พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2682/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายต้องทำเป็นหนังสือตามกฎหมาย การตกลงเบื้องต้นยังไม่ถือเป็นสัญญา
จำเลยยื่นหนังสือเสนอขอซื้อเครื่องในสุกรชำแหละจากโจทก์โดยยินยอมทำสัญญาและวางเงินประกัน โจทก์มีหนังสือตอบสนองว่าผู้อำนวยการของโจทก์ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วเห็นควรจำหน่ายให้จำเลยตามราคาที่เสนอขอซื้อ ให้ไปทำสัญญาซื้อขายและวางเงินประกัน ดังนี้ตามหนังสือเสนอสนองของโจทก์จำเลยดังกล่าว โจทก์จำเลยต่างก็มีเจตนาว่าสัญญาอันมุ่งจะทำต่อกันนั้นจะต้องทำเป็นหนังสือเสียก่อน ฉะนั้น กรณีของโจทก์จำเลยจึงยังมิได้มีสัญญาต่อกัน เพราะยังไม่ได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 366วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องร้องบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616-2617/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนความผิดพยายามส่งออกยาเสพติด: การกระทำเพียงช่วยซ่อนยาเสพติดไม่ถือเป็นตัวการร่วม
การที่จำเลยที่ 2 เพียงช่วยพันเฝือกที่ขาของจำเลยที่ 1 และเอาเฮโรอีนซุกซ่อนไว้ในเฝือก เป็นการสนับสนุนในการที่จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น มิใช่ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2616-2617/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ช่วยซุกซ่อนยาเสพติดในเฝือก ถือเป็นผู้สนับสนุนการพยายามส่งออก ไม่ใช่ตัวการร่วม
การที่จำเลยที่ 2 เพียงช่วยพันเฝือกที่ขาของจำเลยที่ 1 และเอาเฮโรอีนซุกซ่อนไว้ในเฝือก เป็นการสนับสนุนในการที่จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานพยายามนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นมิใช่ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำผิดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบทรัพย์สินเพื่อดูแลรักษา ไม่ถือเป็นการครอบครองแทนเจ้าของ หากนำไปให้ผู้อื่นเป็นการยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายได้มอบกระบือและรถจักรยาน 2 ล้อ ให้จำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลรักษาโดยเก็บรักษาไว้ที่นาเพื่อใช้ทำนาและไร่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายได้มอบหมายให้จำเลยยึดถือครอบครองทรัพย์นั้นแทนผู้เสียหาย การยึดถือครอบครองทรัพย์จึงอยู่ที่จำเลย หาใช่ยังอยู่ที่ผู้เสียหายไม่ เมื่อจำเลยเอาทรัพย์นั้นไปให้แก่บุคคลอื่น จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หาใช่ลักทรัพย์ตามฟ้องไม่ เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามฟ้องในข้อสาระสำคัญซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย จะลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2610/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบหมายให้ดูแลทรัพย์สินแล้วยักยอกทรัพย์ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์แทนลักทรัพย์
ผู้เสียหายได้มอบกระบือและรถจักรยาน 2 ล้อให้จำเลยเป็นผู้ควบคุมดูแลรักษาโดยเก็บรักษาไว้ที่นาเพื่อใช้ทำนาและไร่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวผู้เสียหายได้มอบหมายให้จำเลยยึดถือครอบครองทรัพย์นั้นแทนผู้เสียหาย การยึดถือครอบครองทรัพย์จึงอยู่ที่จำเลย หาใช่ยังอยู่ที่ผู้เสียหายไม่ เมื่อจำเลยเอาทรัพย์นั้นไปให้แก่บุคคลอื่น จึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ หาใช่ลักทรัพย์ตามฟ้องไม่เมื่อกรณีเป็นเช่นนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามฟ้องในข้อสาระสำคัญซึ่งโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย จะลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2596-2597/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินโดยปริยายเป็นทางสาธารณะ และสิทธิการใช้ประโยชน์ในสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
แม้ถนนจะอยู่ในที่ดินตามโฉนดของโจทก์ แต่การที่โจทก์ยอมให้ทางอำเภอนำดินลูกรังมาถมขยายจากสภาพคันกั้นน้ำให้เป็นถนนกว้างถึง 6 เมตร กับยอมให้ราษฎรและยานพาหนะใช้เป็นทางสัญจรไปมาเป็นเวลากว่าสิบปี ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว โดยไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือบอกกล่าวอุทิศ หรือมีการจดทะเบียนแสดงว่าเป็นทางหลวงแต่ประการใด
ที่ดินโจทก์มีเขตจดถนนสาธารณะ ถัดจากถนนจึงเป็นลำคลองสาธารณะ การที่จำเลยคนหนึ่งจอดแพในลำคลองและจำเลยอีกคนหนึ่งปลูกบ้านอยู่ในที่ชายตลิ่งของลำคลองหน้าที่ดินของโจทก์ จะถือว่าแพและบ้านของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ไม่ได้ ทั้งเมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยใช้ประโยชน์อยู่ในที่ดินที่จำเลยคนหลังปลูกบ้าน โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเป็นพิเศษ ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยย้ายแพและรื้อเรือนออกไปได้
ที่ดินโจทก์มีเขตจดถนนสาธารณะ ถัดจากถนนจึงเป็นลำคลองสาธารณะ การที่จำเลยคนหนึ่งจอดแพในลำคลองและจำเลยอีกคนหนึ่งปลูกบ้านอยู่ในที่ชายตลิ่งของลำคลองหน้าที่ดินของโจทก์ จะถือว่าแพและบ้านของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ไม่ได้ ทั้งเมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยใช้ประโยชน์อยู่ในที่ดินที่จำเลยคนหลังปลูกบ้าน โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเป็นพิเศษ ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยย้ายแพและรื้อเรือนออกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2596-2597/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินโดยปริยายเป็นทางสาธารณะ และสิทธิของเจ้าของที่ดินเมื่อมีการใช้ประโยชน์ในคลองสาธารณะ
แม้ถนนจะอยู่ในที่ดินตามโฉนดของโจทก์ แต่การที่โจทก์ยอมให้ทางอำเภอนำดินลูกรังมาถมขยายจากสภาพคันกั้นน้ำให้เป็นถนนกว้างถึง 6 เมตร กับยอมให้ราษฎรและยานพาหนะใช้เป็นทางสัญจรไปมาเป็นเวลากว่าสิบปี ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว โดยไม่ต้องทำเป็นหนังสือหรือบอกกล่าวอุทิศ หรือมีการจดทะเบียนแสดงว่าเป็นทางหลวงแต่ประการใด
ที่ดินโจทก์มีเขตจดถนนสาธารณะ ถัดจากถนนจึงเป็นลำคลองสาธารณะ การที่จำเลยคนหนึ่งจอดแพในลำคลอง และจำเลยอีกคนหนึ่งปลูกบ้านอยู่ในที่ชายตลิ่งของลำคลองหน้าที่ดินของโจทก์ จะถือว่าแพและบ้านของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ไม่ได้ ทั้งเมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยใช้ประโยชน์อยู่ในที่ดินที่จำเลยคนหลังปลูกบ้าน โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเป็นพิเศษ ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยย้ายแพและรื้อเรือนออกไปได้
ที่ดินโจทก์มีเขตจดถนนสาธารณะ ถัดจากถนนจึงเป็นลำคลองสาธารณะ การที่จำเลยคนหนึ่งจอดแพในลำคลอง และจำเลยอีกคนหนึ่งปลูกบ้านอยู่ในที่ชายตลิ่งของลำคลองหน้าที่ดินของโจทก์ จะถือว่าแพและบ้านของจำเลยบังหน้าที่ดินของโจทก์ไม่ได้ ทั้งเมื่อฟังไม่ได้ว่าโจทก์เคยใช้ประโยชน์อยู่ในที่ดินที่จำเลยคนหลังปลูกบ้าน โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเป็นพิเศษ ไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยย้ายแพและรื้อเรือนออกไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรมสัญญาประนีประนอมยอมความ โมฆะตามมาตรา 119
ที่ดินมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 3 โฉนด จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่มีเนื้อที่มากที่สุดให้แก่บิดาโจทก์ โดยลงชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับ ทนายความผู้เขียนสัญญาดูแต่ภาพถ่ายด้านหน้าโฉนด ไม่ได้ดูสารบัญจดทะเบียน เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่ 2600 มีเนื้อที่มากที่สุด จึงได้เขียนสัญญาประนีประนอมยอมความไปตามนั้น จำเลยจำเลขโฉนดและเนื้อที่ทั้งสามแปลงไม่ได้ เข้าใจว่าทนายความลงเลขโฉนดและเนื้อที่ดินในสัญญาถูกต้องตรงเจตนาของจำเลย จึงรับว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อให้ไว้ แท้จริงโฉนดที่ 2598 มีเนื้อที่มากที่สุด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่ 2600 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2516/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญของสัญญาประนีประนอมยอมความ ทำให้สัญญานั้นเป็นโมฆะ
ที่ดินมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าของ 3 โฉนด จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่มีเนื้อที่มากที่สุดให้แก่บิดาโจทก์ โดยลงชื่อโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับทนายความผู้เขียนสัญญาดูแต่ภาพถ่ายด้านหน้าโฉนด ไม่ได้ดูสารบัญจดทะเบียน เข้าใจว่าเป็นโฉนดที่ 2600 มีเนื้อที่มากที่สุด จึงได้เขียนสัญญาประนีประนอมยอมความไปตามนั้น จำเลยจำเลขโฉนดและเนื้อที่ทั้งสามแปลงไม่ได้ เข้าใจว่าทนายความลงเลขโฉนดและเนื้อที่ดินในสัญญาถูกต้องตรงเจตนาของจำเลย จึงรับว่าถูกต้องและลงลายมือชื่อให้ไว้ แท้จริงโฉนดที่ 2598 มีเนื้อที่มากที่สุด ดังนี้ การที่จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกที่ดินโฉนดที่ 2600 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่เป็นการสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งนิติกรรม สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 119
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2481-2485/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนส่งประจำทางนอกเส้นทางอนุญาตเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การขนส่ง และผู้ขับรถไม่ใช่ผู้ประกอบการขนส่ง
บริษัทจำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางจากจังหวัดสิงห์บุรีถึงบ้านชันสูตร การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 ได้ร่วมกันนำรถยนต์โดยสารเข้าไปรับส่งคนโดยสารและสินค้าในเส้นทางซึ่งนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนนั้น ย่อมเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 10 อันมีโทษตามมาตรา 59 ตามฟ้องโดยตรง เพราะออกวิ่งนอกเส้นทางที่กำหนดให้ประกอบการขนส่ง หาได้เป็นความผิดเกี่ยวกับมาตราอื่นที่โจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษไม่
จำเลยที่ 7 ของแต่ละสำนวนเป็นผู้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางตามฟ้อง จึงเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 34(1) ซึ่งบัญญัติบังคับไว้โดยเฉพาะ จำเลยที่ 7 จึงมิใช่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยไม่มีความผิดตามมาตรา 10 ดังฟ้อง
จำเลยที่ 7 ของแต่ละสำนวนเป็นผู้ขับรถยนต์โดยสารประจำทางตามฟ้อง จึงเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่ประจำเครื่องอุปกรณ์การขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 มาตรา 34(1) ซึ่งบัญญัติบังคับไว้โดยเฉพาะ จำเลยที่ 7 จึงมิใช่ผู้ประกอบการขนส่งด้วยไม่มีความผิดตามมาตรา 10 ดังฟ้อง