พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาคดี การเดินทางไปค้าขายต่างจังหวัดเป็นเหตุให้ไม่ถือว่าจงใจขาดนัด
ระหว่างจำเลยถูกฟ้องคดีจำเลยไม่ได้อยู่บ้านตามฟ้องแต่ได้เดินทางไปค้าขายต่างจังหวัดไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง เมื่อจำเลยกลับจากต่างจังหวัด หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงทราบว่าถูกฟ้อง การที่จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การและไม่ได้มาศาลในวันนัดพิจารณาจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา โจทก์ฎีกาว่าในเดือนสิงหาคม 2532 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากถูกฟ้องแล้วโจทก์จำเลยได้ไปทำการไกล่เกลี่ยเรื่องที่ดินถูกฟ้องที่บ้านมารดา จำเลยย่อมทราบถึงการถูกฟ้องในวันนั้นแล้ว เมื่อโจทก์มิได้กล่าวไว้ในคำคัดค้านชั้นขอพิจารณาใหม่จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุม-ความรับผิดนายจ้าง: จำเลยต้องรับผิดเมื่อลูกจ้างทุจริตและศาลพบว่าฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำให้การของจำเลยที่ 2 ปฏิเสธเพียงว่า คำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมไม่บรรยายสภาพแห่งข้อหาให้ชัดแจ้ง ทั้งข้อความก็ไม่ต่อเนื่องไม่สามารถเข้าใจข้อความแห่งคำฟ้อง เป็นการยกถ้อยคำในกฎหมายมาอ้าง โดยมิได้บรรยายว่าสภาพแห่งข้อหาในคำฟ้องของโจทก์ข้อใดที่ไม่ชัดแจ้งและไม่ชัดแจ้งอย่างไร คำให้การจำเลยจึงแสดงเหตุไม่ชัดแจ้ง ไม่มีประเด็นว่าฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกา การฝากและถอนเงินจากบัญชีชื่อของโจทก์เป็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เองทั้งหมด โจทก์มิได้รู้เห็นด้วย จึงไม่ผูกพันโจทก์และการที่จำเลยที่ 1 ทุจริตปลอมลายมือชื่อโจทก์ถอนเงินจากบัญชีโจทก์ เป็นการละเมิด ธนาคารจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้รับฝากทรัพย์ต้องระมัดระวังรักษาทรัพย์สินให้ปลอดภัย หากขาดความระมัดระวังจนทรัพย์สินสูญหายหรือถูกยึด ต้องรับผิดชดใช้ราคา
ผู้รับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยขนทรัพย์สินของโจทก์ที่ฝากไว้ออกจากสถานที่รับฝากโดยหลบหนีภาษีศุลกากร จนทรัพย์สินของโจทก์ถูกยึดเป็นของกลางในคดีอาญา แสดงว่าจำเลยขาดความระมัดระวังไม่ใช้ฝีมือสงวนทรัพย์สินของโจทก์เช่นวิญญูชน หาใช่เหตุสุดวิสัยเมื่อจำเลยคืนทรัพย์สินที่ฝากไม่ได้ จำเลยต้องใช้ราคา โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหายประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ต่อการไม่ระมัดระวัง ทำให้ทรัพย์สินสูญหายหรือถูกยึด
ผู้รับฝากทรัพย์โดยมีบำเหน็จค่าฝากจำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดั่งนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยขนทรัพย์สินของโจทก์ที่ฝากไว้ออกจากสถานที่รับฝากโดยหลบหนีภาษีศุลกากร จนทรัพย์สินของโจทก์ถูกยึดเป็นของกลางในคดีอาญา แสดงว่าจำเลยขาดความระมัดระวังไม่ใช้ฝีมือสงวนทรัพย์สินของโจทก์เช่นวิญญูชน หาใช่เหตุสุดวิสัย เมื่อจำเลยคืนทรัพย์สินที่ฝากไม่ได้ จำเลยต้องใช้ราคา
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหาย ประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นในเรื่องค่าเสียหาย ประเด็นข้อพิพาทในส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4173/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการต่อสู้ในคดีนอกคำให้การ และการฟ้องซ้ำที่มิได้มีประเด็นข้อเท็จจริงเดียวกัน
ปัญหาว่า ว.กรรมการบริษัทโจทก์ได้ลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความหรือไม่ จำเลยที่ 3 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การฎีกาของจำเลยที่ 3 ในส่วนนี้จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นนอกเหนือจากคำให้การ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์เคยฟ้องจำเลยทั้งสามในเรื่องเดียวกันครั้งหนึ่งแล้วแต่ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่พอรับฟังว่า ว.กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทโจทก์เป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ในคดีดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แม้คดีก่อนศาลจะสืบพยานในประเด็นแห่งคดีจนเสร็จการพิจารณาแล้ว แต่ศาลก็พิพากษายกฟ้องเพราะเหตุพยานหลักฐานโจทก์เกี่ยวกับอำนาจฟ้องยังไม่พอรับฟังโดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดี ทั้งปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องในคดีก่อนกับคดีนี้ก็ต่างกัน การที่โจทก์มาฟ้องใหม่ในเรื่องเดียวกันนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4069/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเด็นนอกคำให้การและประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยหากไม่ได้รับการฎีกาคัดค้าน
จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่เพียงว่า จำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ตามฟ้องและมิได้ทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้ สัญญากู้ยืมเงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอมจึงไม่มีประเด็นว่าจำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เพียงใด ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นว่า จำเลยค้างชำระหนี้โจทก์อยู่เพียงใดไว้ การที่ศาลอุทธรณ์ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ แต่โจทก์มิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และผลคดีเป็นประโยชน์แก่จำเลยมากแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4058/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัด การสละประเด็น และการห้ามฎีกาในประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาล
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ ซึ่งมีมูลมาจากสัญญาต่างตอบแทนการทำไร่อ้อย จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์คิดราคาอ้อยค่าขนส่ง เงินชดเชย และดอกเบี้ยให้จำเลยไม่ถูกต้องโดยในปี 2524จำเลยควรจะได้รับเงิน 178,550 บาทเศษ แต่โจทก์คิดหักทอนบัญชีแล้วอ้างว่าจำเลยยังเป็นหนี้อยู่ 84,753 บาท ปี 2525 จำเลยควรจะได้รับเงิน 212,381 บาท แต่โจทก์คิดหักทอนบัญชีแล้วอ้างว่าจำเลยยังเป็นหนี้อยู่ 20,336 บาท นอกจากนั้นโจทก์ได้ตัดอ้อยของจำเลยจำนวน 2 ไร่ 1 งาน คิดเป็นเงิน 13,500 บาท แต่โจทก์ก็มิได้คิดหักทอนให้จำเลย ในปี 2525 จำเลยมีอ้อยประมาณ 170 ตัน แต่โจทก์ผิดสัญญามาตัดไปเพียง 10 ตัน ที่เหลือปล่อยให้แห้งตายทำให้จำเลยเสียหาย หนังสือรับสภาพหนี้ตามฟ้องเป็นเอกสารปลอมเพราะโจทก์กรอกข้อความในแบบพิมพ์ซึ่งมีลายมือชื่อจำเลยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลย คำให้การดังกล่าวจำเลยมิได้ให้การโดยชัดแจ้งว่า จำนวนเงินที่ระบุในหนังสือรับสภาพหนี้ไม่ถูกต้องอย่างไร และที่ถูกควรเป็นเท่าใด จำเลยคงให้การต่อสู้เกี่ยวกับหนังสือรับสภาพหนี้แต่เพียงว่าเป็นเอกสารปลอม ฉะนั้น คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำนวนเงินในหนังสือรับสภาพหนี้ถูกต้องหรือไม่ คงมีประเด็นแห่งคดีตามคำให้การเพียงว่าหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอมหรือไม่ที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อนี้ไว้ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่เพียงใด จึงเป็นการไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยประเด็นข้อนี้จึงชอบแล้ว ส่วนปัญหาตามฎีกาข้อต่อมาว่าหนังสือรับสภาพหนี้เป็นเอกสารปลอมหรือไม่นั้น ในการชี้สองสถานศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทเรื่องนี้ไว้และจำเลยก็มิได้โต้แย้ง ถือว่าจำเลยสละประเด็นข้อนี้แล้ว แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยประเด็นข้อนี้ให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ถือจงใจ ทำให้ไม่รับพิจารณาใหม่
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้ โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลย-ที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยาน-โจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด และไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้น พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3849/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่ไปศาล ศาลถือว่าจงใจขาดนัด แม้จะมีเหตุทำเอกสารหาย
ชั้นขอให้พิจารณาใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 10 ฎีกาเพียงว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอมนำมาเป็นมูลบังคับคดีกับจำเลยไม่ได้โดยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเหตุขาดนัดแต่ประการใดเลย ฎีกาของจำเลยที่ 3 และที่ 10 จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องหรือหมายนัดสืบพยานโจทก์เป็นไปโดยชอบแล้ว จำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในกำหนดและไม่ได้มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยอ้างเพียงว่าผู้รับไว้แทนทำหาย หรือมีอาชีพขับรถรับจ้างไม่ค่อยอยู่บ้านเท่านั้นพฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาจึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3723/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และการกำหนดค่าเสียหายที่เหมาะสมจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
เหตุละเมิดคดีนี้ศาลแขวงสงขลาได้มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 2 ในข้อหาว่าขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งแม้กรณีจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ให้ศาลที่พิจารณาคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวก็ไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1นายจ้าง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่มิได้ถูกฟ้องคดีอาญานั้นด้วย จำเลยที่ 1 ยังอาจยกข้อต่อสู้และนำสืบในคดีนี้ได้ว่าจำเลยที่ 2มิได้เป็นฝ่ายทำละเมิดต่อโจทก์หากแต่โจทก์ที่ 1 เป็นฝ่ายขับรถโดยประมาทเองหรือมีส่วนประมาทร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย จำเลยที่ 1 ฎีกาโดยขออ้างเอาคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1มาให้ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง แต่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยชัดแจ้งว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3วินิจฉัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายไม่ถูกต้องอย่างไรหรือวินิจฉัยอย่างไรจึงจะถูกต้อง กลับมาให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก โจทก์ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บที่เปลือกตาบนด้านซ้ายมือมีอาการบวมของประสาทตาส่วนกลางและมีเลือดออก ทำให้ประสาทตาส่วนกลางเสื่อมสมรรถภาพลง ต้องได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ตลอดชีวิตเนื่องจากอาจเกิดอาการแทรกซ้อนในภายหลัง โจทก์ที่ 2 ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่นิ้วหัวแม่มือด้านขวา เอ็นและเส้นประสาทที่นิ้วหัวแม่มือขาดแพทย์ได้ทำการผ่าตัดต่อเส้นเอ็นได้แต่ต่อเส้นประสาทไม่ได้เพราะขนาดเล็กมาก หลังผ่าตัดแล้วนิ้วหัวแม่มือของโจทก์ที่ 2 งอติดกับข้อกางได้เพียง 60 องศา ซึ่งการที่โจทก์ทั้งสองได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โจทก์ทั้งสองเป็นจักษุแพทย์ไม่สามารถทำงานละเอียดเช่นการผ่าตัดประสาทหูชั้นในและเยื่อฟังผืดใกล้จอประสาทตาได้ ดังนั้นโจทก์ทั้งสองจึงมีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่ไม่สามารถประกอบการงานในปัจจุบันและอนาคตได้