คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2339/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทต้องกำหนดในชั้นชี้สองสถาน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นนอกเหนือจากที่กำหนด
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าโจทก์ได้ทำสัญญาประนอมหนี้โดยยอมยกเลิกหนี้เดิมให้จำเลย คงเหลือเพียงจำนวนน้อยกว่าเดิม. และจำเลยได้ชำระให้โจทก์แล้วในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจะต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เมื่อโจทก์มิได้แถลงให้ศาลจดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ถูกเจ้าหน้าที่ก.ต.ป.บังคับขู่เข็ญให้จำต้องทำสัญญาประนอมหนี้ดังกล่าวคดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้ แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2339/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นข้อพิพาทต้องชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นชี้สองสถาน แม้ศาลชั้นต้น/อุทธรณ์วินิจฉัย
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ จำเลยให้การว่าโจทก์ได้ทำสัญญาประนอมหนี้โดยยอมยกเลิกหนี้เดิมให้จำเลย คงเหลือเพียงจำนวนน้อยกว่าเดิม. และจำเลยได้ชำระให้โจทก์แล้วในการชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจะต้องรับผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เมื่อโจทก์มิได้แถลงให้ศาลจดเป็นประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์ถูกเจ้าหน้าที่ก.ต.ป. บังคับขู่เข็ญให้จำต้องทำสัญญาประนอมหนี้ดังกล่าวคดีจึงไม่มีประเด็นในเรื่องนี้ แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยก็เป็นการนอกประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย คดีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ตามที่จำเลยอุทธรณ์ จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกมิได้ เพราะไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัย และการไม่อุทธรณ์ประเด็นข้อเท็จจริงในชั้นอุทธรณ์
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงให้ตามที่จำเลยอุทธรณ์ จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกมิได้ เพราะไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้ละเมิด: ศาลยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะต้องวินิจฉัยให้อย่างเดียวกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 อยู่แล้วว่ามูลหนี้ละเมิดระงับหรือไม่ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของโจทก์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
บันทึกที่สถานีตำรวจมีข้อตกลงว่า ฝ่ายจำเลยที่ 2 ยอมใช้ค่าเสียหายตามที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องทั้งสิ้นเป็นเงิน35,268.60 บาท คู่กรณีไม่ติดใจที่จะฟ้องร้องกันในทางแพ่ง อาญา ถ้าหากผิดสัญญาคู่กรณีจะฟ้องกันเองในทางแพ่ง ข้อตกลงนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ แล้วจำเลยที่ 2 และผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จึงมีผลให้มูลหนี้ละเมิดระงับสิ้นไป โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองตามมูลหนี้ละเมิดอีกไม่ได้ชอบที่จะฟ้องจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2009/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน จำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาและริบมัดจำ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากจำเลยโดยกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินไว้ว่า โจทก์จะต้องชำระราคาซื้อขายทั้งหมดให้แก่จำเลยในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ก่อนถึงวันนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ทนายจำเลยมีหนังสือถึงทนายโจทก์ยืนยันเงื่อนไขดังกล่าว มิฉะนั้นจำเลยขอบอกเลิกสัญญา อันเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ชำระหนี้ไว้แล้ว เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสัญญาในวันนัดจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยยืนยันจะชำระราคาซื้อขายเป็นสองงวด ย่อมถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิเลิกสัญญาและริบมัดจำเสียได้
เมื่อจำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วโดยชอบ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินรายพิพาทพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างแก่โจทก์ และย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
จำเลยจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาก่อนวันที่โจทก์ผิดสัญญาไม่ได้และเมื่อจำเลยใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกให้โจทก์ชำระค่าที่ดินเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาอีก ดอกเบี้ยจึงไม่ใช่ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกา และข้อจำกัดการวินิจฉัยประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น
จำเลยยกข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การเพียงว่าหนังสือสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นหนังสือสัญญาระงับข้อพิพาทคดีอาญาเป็นโมฆะไม่ได้ต่อสู้ว่าคดีที่โจทก์ถอนคำร้องทุกข์เป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ในชั้นฎีกาจำเลยจะฎีกาว่าความผิดคดีอาญาดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้หาได้ไม่ เพราะเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1649/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินโดยปราศจากข้อตกลงพิเศษ และสิทธิในการขับไล่เมื่อกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ
จำเลยให้การรับว่าโอนทรัพย์พิพาทยกให้โจทก์ แต่มิได้ต่อสู้ว่าการแสดงเจตนาของจำเลยมิใช่เจตนาอันแท้จริงนิติกรรมย่อมสมบูรณ์ใช้บังคับได้ เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์พิพาทคืนจากโจทก์ คดีจึงไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์เพื่อตีใช้หนี้หรือให้โดยเสน่หา เพราะถึงแม้จะวินิจฉัยเป็นประการใด กรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทก็ไม่มีทางกลับคืนมาเป็นของจำเลยได้
ตามหนังสือสัญญาให้ที่ดินพิพาทไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงว่าโจทก์จะต้องโอนทรัพย์พิพาทบางส่วนให้แก่บุตรจำเลยเมื่อเติบโตพอสมควร และโจทก์จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรจำเลยด้วยดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างใด ในกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดงเช่นนี้ จำเลยจะนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นหาได้ไม่ เพราะต้องห้ามมิให้ศาลรับฟังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คดีนี้พิพาทกันระหว่างโจทก์จำเลยซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยเฉพาะ เมื่อทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้ หากบุตรของจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมีสิทธิเรียกให้โจทก์ชำระหนี้ประการใด ก็ชอบที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวเป็นคดีต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องทายาทนอกกฎหมาย: การฟ้องเพื่อยืนยันสถานะทายาทโดยไม่มีข้อโต้แย้งกระทบสิทธิ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายซึ่งเป็นบิดา โดยเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย แต่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิรับมรดก เพราะโจทก์มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย และขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตาย เช่นนี้คำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอเกี่ยวกับสิทธิในมรดก มิได้แสดงให้ปรากฏว่าโจทก์ได้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือการกระทำของจำเลยมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์อย่างใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีมรดก: การขาดข้อโต้แย้งสิทธิและผลกระทบต่อสิทธิของโจทก์
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายซึ่งเป็นบิดา โดยเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว โจทก์มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย แต่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่มีสิทธิรับมรดก เพราะโจทก์มิใช่บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายและขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายเช่นนี้คำฟ้องของโจทก์มิได้มีคำขอเกี่ยวกับสิทธิในมรดกมิได้แสดงให้ปรากฏว่าโจทก์ได้ถูกโต้แย้งสิทธิหรือการกระทำของจำเลยมีผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิของโจทก์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องและอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นกล่าวในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้
of 294