พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเรื่องฟ้องเคลือบคลุม เหตุข้ออ้างในฎีกาต่างจากชั้นอุทธรณ์
จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยเอกสารโอนสิทธิเรียกร้องตามฟ้องมิใช่เอกสารที่แท้จริง เป็นการยกเหตุแห่งการเคลือบคลุมคนละเหตุกับที่จำเลยยกขึ้นว่ามาในชั้นอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์จำเลยอ้างว่าฟ้องเคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายว่าจำเลยชำระหนี้มาแล้วกี่ครั้งจึงเหลือหนี้เงินกู้ 40,000 บาท จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ดังนี้ เหตุแห่งการเคลือบคลุมที่จำเลยอ้างมาในฎีกา จึงมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องปล่อยตัวระงับเมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้ว แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษากลับ
สิทธิของผู้ร้องในการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยตัวจากการควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 นั้น จะมีอยู่เพียงชั่วระยะเวลาที่ผู้ร้องถูกควบคุมหรือขังอยู่เท่านั้นถ้าผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้วสิทธิในการขอให้ศาลสั่งปล่อยตามบทกฎหมายดังกล่าวย่อมระงับ ดังนั้นเมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องและผู้ร้องอุทธรณ์แต่ปรากฏว่าผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้วก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ สิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยจึงเป็นอันระงับไปแล้วก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1853/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 392/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอปล่อยตัวจากการควบคุมโดยผิดกฎหมายระงับเมื่อผู้ถูกควบคุมได้รับการปล่อยตัวแล้ว
สิทธิของผู้ร้องในการยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยตัวจากการควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 นั้น จะมีอยู่เพียงชั่วระยะเวลาที่ผู้ร้องถูกควบคุมหรือขังอยู่เท่านั้น ถ้าผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้วสิทธิในการขอให้ศาลสั่งปล่อยตามบทกฎหมายดังกล่าวย่อมระงับ ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งยกคำขอของผู้ร้องและผู้ร้องอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่าผู้ร้องได้รับการปล่อยตัวไปแล้วก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ สิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้ศาลปล่อยจึงเป็นอันระงับไปแล้วก่อนที่ผู้ร้องจะยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1853/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 323/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาของศาลชั้นต้น. โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฎีกาให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้คู่ความผู้ยื่นฎีกา
เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฎีกาให้คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดให้คู่ความผู้ยื่นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายแปลงหนี้ได้ แม้ราคาทรัพย์สินสูงกว่าหนี้เดิม หากราคาสัญญาเป็นราคาที่สมเหตุสมผล
จำเลยมิได้กล่าวในคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ว่า สัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นเอกสารปลอม และศาลอุทธรณ์ก็มิได้ยกประเด็นที่ว่าสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ขึ้นวินิจฉัย ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในประเด็นดังกล่าว เพราะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
จำเลยกู้เงินโจทก์ 5,000 บาท ต่อมาจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินกู้ โดยทำเป็นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท เป็นการแปลงหนี้ใหม่มาจากหนี้เงินกู้ยืมและในสัญญาจะซื้อขายได้กำหนดราคาที่พิพาทไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาท ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่พิพาทมีราคา 10,000 บาท สูงกว่าหนี้เงินกู้นั้น ก็เป็นราคาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเอาไว้สำหรับให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นเท่านั้น หาใช่ราคาท้องตลาดแห่งที่พิพาทในเวลาที่ทำสัญญากันไม่ เมื่อตามข้อสัญญาได้มีการกำหนดราคาที่พิพาทลงไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาท และไม่ปรากฏว่าเป็นราคาผิดกับราคาท้องตลาดในขณะนั้น สัญญาจะซื้อขายที่พิพาทจึงมีผลใช้บังคับได้ หาเป็นโมฆะเพราะขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ไม่
จำเลยกู้เงินโจทก์ 5,000 บาท ต่อมาจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินกู้ โดยทำเป็นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาท เป็นการแปลงหนี้ใหม่มาจากหนี้เงินกู้ยืมและในสัญญาจะซื้อขายได้กำหนดราคาที่พิพาทไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาท ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่พิพาทมีราคา 10,000 บาท สูงกว่าหนี้เงินกู้นั้น ก็เป็นราคาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเอาไว้สำหรับให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นเท่านั้น หาใช่ราคาท้องตลาดแห่งที่พิพาทในเวลาที่ทำสัญญากันไม่ เมื่อตามข้อสัญญาได้มีการกำหนดราคาที่พิพาทลงไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาท และไม่ปรากฏว่าเป็นราคาผิดกับราคาท้องตลาดในขณะนั้น สัญญาจะซื้อขายที่พิพาทจึงมีผลใช้บังคับได้ หาเป็นโมฆะเพราะขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายแปลงหนี้จากเงินกู้ยืมมีผลใช้บังคับได้ หากราคาที่ตกลงไม่ขัดกับราคาท้องตลาด
จำเลยมิได้กล่าวในคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ว่าสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นเอกสารปลอมและศาลอุทธรณ์ก็มิได้ยกประเด็นที่ว่าสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ขึ้นวินิจฉัยศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในประเด็นดังกล่าวเพราะมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
จำเลยกู้เงินโจทก์ 5,000 บาท ต่อมาจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินกู้โดยทำเป็นหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นการแปลงหนี้ใหม่มาจากหนี้เงินกู้ยืมและในสัญญาจะซื้อขายได้กำหนดราคาที่พิพาทไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาทที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่พิพาทมีราคา 10,000 บาทสูงกว่าหนี้เงินกู้นั้นก็เป็นราคาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเอาไว้สำหรับให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นเท่านั้นหาใช่ราคาท้องตลาดแห่งที่พิพาทในเวลาที่ทำสัญญากันไม่เมื่อตามข้อสัญญาได้มีการกำหนดราคาที่พิพาทลงไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาทและไม่ปรากฏว่าเป็นราคาผิดกับราคาท้องตลาดในขณะนั้นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทจึงมีผลใช้บังคับได้หาเป็นโมฆะเพราะขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ไม่
จำเลยกู้เงินโจทก์ 5,000 บาท ต่อมาจำเลยตกลงโอนที่พิพาทให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้เงินกู้โดยทำเป็นหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทเป็นการแปลงหนี้ใหม่มาจากหนี้เงินกู้ยืมและในสัญญาจะซื้อขายได้กำหนดราคาที่พิพาทไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาทที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่พิพาทมีราคา 10,000 บาทสูงกว่าหนี้เงินกู้นั้นก็เป็นราคาที่ศาลชั้นต้นกำหนดเอาไว้สำหรับให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขึ้นเท่านั้นหาใช่ราคาท้องตลาดแห่งที่พิพาทในเวลาที่ทำสัญญากันไม่เมื่อตามข้อสัญญาได้มีการกำหนดราคาที่พิพาทลงไว้แน่นอนว่าเป็นราคา 5,000 บาทและไม่ปรากฏว่าเป็นราคาผิดกับราคาท้องตลาดในขณะนั้นสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทจึงมีผลใช้บังคับได้หาเป็นโมฆะเพราะขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในสัญญาเช่าซื้อ กรณีรถหาย โดยไม่มีความประมาทเลินเล่อ และข้อจำกัดการฟ้องเรียกค่าเสียหาย
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ได้จอดรถยนต์ที่เช่าซื้อไว้ที่ถนน แล้วถูกคนร้ายลักไปเมื่อถนนดังกล่าวเป็นที่จอดรถได้และมีรถยนต์คันอื่นจอดอยู่หลายคันดังนี้จะเรียกว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ได้เมื่อรถดังกล่าวถูกขโมยลักไปสัญญาเช่าซื้อย่อมระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ประกอบด้วยมาตรา 567 จำเลยไม่ต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อหรือค่าเสียหายตั้งแต่งวดที่รถหายเป็นต้นไป
โจทก์ฎีกาในข้อที่มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือนำสืบให้ปรากฏนั้น ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดไม่ได้
โจทก์ฎีกาในข้อที่มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือนำสืบให้ปรากฏนั้น ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อระงับเมื่อรถหายโดยมิใช่ความประมาทของผู้เช่าซื้อ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิด
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ได้จอดรถยนต์ที่เช่าซื้อไว้ที่ถนน แล้วถูกคนร้ายลักไป เมื่อถนนดังกล่าวเป็นที่จอดรถได้ และมีรถยนต์คันอื่นจอดอยู่หลายคัน ดังนี้จะเรียกว่าจำเลยประมาทเลินเล่อไม่ได้ เมื่อรถดังกล่าวถูกขโมยลักไป สัญญาเช่าซื้อย่อมระงับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ประกอบด้วยมาตรา 567 จำเลยไม่ต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อหรือค่าเสียหายตั้งแต่งวดที่รถหายเป็นต้นไป
โจทก์ฎีกาในข้อที่มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือนำสืบให้ปรากฏนั้น ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดไม่ได้
โจทก์ฎีกาในข้อที่มิได้บรรยายมาในฟ้องหรือนำสืบให้ปรากฏนั้น ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชดเชยค่าเช่าที่ดิน แม้ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ก็ใช้บังคับได้หากมีเจตนาชัดเจน
ข้อเท็จจริงที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดถึงที่สุดแล้วในคดีก่อนซึ่งโจทก์จำเลยเป็นความกันนั้น ย่อมรับฟังยันโจทก์จำเลยในคดีหลังได้แม้ประเด็นทั้งสองคดีจะต่างกัน
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือข้อตกลงยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชยในการที่โจทก์ไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่าเต็มทั้งแปลงตามกำหนดเวลาที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ข้อตกลงเช่นนี้มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ แม้ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นไม่มีพยานรับรองไว้สองคนศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
การฟ้องบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้อายุความ 10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เป็นประเด็นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้
จำเลยลงลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือข้อตกลงยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชยในการที่โจทก์ไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่าเต็มทั้งแปลงตามกำหนดเวลาที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ข้อตกลงเช่นนี้มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ แม้ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นไม่มีพยานรับรองไว้สองคนศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
การฟ้องบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้อายุความ 10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เป็นประเด็นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงชดเชยค่าเช่าที่ดิน แม้ไม่มีพยานรับรอง ก็ใช้บังคับได้ และอายุความ 10 ปี
ข้อเท็จจริงที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดถึงที่สุดแล้วในคดีก่อนซึ่งโจทก์จำเลยเป็นความกันนั้น ย่อมรับฟังยันโจทก์จำเลยในคดีหลังได้ แม้ประเด็นทั้งสองคดีจะต่างกัน
จำเลยลงลายพิพม์นิ้วมือในหนังสือข้อตกลงยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชยในการที่โจทก์ไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่าเต็มทั้งแปลงตามกำหนดเวลาที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ข้อตกลงเช่นนี้มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ แม้ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นไม่มีพยานรับรองไว้สองคน ศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
การฟ้องบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เป็นประเด็นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้
จำเลยลงลายพิพม์นิ้วมือในหนังสือข้อตกลงยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นการชดเชยในการที่โจทก์ไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินที่เช่าเต็มทั้งแปลงตามกำหนดเวลาที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว ข้อตกลงเช่นนี้มีลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนชนิดหนึ่งซึ่งกฎหมายมิได้บังคับให้ทำเป็นหนังสือ แม้ลายพิมพ์นิ้วมือนั้นไม่มีพยานรับรองไว้สองคน ศาลก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
การฟ้องบังคับตามข้อตกลงดังกล่าวอยู่ภายใต้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เป็นประเด็นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นจะยกขึ้นฎีกาไม่ได้