คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2130/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษ การผิดสัญญาชำระภาษี และสิทธิบอกเลิกสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาเช่า ขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่าเจ้าของที่ดินให้จำเลยปลูกสร้างตึกแถวและหาผู้เช่ามีกำหนดสัญญาเช่า15 ปี จำเลยลงทุนก่อสร้างตึกแถว 12 ห้อง ได้ผู้เช่าบ้างและจำเลยเช่าเองบ้าง จำเลยมีสิทธิการเช่าตามสัญญา และจำเลยยอมรับเสียภาษีโรงเรือนแทนเจ้าของตึกแถวบางครั้ง 2-3 ปีชำระ บางครั้ง 4-5 ปีชำระ ทุกครั้งจำเลยชำระตามที่ทางการเรียกเก็บ เจ้าของตึกและโจทก์ทราบถึงการชำระภาษีโดยไม่คัดค้าน จนเป็นที่ยอมรับตามที่จำเลยปฏิบัติตลอดมา การที่จำเลยฎีกาว่าสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา จำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวต่อไปจนครบ 15 ปีตามสัญญาเช่า และข้อสัญญาที่ว่าถ้าผู้เช่าไม่ยอมเสียภาษีที่ทางราชการเรียกเก็บผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาได้ โจทก์ไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญของสัญญาตลอดมานั้น พอถือได้ว่าเป็นข้อที่จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว
แม้สัญญาเช่าจะเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา แต่มีข้อสัญญาระบุว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาข้อใด ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที เมื่อจำเลยผู้เช่าผิดสัญญา โจทก์ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นการผิดสัญญา และโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือไม่ เป็นการตีความข้อตกลงแห่งสัญญาเช่า เป็นปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2062/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ฎีกาในคดีขับไล่ผู้เช่าและเรียกค่าเสียหาย: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์ค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท และเรียกค่าเสียหายเดือนละ 50,000 บาทนับแต่วันฟ้องอันเป็นค่าเสียหายในอนาคต จำเลยรับว่าได้ทำสัญญาเช่าตามฟ้อง แต่โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 10 ปีด้วยวาจาต่างหากจากสัญญาเช่าอันเป็นสัญญาต่างตอบแทน ส่วนค่าเสียหายก็ไม่เท่าที่ฟ้อง ดังนี้ จำเลย มิได้ต่อสู้คดีกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ หรือไม่ได้ยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คดีเป็นอันยุติไปตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาไม่ชอบด้วย มาตรา 249 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906-1907/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท: ศาลพิจารณาจากเอกสารราชการและพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
ประเด็นพิพาทมีว่า บ้านพิพาทเป็นของโจทก์หรือจำเลยเป็นเรื่องใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ข้อแก้ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาทซึ่งบ้านพิพาทปลูกอยู่ จึงตกไปเพราะถ้าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิจะอยู่ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1808/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกา: จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิฎีกาในความรับผิดของจำเลยที่ 3 เนื่องจากเป็นคู่ความร่วมกัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์ในวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 ไม่ส่งต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัย ไม่ชอบที่จะรับฟังสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐาน ขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดต่อโจทก์เต็มจำนวนด้วยนั้น จำเลยที่ 2 มิได้อยู่ในฐานะเป็นคู่ความคนละฝ่ายกับจำเลยที่ 3. จึงไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 3 และปัญหานี้โจทก์มิได้ฎีกา การที่โจทก์ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในคำแก้ฎีกาไม่เป็นประเด็นในชั้นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดสินนอกฟ้อง: ศาลฎีกาตัดสินว่าการวินิจฉัยประเด็นนอกคำฟ้องของศาลชั้นต้นและอุทธรณ์เป็นการผิดพลาด
คำฟ้องของโจทก์แสดงซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์ ไม่มีข้อหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำแทนจำเลยที่ 2 และเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 อันจะพอถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เชิดจำเลยที่ 1 หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์ แม้ศาลล่างทั้งสองรับวินิจฉัยและตัดสินในปัญหานี้มา ก็เป็นการตัดสินนอกคำฟ้องและนอกข้อหาของโจทก์อันเป็นการต้องห้ามตาม มาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่าในการซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์จำเลยที่ 2 ได้เชิดจำเลยที่ 1หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ จึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้องและนอกข้อหาของโจทก์ศาลฎีการับฟัง เช่นนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1805/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องนอกคำฟ้อง: ศาลตัดสินเกินขอบเขตคำฟ้องเดิม
คำฟ้องของโจทก์แสดงซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์ ไม่มีข้อหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำแทนจำเลยที่ 2 และเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 อันจะพอถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้เชิดจำเลยที่ 1 หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ในการซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์ แม้ศาลล่างทั้งสองรับวินิจฉัยและตัดสินในปัญหานี้มา ก็เป็นการตัดสินนอกคำฟ้องและนอกข้อหาของโจทก์อันเป็นการต้องห้ามตาม มาตรา 142 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่โจทก์ฎีกาว่าในการซื้อเชื่อสินค้าของโจทก์จำเลยที่ 2 ได้เชิดจำเลยที่ 1 หรือยอมให้จำเลยที่ 1 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ จึงเป็นเรื่องนอกคำฟ้องและนอกข้อหาของโจทก์ ศาลฎีการับฟัง เช่นนั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ของหมั้นหลังจดทะเบียนสมรส: ประเด็นนอกคำให้การและอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัย
โจทก์มิได้ให้การว่าได้มอบของหมั้นตามฟ้องแย้งให้กับจำเลยในภายหลังวันที่จดทะเบียนสมรสกันจึงไม่เป็นของหมั้นตามกฎหมาย ชั้นอุทธรณ์ก็มิได้ตั้งประเด็นข้อนี้ในอุทธรณ์ของโจทก์ ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้จึงเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำให้การแก้ฟ้องแย้งโจทก์ และไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อผูกพันตามหนังสือให้คำมั่นซื้อขายที่ดิน: กำหนดระยะเวลาและผลของการไม่ปฏิบัติตาม
หนังสือให้คำมั่นของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยระบุไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยต้องยื่นคำเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนภายในกำหนดเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2515 การที่จำเลยเพิ่งเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2522. จึงล่วงเลยกำหนดระยะเวลาตามคำมั่นเสียแล้ว คำเสนอขอซื้อของจำเลยจึงไร้ผล
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอื่นมีคำสั่งห้ามโอนที่พิพาทเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น มิได้เป็นข้อห้ามหรือขัดข้องแก่การที่จำเลยจะยื่นคำเสนอขอซื้อที่พิพาทคืน เพราะการเสนอขอซื้อเป็นคนละขั้นตอนกับการจำหน่ายจ่ายโอน คำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวจึงไม่มีผลให้ระยะเวลาตามคำมั่นต้องสะดุดหยุดลง
ข้อฎีกาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1634/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือให้คำมั่นซื้อคืนที่ดิน: กำหนดเวลาเป็นสาระสำคัญ แม้มีคำสั่งห้ามโอนชั่วคราวก็ไม่สะดุด
หนังสือให้คำมั่นของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยระบุไว้โดยชัดแจ้งแล้วว่า จำเลยต้องยื่นคำเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนภายในกำหนดเวลา 2 ปีนับแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2515 การที่จำเลยเพิ่งเสนอว่าจะซื้อที่พิพาทคืนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2522. จึงล่วงเลยกำหนดระยะเวลาตามคำมั่นเสียแล้ว คำเสนอขอซื้อของจำเลยจึงไร้ผล
การที่ศาลชั้นต้นในคดีอื่นมีคำสั่งห้ามโอนที่พิพาทเป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น มิได้เป็นข้อห้ามหรือขัดข้องแก่การที่จำเลยจะยื่นคำเสนอขอซื้อที่พิพาทคืน เพราะการเสนอขอซื้อเป็นคนละขั้นตอนกับการจำหน่ายจ่ายโอน คำสั่งห้ามชั่วคราวดังกล่าวจึงไม่มีผลให้ระยะเวลาตามคำมั่นต้องสะดุดหยุดลง
ข้อฎีกาที่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1575/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องฟ้องเคลือบคลุม ประเด็นนอกฟ้อง และประเด็นยุติ
ปัญหาเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยจะยกขึ้นฎีกาหาได้ไม่
โจทก์จำเลยนำชี้ที่พิพาทและต่างก็รับรองแผนที่พิพาทว่าถูกต้อง เมื่อศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นที่ดินนอกฟ้อง ดังนี้ที่ดินที่โจทก์หาว่าจำเลยทั้งสองบุกรุกก็คือที่พิพาทตามที่ปรากฏในแผนที่พิพาท มิใช่พิพาทในที่แปลงอื่น จึงไม่ใช่เรื่องนอกฟ้องนอกประเด็น
ครั้งแรกศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ไม่ฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าโจทก์ไม่ขาดสิทธิฟ้องร้องยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิพากษาตามประเด็นที่กำหนดไว้ จำเลยไม่ฎีกา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ก็มิได้พิพากษาในประเด็นข้อนี้ประเด็นเรื่องอายุความเอาคืนซึ่งการครอบครองจึงยุติ จำเลยจะยกขึ้นฎีกาอีกไม่ได้
of 294