คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3526/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่ต้องยื่นภายใน 15 วันนับจากวันที่ส่งคำบังคับ หรือภายใน 6 เดือนหากมีเหตุสุดวิสัย
คำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล จำเลยยื่นคำขอเมื่อล่วงเลยระยะเวลา15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ส่วนกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ท่อนท้ายนั้นจะนำมาใช้บังคับต่อเมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันเป็นผลให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือภายในระยะเวลาตามกำหนดของศาลตามคำขอของจำเลยไม่ปรากฏว่า อ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไว้ จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์เทียมต้องเทียบกับของแท้รุ่นเดียวกัน การอุทธรณ์ต้องยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์ซึ่งเป็นของเทียม โดยวิธีลดราคาลงจากราคาของแท้ของรถรุ่น เดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่นร้อยละสามสิบเจ็ดตามคำสั่งกองประเมินอากร ที่ 14/2520 นั้นจะต้องเป็นอะไหล่ของรถรุ่น เดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่นเมื่อไม่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นอะไหล่ของรถรุ่น เดียวกับอะไหล่แท้ที่จำเลยนำมาเปรียบเทียบเพื่อประเมินราคาสินค้า ทั้งไม่ได้ความว่าสินค้าพิพาทใช้กับรถยนต์อะไรราคาสินค้าพิพาทที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า ซึ่งตรงกับเลตเตอร์ออฟเครดิต บัญชีราคาสินค้าและหลักฐานการชำระเงิน จึงเป็นราคาแท้จริงในท้องตลาด ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลและมีสิทธิเรียกคืนหรือไม่ เนื่องจากโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นสาระแก่คดีอันควรวินิจฉัย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ การโต้แย้งการประเมินต่ออธิบดีกรมศุลกากร ไม่ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์เทียมโดยลดจากราคาของแท้ การประเมินต้องเป็นอะไหล่รถรุ่นเดียวกัน และการอุทธรณ์การประเมินภาษี
การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์ซึ่งเป็นของเทียม โดยวิธีลดราคาลงจากราคาของแท้ของรถรุ่นเดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่นร้อยละสามสิบเจ็ดตามคำสั่งกองประเมินอากรที่ 14/2520 นั้น จะต้องเป็นอะไหล่ของรถรุ่นเดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่น เมื่อไม่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นอะไหล่ของรถรุ่นเดียวกับอะไหล่แท้ที่จำเลยนำมาเปรียบเทียบเพื่อประเมินราคาสินค้า ทั้งไม่ได้ความว่าสินค้าพิพาทใช้กับรถยนต์อะไร ราคาสินค้าพิพาทที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า ซึ่งตรงกับเลตเตอร์ออฟเครดิต บัญชีราคาสินค้าและหลักฐานการชำระเงิน จึงเป็นราคาแท้จริงในท้องตลาด
ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลและมีสิทธิเรียกคืนหรือไม่ เนื่องจากโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นสาระแก่คดีอันควรวินิจฉัย จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
การโต้แย้งการประเมินต่ออธิบดีกรมศุลกากร ไม่ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3273/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์เทียบกับของแท้ต้องเป็นรุ่นเดียวกัน การอุทธรณ์ภาษีต้องยื่นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์
การประเมินราคาอะไหล่รถยนต์ซึ่งเป็นของเทียม โดยวิธีลดราคาลงจากราคาของแท้ของรถรุ่นเดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่นร้อยละสามสิบเจ็ด ตามคำสั่งกองประเมินอากร ที่ 14/2520 นั้น จะต้องเป็นอะไหล่ของรถรุ่นเดียวกันที่มีเมืองกำเนิดญี่ปุ่น เมื่อไม่ปรากฏว่าสินค้าพิพาทที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นอะไหล่ของรถรุ่นเดียวกับอะไหล่แท้ที่จำเลยนำมาเปรียบเทียบเพื่อประเมินราคาสินค้า ทั้งไม่ได้ความว่าสินค้าพิพาทใช้กับรถยนต์อะไร ราคาสินค้าพิพาทที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้า ซึ่งตรงกับเลตเตอร์ออฟเครดิต บัญชีราคาสินค้าและหลักฐานการชำระเงิน จึงเป็นราคาแท้จริงในท้องตลาด ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลและมีสิทธิเรียกคืนหรือไม่ เนื่องจากโจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีดังกล่าวต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากรนั้น แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเป็นสาระแก่คดีอันควรวินิจฉัยจำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ การโต้แย้งการประเมินต่ออธิบดีกรมศุลกากร ไม่ถือว่าเป็นการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในคดีเช็ค และการเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง กรณีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ก็ไม่เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์โดยชอบศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย บริษัท ส. ผู้รับเช็คพิพาทจากจำเลยเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากโจทก์ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริษัท แม้บริษัทดังกล่าวได้รับความเสียหาย ก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์จะเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2884/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนการขายทอดตลาดหลังศาลอนุญาตแล้ว และการที่ศาลไม่ไต่สวนราคาประมูลที่ไม่สมเหตุสมผล
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดออกไป เพื่อที่จำเลยจะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์นั้น มิใช่กรณีที่จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยขอเลื่อนการขายทอดตลาด ภายหลังศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาต
ปัญหาว่า มีผู้ประมูลซื้อเพียงรายเดียวและซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2884/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนการขายทอดตลาดหลังศาลอนุญาตแล้ว และการที่ศาลไม่ต้องไต่สวนหากเหตุขอเลื่อนมิใช่การกระทำผิดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดออกไป เพื่อที่จำเลยจะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์นั้น มิใช่กรณีที่จำเลยอ้างว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยขอเลื่อนการขายทอดตลาด ภายหลังศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาต ปัญหาว่า มีผู้ประมูลซื้อเพียงรายเดียวและซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2884/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนการขายทอดตลาดและการยกข้ออ้างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเลื่อนการขายทอดตลาดออกไปเพื่อที่จำเลยจะได้หาเงินมาชำระให้แก่โจทก์นั้น มิใช่กรณีที่จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ถูกยึดโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างใด จึงนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสองมาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมาตราดังกล่าวเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ดังนั้น เมื่อจำเลยขอเลื่อนการขายทอดตลาด ภายหลังศาลชั้นต้นได้สั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์ที่ยึดไว้นั้นแล้วจึงไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาต ปัญหาว่า มีผู้ประมูลซื้อเพียงรายเดียวและซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนนั้น เมื่อมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นมาว่ากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องผู้เช่าซื้อ, ข้อต่อสู้ที่มิได้ยกขึ้นในชั้นต้น, การห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้.
จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุน ให้การว่า หากจะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้วก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาทของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมด มิได้ให้การถึงว่าได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้ว ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของตนต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2583/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด และข้อจำกัดความรับผิดของบริษัทประกันภัย การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ชนเสียหายและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะที่ถูกชน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์ของจำเลยที่ 1 ให้การว่าหากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2ได้จ่ายค่าทำรั้วที่เสียหายไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2จะแถลงรับข้อเท็จจริงต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วไปแล้วก็เป็นเรื่องนอกประเด็น จำเลยที่ 2 จะฎีกาว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาท ไม่ได้ เป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
of 294