนี้ดังกล่าวมาข้างต้นจึงผูกมัดโจทก์ด้วย โจทก์จะฟ้องจำเลย (ลูกหนี้) ให้ต้องรับผิดในหนี้นั้นอีกไม่ได้ และกรณีนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 626/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการประนอมหนี้ในคดีล้มละลายที่มีผลผูกพันเจ้าหนี้ การฟ้องเรียกหนี้ซ้ำจึงไม่ชอบ
หนี้ที่โจทก์ฟ้องจำเลยนี้โจทก์ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 27, 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 และได้มีการประนอมหนี้ตามมาตรา 56 แล้วด้วย มาตรา 56 บัญญัติไว้ว่า การประนอมหนี้ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ยอมรับและศาลเห็นชอบด้วยแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ทั้งหมดในเรื่องหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระได้ แต่ไม่ผูกมัดเจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งในเรื่องนี้ ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ ลูกหนี้ไม่อาจหลุดพ้นโดยคำสั่งปลดจากล้มละลายได้ ฯลฯ" เมื่อหนี้ของโจทก์ไม่ใช่หนี้ดังที่ระบุไว้ในมาตรา 77 การประนอมหนี้ดังกล่าวมาข้างต้นจึงผูกมัดโจทก์ด้วย โจทก์จะฟ้องจำเลย (ลูกหนี้) ให้ต้องรับผิดในหนี้นั้นอีกไม่ได้ และกรณีนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนจำนองที่ดิน: เจ้าหนี้ซื้อที่ดินจากลูกหนี้ แล้วลูกหนี้จำนองที่ดินนั้นให้ผู้อื่น โดยผู้รับจำนองทราบถึงการเสียเปรียบของเจ้าหนี้
จำเลยที่ 1 จัดสรรที่ดิน โจทก์ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งไว้จึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย เมื่อจำเลยที่ 1 เอาที่ดินแปลงที่ขายให้โจทก์ไปจำนองแก่จำเลยที่ 2 ทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบ และจำเลยที่ 2 รับจำนองที่ดินไว้โดยทราบแล้วว่าจำเลยที่ 1 จัดสรรขายให้บุคคลอื่นไปแล้ว ซึ่งเป็นการรู้ถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมจำนองดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237
ก่อนครบหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการจำนอง ได้มีคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติให้อายัดที่ดินของจำเลยที่ 1 และให้ตกเป็นของรัฐ แต่ให้โจทก์มีสิทธิยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่แสดงสิทธิในที่ดินของโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ได้ยื่นเอกสารแสดงสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมถือเสมือนหนึ่งว่าโจทก์ทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดี อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เพิกถอนจำนองที่ดินจัดสรร: เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องเมื่อลูกหนี้จำนองที่ดินก่อนชำระหนี้ครบ และอายุความสะดุดหยุดลงเมื่อยื่นแจ้งสิทธิ
จำเลยที่ 1 จัดสรรที่ดินขายโจทก์ซื้อที่ดินแปลงหนึ่งไว้จึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขาย เมื่อจำเลยที่ 1 เอาที่ดินแปลงที่ขายให้โจทก์ไปจำนองแก่จำเลยที่ 2 ทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบและจำเลยที่ 2 รับจำนองที่ดินไว้โดยทราบแล้วว่าจำเลยที่ 1 จัดสรรขายให้บุคคลอื่นไปแล้ว ซึ่งเป็นการรู้ถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบนั้นด้วย โจทก์จึงชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมจำนองดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 237
ก่อนครบหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการจำนอง ได้มีคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติให้อายัดที่ดินของจำเลยที่ 1 และให้ตกเป็นของรัฐแต่ให้โจทก์มีสิทธิยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่แสดงสิทธิในที่ดินของโจทก์ได้ เมื่อโจทก์ได้ยื่นเอกสารแสดงสิทธิของโจทก์แล้ว ย่อมถือเสมือนหนึ่งว่าโจทก์ทำการอื่นใดอันนับว่ามีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดี อายุความย่อมสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 173

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับป่าไม้ แม้ผู้กระทำผิดหลักครอบครองไม้ผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 4 ว่าจ้างจำเลยที่ 1, 2, 3 ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่า ขณะจำเลยที่ 1, 2, 3 กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่าก็ถูกเจ้าพนักงานจับกุม โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ที่ไม้ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ แม้จำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ แต่การที่จำเลยที่ 1, 2, 3 รู้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายก็ยังขืนรับจ้างขนไม้ของกลางนั้น เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 4 ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1, 2, 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยที่ 4 ว่าจ้างจำเลยที่ 1,2,3 ให้นำรถยนต์เข้าไปบรรทุกไม้ยางของกลางที่ป่า ขณะจำเลยที่ 1,2,3 กำลังใช้รถยนต์นำไม้ของกลางจะออกจากป่าก็ถูกเจ้าพนักงานจับกุมโดยจำเลยที่ 1,2,3 ทราบอยู่แล้วว่าไม้ของกลางยังไม่ได้ตีตราค่าภาคหลวง เป็นไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ แม้จำเลยที่ 4 แต่ผู้เดียวมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้แต่การที่จำเลยที่ 1,2,3 รู้ว่าไม้ของกลางเป็นไม้ผิดกฎหมายก็ยังขืนรับจ้างขนไม้ของกลางนั้นเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 4 ในการกระทำความผิดฐานมีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1, 2,3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉลจำนอง: ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่รู้เหตุ เพิกถอนไม่ได้ แม้มีคำสั่งพิเศษ
เมื่อโจทก์รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เอาที่ดินที่จำเลยที่ 1 ตกลงจะขายให้โจทก์โดยโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วนและจำเลยได้ยอมให้โจทก์เข้าครอบครองที่นั้นแล้วไปจำนองจำเลยที่ 3 เป็นต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนการฉ้อฉลแล้ว แต่มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รู้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240
แม้หัวหน้าคณะปฏิวัติจะมีคำสั่งให้รัฐมีอำนาจจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของจำเลยที่ 1 และให้ผู้มีสิทธิภารผูกพันกับที่ดินจากจำเลยที่ 1 ยื่นหลักฐานเรียกร้องที่ดินของจำเลยที่ 1 ต่อกรมที่ดินได้แต่เมื่อคำสั่งนั้นออกมาภายหลังที่คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียแล้วจึงไม่ทำให้อายุความดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 222/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเพิกถอนการฉ้อฉลจำนอง: แม้มีคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิวัติก็ไม่กระทบอายุความ
เมื่อโจทก์รู้ถึงการที่จำเลยที่ 1 เอาที่ดินที่จำเลยที่ 1 ตกลงจะขายให้โจทก์โดยโจทก์ได้ชำระราคาบางส่วน และจำเลยได้ยอมให้โจทก์เข้าครอบครองที่นั้นแล้วไปจำนองจำเลยที่ 3 เป็นต้นเหตุอันเป็นมูลให้เพิกถอนการฉ้อฉลแล้ว แต่มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ได้รู้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 240
แม้หัวหน้าคณะปฏิวัติจะมีคำสั่งให้รัฐมีอำนาจจัดการทรัพย์สินทั้งหมดของจำเลยที่ 1 และให้ผู้มีสิทธิภารผูกพันกับที่ดินจากจำเลยที่ 1 ยื่นหลักฐานเรียกร้องที่ดินของ จำเลยที่ 1 ต่อกรมที่ดินได้ แต่เมื่อคำสั่งนั้นออกมาภายหลังที่คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลเสียแล้ว จึงไม่ทำให้อายุความดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไป
of 29