พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดหลายกรรมหลายบท: ใช้บทที่มีโทษหนักสุด และกระทงความผิดเรียงกระทง
จำเลยกระทำผิดหลายกรรม แต่ละกรรมเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนี้ ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยทุกกรรม เรียกกระทงความผิดไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาตภายหลังกฎหมายยกเว้นโทษ ศาลยกฟ้องหากอยู่ในระยะเวลาที่ขออนุญาตได้
จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นของกลาง ไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ในระหว่างนั้นได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 ออกใช้บังคับ ให้ผู้มีอาวุธปืนดังกล่าวนำไปขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ฯลฯ ต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด 90 วันไม่ต้องรับโทษ และขณะที่จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครองนั้นยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะนำอาวุธปืนนั้นไปขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ จึงต้องถือว่าในขณะที่จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองนั้น กฎหมายยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตได้รับการยกเว้นโทษตามกฎหมายฉบับแก้ไข หากดำเนินการขออนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด
จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นของกลาง ไม่มีหมายเลขทะเบียนไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมาย ในระหว่างนั้นได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 ออกใช้บังคับให้ผู้มีอาวุธปืนดังกล่าวนำไปขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ฯลฯ ต่อนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด 90 วันไม่ต้องรับโทษและขณะที่จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในความครอบครองนั้นยังอยู่ในระยะเวลาที่จำเลยจะนำอาวุธปืนนั้น ไปขอรับอนุญาตเพื่อปฏิบัติการให้ถูกต้องตามกฎหมายได้จึงต้องถือว่าในขณะที่จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครองนั้น กฎหมายยกเว้นโทษให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่ต้องรับโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553-1555/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการละเมิด: การประเมินค่าใช้จ่ายทำศพและค่าขาดไร้อุปการะ
กรณีละเมิดทำให้ถึงตาย โจทก์นำสืบค่าใช้จ่ายในการทำศพได้ไม่แน่นอน ศาลกำหนดให้ได้ตามสมควร ส่วนค่าขาดไร้อุปการะนั้นเป็นสิทธิที่จะได้รับเป็นค่าเสียหาย ไม่ต้องคำนึงถึงว่าโจทก์ยากไร้อย่างการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยตรง
คดีซึ่งโจทก์เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1420,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2,3 204,000 บาท แก่โจทก์ที่ 4 ผู้รับประกันภัยที่ได้รับช่วงสิทธิ 48,375 บาทกับดอกเบี้ยนั้น เฉพาะโจทก์ที่ 4 ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีซึ่งโจทก์เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1420,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2,3 204,000 บาท แก่โจทก์ที่ 4 ผู้รับประกันภัยที่ได้รับช่วงสิทธิ 48,375 บาทกับดอกเบี้ยนั้น เฉพาะโจทก์ที่ 4 ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์และฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องทุนทรัพย์และข้อเท็จจริง
โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 55 แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แต่ละคนไม่เกินสองหมื่นบาท จึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ และเมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์และฎีกาในคดีแพ่ง: ข้อจำกัดด้านทุนทรัพย์และการต้องห้ามอุทธรณ์/ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 55 แม้จะฟ้องรวมกันมาก็ต้องถือทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนแยกกัน ปรากฏว่าโจทก์ที่ 1 ที่ 4 ที่ 7 และที่ 8 เรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์แต่ละคนไม่เกินสองหมื่นบาท จึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ และเมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบทำให้เกิดการฉ้อฉล โจทก์ขอให้จำเลยร่วมรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม
เจ้าหน้าที่ของธนาคารจำเลยที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเป็นเหตุให้จำเลยอื่นฉ้อฉลโอนที่ดินอันเป็นโมฆียะต้องบอกล้าง แม้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องร่วมรับผิดในการโอนที่ดินคืน ศาลก็ให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนโจทก์ได้ ซึ่งศาลจะเรียกจนครบจำนวนที่โจทก์ได้เสียไปเท่านั้น มิใช่คิดค่าธรรมเนียมซ้ำเป็น 2 เท่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินไถ่จำนองแล้วโจทก์ไม่รับ ศาลสั่งให้ใช้เงินตามที่วางโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย
จำเลยวางเงินไถ่จำนองต่อศาลโดยยอมรับผิดและยอมให้โจทก์รับไปได้ แต่โจทก์ไม่รับไปโดยเห็นว่าควรได้มากกว่านั้น ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามที่จำเลยวางต่อศาล ดังนี้ จำเลยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในเงินนั้นตั้งแต่วันที่วางเงิน ข้อนี้ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1457/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับประกันภัยค้ำจุนและการแบ่งแยกความรับผิดในหนี้ที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดความรับผิดของผู้รับประกันและผู้เอาประกัน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนอันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแทนในนามจำเลยที่ 1 ผู้เอาประกันภัย กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ เมื่อศาลฎีกากำหนดค่าสินไหมทดแทนให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลง แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาก็ตาม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 245(1),247 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาเห็นสมควรก็ให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์เพียงเท่าที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาเดิมกับคู่ความที่ไม่ใช่โจทก์โดยตรง และการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แต่เมื่อศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่บุคคลภายนอกอันจะกล่าวอ้างพิสูจน์สิทธิใหม่ และพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมาย อันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 การอุทธรณ์คำสั่งนี้และฎีกาต่อมา จึงเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ตามบัญญัติไว้ในตาราง 1 ข้อ 2 ข. ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ต้องเสียค่าขึ้นศาล 50 บาท
สามีเคยให้ความยินยอมแก่ภริยาต่อสู้คดีกับจำเลย และให้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาแล้ว คดีถึงที่สุด โดยศาลพิพากษาว่าภริยามีสิทธิรับมรดกที่ดินเท่าที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทอยู่นอกพินัยกรรม สามีจะรื้อฟื้นมาฟ้องจำเลยอีกว่าที่พิพาทเป็นของสามี ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ มิใช่ที่ดินของเจ้ามรดกผู้ทำพินัยกรรมหาได้ไม่ เพราะสามีต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับภริยา คำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันสามีด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 699/2498)
สามีเคยให้ความยินยอมแก่ภริยาต่อสู้คดีกับจำเลย และให้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่พิพาทมาแล้ว คดีถึงที่สุด โดยศาลพิพากษาว่าภริยามีสิทธิรับมรดกที่ดินเท่าที่ระบุไว้ในพินัยกรรม ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทอยู่นอกพินัยกรรม สามีจะรื้อฟื้นมาฟ้องจำเลยอีกว่าที่พิพาทเป็นของสามี ได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์ มิใช่ที่ดินของเจ้ามรดกผู้ทำพินัยกรรมหาได้ไม่ เพราะสามีต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับภริยา คำพิพากษาคดีดังกล่าวย่อมผูกพันสามีด้วย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 699/2498)