พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1582/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนอกฟ้อง และพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เมื่อฟังไม่ได้ว่ามีการรุกล้ำ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนด เลขที่ 19168 เลขที่ดิน 5109 ของโจทก์ ดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยปลูกสร้างรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 19226 เลขที่ดิน 5167 ของโจทก์ จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากคำฟ้อง ซึ่งไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม, อำนาจฟ้อง, อายุความ: ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น-อุทธรณ์ โดยจำเลยฎีกาประเด็นไม่ถูกต้อง
โจทก์บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ เป็นจำนวนเท่าใด ผิดนัดเมื่อใด พร้อมกับแนบสำเนา หนังสือกู้เงินมาท้ายฟ้อง จำเลยสามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้ โดยไม่หลงข้อต่อสู้ ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม จำเลยให้การว่า โจทก์จะได้มอบอำนาจให้ อ. หรือไม่นั้นจำเลยไม่อาจทราบได้เพราะเหตุว่าโจทก์ไม่เคยบอก จำเลย มิได้ปฏิเสธว่าหนังสือมอบอำนาจที่โจทก์ยื่นต่อศาล มิใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 การที่จำเลยไม่ทราบ มิใช่เหตุที่จะทำให้ หนังสือมอบอำนาจของโจทก์เสียไป คำให้การของจำเลย ไม่ชัดแจ้งว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้น หรือแต่บางส่วน จึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในเรื่อง อำนาจฟ้อง และกรณีต้องถือว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดีนี้ตามหนังสือมอบอำนาจ จำเลยให้การแต่เพียงว่า โจทก์ไม่ระบุการทวงถามในหนี้ ให้ชัดแจ้งไม่กำหนดเวลาให้แน่นอนเสียก่อนโจทก์นำคดีมาฟ้อง คดีของโจทก์จึงขาดอายุความ จำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่า คดีขาดอายุความเรื่องอะไร เพราะเหตุใด คำให้การของจำเลย ย่อมไม่ก่อให้เกิดประเด็นในคดี คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ในข้อนี้จึงเป็นการนอกประเด็น และถือว่า เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าชดเชยเลิกจ้าง: การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาและลักษณะงานชั่วคราวตามประกาศกระทรวงมหาดไทย
ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน(ฉบับที่ 11) ข้อ 7 กรณีสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนนั้น นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างต่อเมื่อได้ความด้วยว่าเป็นการจ้างเพื่อทำงานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวเป็นการจร เป็นไปตามฤดูกาล หรือเป็นงานตามโครงการ แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ถึงลักษณะงานดังกล่าวไว้ ปัญหาว่าการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยมีกำหนดระยะเวลาแน่นอนหรือไม่ จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอน/ตั้งผู้จัดการมรดกจากพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้กุศล และสิทธิในการนำสืบพยาน
ผู้คัดค้านได้ยื่นบัญชีพยานระบุว่าพินัยกรรมของผู้ตายอยู่ที่ผู้ร้อง และได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ออกคำสั่งเรียกพินัยกรรมดังกล่าวจากผู้ร้อง 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกให้ตามขอวันนัดไต่สวนพยานผู้คัดค้าน ผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า ผู้ร้องไม่เคยมีพินัยกรรมของผู้ตายไว้ในครอบครอง ดังนี้จึงเป็นเรื่องหาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกต้นฉบับพินัยกรรมของผู้ตายจากผู้ร้อง อันเป็นการแสดงเหตุจำเป็นที่ส่งต้นฉบับเอกสารเป็นพยานไม่ได้ไว้ก่อนแล้ว การที่ศาลชั้นต้นรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวจึงเท่ากับศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (2)
คำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอตั้งผู้คัดค้านเป็นแทนนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงประกอบคำร้องขอ ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 มิได้ห้ามการนำสืบหักล้างพยานเอกสารด้วยพยานเอกสาร ผู้คัดค้านมีสิทธินำสืบเกี่ยวกับพินัยกรรมได้แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะระบุว่าไม่มีพินัยกรรม การนำสืบของผู้คัดค้านไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้านว่า ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ พินัยกรรมที่ผู้คัดค้านอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม มิได้โต้เถียงว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ เพราะพยานในพินัยกรรมมิได้ลงลายมือชื่อในขณะทำพินัยกรรม ปัญหาว่าพินัยกรรมของผู้ตายเป็นโมฆะหรือไม่จึงมิใช่ประเด็นข้อพิพาทและมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัย
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของผู้ตายทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์โดยตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์อันถือว่าผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายถูกตัดมิให้รับมรดกของผู้ตายเสียแล้ว ผู้ร้องย่อมไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทน
คำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอตั้งผู้คัดค้านเป็นแทนนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงประกอบคำร้องขอ ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 มิได้ห้ามการนำสืบหักล้างพยานเอกสารด้วยพยานเอกสาร ผู้คัดค้านมีสิทธินำสืบเกี่ยวกับพินัยกรรมได้แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะระบุว่าไม่มีพินัยกรรม การนำสืบของผู้คัดค้านไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้านว่า ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ พินัยกรรมที่ผู้คัดค้านอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม มิได้โต้เถียงว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ เพราะพยานในพินัยกรรมมิได้ลงลายมือชื่อในขณะทำพินัยกรรม ปัญหาว่าพินัยกรรมของผู้ตายเป็นโมฆะหรือไม่จึงมิใช่ประเด็นข้อพิพาทและมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัย
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของผู้ตายทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์โดยตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์อันถือว่าผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายถูกตัดมิให้รับมรดกของผู้ตายเสียแล้ว ผู้ร้องย่อมไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งใหม่ตามพินัยกรรมที่ยกทรัพย์สินให้กุศลสาธารณะ
ผู้คัดค้านได้ยื่นบัญชีพยานระบุว่าพินัยกรรมของผู้ตายอยู่ที่ผู้ร้อง และได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ออกคำสั่งเรียกพินัยกรรมดังกล่าวจากผู้ร้อง 2 ครั้ง ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกให้ตามขอวันนัดไต่สวนพยานผู้คัดค้าน ผู้ร้องยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าผู้ร้องไม่เคยมีพินัยกรรมของผู้ตายไว้ในครอบครอง ดังนี้จึงเป็นเรื่องหาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ เมื่อผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำสั่งเรียกต้นฉบับพินัยกรรมของผู้ตายจากผู้ร้อง อันเป็นการแสดงเหตุจำเป็นที่ส่งต้นฉบับเอกสารเป็นพยานไม่ได้ไว้ก่อนแล้ว การที่ศาลชั้นต้นรับฟังสำเนาเอกสารดังกล่าวจึงเท่ากับศาลชั้นต้นอนุญาตให้นำสำเนาเอกสารหรือพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93(2) คำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกและขอตั้งผู้คัดค้านเป็นแทนนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีพยานเอกสารมาแสดงประกอบคำร้องขอทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 มิได้ห้ามการนำสืบหักล้างพยานเอกสารด้วยพยานเอกสาร ผู้คัดค้านมีสิทธินำสืบเกี่ยวกับพินัยกรรมได้แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะระบุว่าไม่มีพินัยกรรมการนำสืบของผู้คัดค้านไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านคำร้องของผู้คัดค้านว่า ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ พินัยกรรมที่ผู้คัดค้านอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม มิได้โต้เถียงว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ เพราะพยานในพินัยกรรมมิได้ลงลายมือชื่อในขณะทำพินัยกรรม ปัญหาว่าพินัยกรรมของผู้ตายเป็นโมฆะหรือไม่จึงมิใช่ประเด็นข้อพิพาทและมิใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรจะยกขึ้นวินิจฉัย จึงไม่รับวินิจฉัย ผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของผู้ตายทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์โดยตั้งให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่กิจการกุศลสาธารณประโยชน์อันถือว่าผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายถูกตัดมิให้รับมรดกของผู้ตายเสียแล้ว ผู้ร้องย่อมไม่มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย กรณีจึงมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1727 และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายแทน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับฝากทรัพย์ กรณีเพลิงไหม้โกดัง: พิจารณาความระมัดระวังและเหตุสุดวิสัย
โกดังเก็บสินค้าของจำเลยที่เก็บรักษาทรัพย์สินที่รับฝาก มีผนังเป็นคอนกรีต หลังคาโครงเหล็กมุงสังกะสี สถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินที่รับฝากในลักษณะอย่างนี้มีสภาพเหมาะสมกับการเก็บรักษาสินค้าที่รับฝากโดยมีบำเหน็จแล้ว ส่วนการดูแลรักษาทรัพย์สินที่รับฝากนั้นจำเลยมีเครื่องดับเพลิงที่ใช้น้ำยาเคมี ขนาดสูง 2 ฟุต ประมาณ10 เครื่อง แม้จำเลยมิได้จัดให้มีสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ก็ตามแต่จำเลยก็มีพนักงานเฝ้าดูแลโกดังทั้งกลางวันกลางคืน เช่นนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเพื่อสงวนทรัพย์สินนั้นเหมือนเช่นวิญญูชนจะพึงประพฤติโดยพฤติการณ์ดั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสอง แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทำกิจการรับฝากสินค้าจากบริษัทต่าง ๆหลายแห่ง และทำมานานสิบกว่าปีแล้ว จำเลยจึงเป็นผู้รับฝากที่เป็นผู้มีวิชาชีพเฉพาะกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใดจึงต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรต้องใช้ในกิจการเฉพาะกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้นตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสาม นั้นข้อเท็จจริงดังกล่าวโจทก์มิได้กล่าวมาในฟ้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1369/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามวินิจฉัย: โต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐาน & เหตุอายุความต่างจากที่กล่าวอ้างในศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า สภาพการเป็นข้าราชการของจำเลยสิ้นสุดลงโดยจำเลยลาออกจากราชการ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ลาออกจากราชการ แต่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้จำเลยออกจากราชการ และอ้างพยานหลักฐานต่าง ๆ ขอให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้างเป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เหตุที่จำเลยยกขึ้นอ้างตามฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้นต่างไปจากที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ และอ้างวันเริ่มเกิดสิทธิเรียกร้องอันเป็นวันเริ่มนับอายุความต่างกัน ข้ออ้างตามฎีกาของจำเลยจึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1347/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรับผิดทางละเมิดและการแบ่งความรับผิดระหว่างคู่กรณี รวมถึงข้อจำกัดในการฎีกาประเด็นใหม่
จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าขณะเกิดเหตุ ป. เป็นคนขับรถของโจทก์มิใช่ ว. แต่จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีว่า รถชนเกิดจากความประมาทของฝ่ายโจทก์ ไม่ได้ให้การต่อสู้คดีในเรื่องผู้ใดเป็นคนขับรถของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นข้อนี้คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ จึงเป็นการนอกประเด็นและถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จำเลยที่ 2 เป็นฝ่ายละเมิด ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์สองในสามของค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับ เนื่องจากฝ่ายโจทก์มีส่วนประมาทอยู่ด้วย จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจะต้องนำค่าเสียหายของจำเลยที่ 2 มารวมคิดคำนวณด้วยนั้น จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฟ้องแย้ง จึงไม่อาจนำมาคิดคำนวณให้ได้ การกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนอีกฝ่ายหนึ่งและจำนวนเท่าใด เป็นดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1310/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำที่ดิน: จำเลยฎีกาประเด็นสุจริต แต่ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเพราะไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้น
จำเลยให้การว่ามิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์มิได้ให้การถึงประเด็นว่าจำเลยสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยสุจริต ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันตัวและผลบังคับใช้ แม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้หากจำเลยผิดสัญญา
โจทก์ทำสัญญากับจำเลยให้โจทก์ประกันตัว ส.ซึ่งถูกดำเนินคดีอาญาต่อศาล โดยจำเลยมีหน้าที่นำส่งตัว ส.ต่อศาลตามนัด หากผิดสัญญาไม่นำตัว ส.ส่งศาลจำเลยยินยอมชดใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวนหนึ่งสัญญาดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ไม่ขัดต่อกฎหมายความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เพราะสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องบังคับจำเลยมิได้ปิดอากรแสตมป์นั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาได้ สัญญาที่จำเลยตกลงกับโจทก์ว่าจะนำตัว ส.ซึ่งโจทก์เป็นผู้ประกันตัวมาพบเจ้าพนักงานตามกำหนดนัดทุกครั้ง ไม่ใช่สัญญาค้ำประกัน เพราะจำเลยเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องกระทำการตามสัญญาดังกล่าว จึงไม่ใช่ตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์ เมื่อจำเลยผิดสัญญาจนศาลสั่งปรับโจทก์และมีการบังคับคดียึดทรัพย์โจทก์แล้วแม้จะยังไม่มีการนำทรัพย์ที่ยึดออกขายทอดตลาด โจทก์ก็มีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาเป็นกรณีที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิทางศาลโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง