พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล & การฟ้องขับไล่จากละเมิด: จำเลยไม่ยกปัญหาฟ้องผิดศาลในชั้นต้น ศาลไม่วินิจฉัย & โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่เมื่อจำเลยบุกรุก
เมื่อข้อเท็จจริงเรื่องที่ตั้งของที่ดินพิพาทยังไม่แน่นอนว่าจะอยู่ในเขตของศาลใด และจำเลยก็มิได้ยกปัญหาเรื่องที่โจทก์ฟ้องผิดศาลขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นสมควรที่จะยกปัญหาเรื่องนี้ขึ้นวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 2642/2519)
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ซึ่งบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินขอบโจทก์โดยพลการ ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องบอกกล่าว (อ้างฎีกาที่ 1190/2518)
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ซึ่งบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินขอบโจทก์โดยพลการ ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องบอกกล่าว (อ้างฎีกาที่ 1190/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 136/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่จากที่ดินบุกรุกและการพิสูจน์ที่ตั้งทรัพย์สินที่ไม่ชัดเจน ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
เมื่อข้อเท็จจริงเรื่องที่ตั้งของที่ดินพิพาทยังไม่แน่นอนว่าจะอยู่ในเขตของศาลใด และจำเลยก็มิได้ยกปัญหาเรื่องที่โจทก์ฟ้องผิดศาลขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ ศาลฎีกาจึงไม่เห็นสมควรที่จะยกปัญหาเรื่องนี้ขึ้นวินิจฉัย (อ้างฎีกาที่ 2642/2519)
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยพลการ ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องบอกกล่าว(อ้างฎีกาที่ 1190/2518)
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งบุกรุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยพลการ ซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องบอกกล่าว(อ้างฎีกาที่ 1190/2518)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การผ่อนผันชำระหนี้และการบอกเลิกสัญญา ต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากไม่ครบถ้วน จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกสิบล้อจากจำเลย สัญญาเช่าซื้อได้กำหนดการชำระค่าเช่าซื้อไว้ทุกวันที่ 25 ของเดือน แต่เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตรงตามกำหนดเวลาหลายงวด โจทก์ขอผ่อนผัน จำเลยก็ยินยอมผ่อนผันให้ และเมื่อโจทก์นำค่าเช่าซื้อมาชำระหลังจากเกินกำหนดเวลาตามงวดแล้ว จำเลยก็ยินยอมรับไว้มิได้ทักท้วง เมื่อจำเลยยึดรถยนต์ไปจากโจทก์แล้ว จำเลยยังมีหนังสือให้โจทก์เอาเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างมาชำระตามพฤติการณ์แสดงว่าในทางปฏิบัติคู่สัญญาไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสำคัญ ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญา สัญญาจึงเลิกกันตามข้อกำหนดในสัญญาไม่ได้ จำเลยจะเลิกสัญญาได้ก็แต่ด้วยการแสดงเจตนาบอกเลิกตามมาตรา 386 และการบอกเลิกสัญญาก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 387 และ 388 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 90/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อ: การผ่อนผันการชำระหนี้, การบอกเลิกสัญญา, และการยึดรถโดยพลการ
โจทก์เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกสิบล้อจากจำเลย สัญญาเช่าซื้อได้กำหนดการชำระค่าเช่าซื้อไว้ทุกวันที่ 25 ของเดือน แต่เมื่อโจทก์ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตรงตามกำหนดเวลาหลายงวดโจทก์ขอผ่อนผัน จำเลยก็ยินยอมผ่อนผันให้ และเมื่อโจทก์นำค่าเช่าซื้อมาชำระหลังจากเกินกำหนดเวลาตามงวดแล้ว จำเลยก็ยินยอมรับไว้มิได้ทักท้วง เมื่อจำเลยยึดรถยนต์ไปจากโจทก์ แล้ว จำเลยยังมีหนังสือให้โจทก์เอาเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างมาชำระ ตามพฤติการณ์แสดงว่าในทางปฏิบัติคู่สัญญาไม่ถือเอากำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสำคัญดังนี้ จะถือว่าโจทก์ ผิดสัญญา สัญญาจึงเลิกกันตามข้อกำหนดในสัญญาไม่ได้ จำเลยจะเลิกสัญญาได้ก็แต่ด้วยการแสดงเจตนาบอกเลิกตามมาตรา 386 และการบอกเลิกสัญญาก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา387 และ 388 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ
อุทธรณ์ของจำเลยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้ ดังนี้ จำเลยจะฎีกาในข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์มิได้
ค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเป็นอำนาจของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ที่จะใช้ดุลพินิจพิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมหรือจะให้เป็นพับไปก็ได้ โดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความหรือในการดำเนินคดีของคู่ความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับผลบังคับเมื่อใด จำเลยต้องรื้อถอนทรัพย์สินออกจากที่ดินของโจทก์หรือไม่
ฎีกาของจำเลยที่มิได้คัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรนั้น เป็นฎีกาที่ไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์ และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์ และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่าจำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 72/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าระงับสิ้นสุด สิทธิการครอบครองที่ดินย่อมสิ้นสุดตามไปด้วย การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไม่เกินคำขอ
ฎีกาของจำเลยที่มิได้คัดค้านว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบอย่างไรนั้นเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่า จำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารให้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากห้องพิพาทของโจทก์และปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์ แม้ฟังว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลย แต่ห้องนั้นก็อยู่ในที่ดินซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์ เมื่อสัญญาเช่าระงับไปแล้วจำเลยก็จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆ ซึ่งอยู่ในที่ดินที่จำเลยเช่า จำเลยต้องเอาออกไปจากที่ดินด้วย ดังนั้น ที่ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนห้องพิพาทออกไปจากที่ดินของโจทก์ด้วย จึงไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากเจ้าพนักงาน: การคืนรถยนต์ยึดแก่ผู้ซื้อโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิด
รถยนต์โจทก์ถูกคนร้ายลักไป และได้มีการเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนขายต่อกันเป็นทอด ๆ จนกระทั่งถึงบริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ จำกัด รับซื้อไว้โดยสุจริตและได้ให้ผู้มีชื่อเช่าซื้อต่อไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยึดรถยนต์คันดังกล่าวมาเป็นพยานหลักฐานในคดี เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดไว้ต่อไป จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยอธิบดีปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจได้มีคำสั่งให้คืนรถยนต์คันดังกล่าวแก่บริษัทเชสแมนฮัตตันอินเวสต์เมนต์ซึ่งอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์รถยนต์คันนั้นตามกฎหมาย ดังนี้ เป็นการสั่งคืนโดยชอบไม่ผิดหน้าที่ เพราะโจทก์ก็ยอมรับว่าบริษัทดังกล่าวซื้อรถยนต์ไว้โดยสุจริต และที่จำเลยที่ 2 มีคำสั่งไปเช่นนั้นก็ไม่มีผลให้บริษัทผู้ครอบครองรถยนต์อยู่ได้กรรมสิทธิ์ จึงไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายเพราะชอบที่จะฟ้องเรียกเอาคืนจากบริษัทนั้นได้ ทั้งก่อนจะคืนรถยนต์จำเลยที่ 2 ก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าโจทก์จะคัดค้านให้ฟ้องศาลภายใน 1 เดือนหากฟ้องแล้วจะเก็บรักษารถยนต์ไว้จนกว่าศาลจะชี้ขาดให้คืนแก่ฝ่ายใด แสดงว่า จำเลยที่ 2 สั่งการโดยใช้ความระมัดระวัง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
โจทก์ฎีกาอ้างว่า จำเลยกับพวกซึ่งนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียนยานพาหนะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าข้อนี้โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือโต้เถียงเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันไว้ในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฎีกาอ้างว่า จำเลยกับพวกซึ่งนายทะเบียนและผู้ช่วยนายทะเบียนยานพาหนะได้ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้คนร้ายเปลี่ยนแปลงทะเบียนแล้วโอนรถยนต์ของโจทก์ต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าข้อนี้โจทก์มิได้อุทธรณ์หรือโต้เถียงเป็นประเด็นไว้ในคำแก้อุทธรณ์ จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันไว้ในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1934/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารแปลในคดีแพ่ง & ประเด็นข้อต่อสู้ที่มิได้กำหนดไว้
สำเนาเอกสารที่คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงจะต้องส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 นั้นหมายถึงสำเนาเอกสารที่คู่ความอ้างอิงเป็นพยานหลักฐาน มิใช่หมายถึงคำแปลหรือสำเนาคำแปลเอกสาร ทั้งมาตรา 46 มิได้บัญญัติให้คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ ส่งคำแปลหรือสำเนาคำแปลให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อโจทก์ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยให้จำเลยพร้อมกับสำเนาฟ้อง และได้ยื่นคำแปลกรมธรรม์ประกันภัย ดังกล่าวโดยมีคำรับรองมายื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อแนบไว้กับต้นฉบับแล้ว ศาลย่อมรับฟังกรมธรรม์ประกันภัยเป็นพยานหลักฐานของโจทก์ได้
แม้จำเลยที่ 2 จะให้การไว้ว่าจำเลยที่ 2 ประกันภัยค้ำจุน บ. มิใช่ประกันค้ำจุนจำเลยที่ 1 และ บ. ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ไว้เป็น ประเด็น และจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นไว้ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีจะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,249 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2170/2516)
แม้จำเลยที่ 2 จะให้การไว้ว่าจำเลยที่ 2 ประกันภัยค้ำจุน บ. มิใช่ประกันค้ำจุนจำเลยที่ 1 และ บ. ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ไว้เป็น ประเด็น และจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นไว้ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีจะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,249 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2170/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งเอกสารแปลในคดีแพ่ง และประเด็นข้อต่อสู้ที่ไม่ได้รับการกำหนดเป็นประเด็นโดยศาล
สำเนาเอกสารที่คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงจะต้องส่งให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันนัดสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 นั้น หมายถึงสำเนาเอกสารที่คู่ความอ้างอิงเป็นพยานหลักฐาน มิใช่หมายถึงคำแปลหรือสำเนาคำแปลเอกสาร ทั้งมาตรา 46 มิได้บัญญัติให้คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศ ส่งคำแปลหรือสำเนาคำแปลให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อโจทก์ส่งสำเนากรมธรรม์ประกันภัยให้จำเลย พร้อมกับสำเนาฟ้อง และได้ยื่นคำแปลกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว โดยมีคำรับรองมายื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อแนบไว้กับต้นฉบับแล้ว ศาลย่อมรับฟังกรมธรรม์ประกันภัยเป็นพยานหลักฐานของโจทก์ได้
แม้จำเลยที่ 2 จะให้การไว้ว่าจำเลยที่ 2 ประกันภัยค้ำจุน บ. มิใช่ประกันค้ำจุน จำเลยที่ 1 และ บ.ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ไว้เป็นประเด็น และจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นไว้ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีจะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่ง มาตรา 226, 249 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2170/2516)
แม้จำเลยที่ 2 จะให้การไว้ว่าจำเลยที่ 2 ประกันภัยค้ำจุน บ. มิใช่ประกันค้ำจุน จำเลยที่ 1 และ บ.ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดข้อต่อสู้ดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ไว้เป็นประเด็น และจำเลยที่ 2 มิได้โต้แย้งคัดค้านการกำหนดประเด็นของศาลชั้นต้นไว้ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นประเด็นแห่งคดีจะยกขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแห่ง มาตรา 226, 249 (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2170/2516)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น และการเปลี่ยนแปลงคำขอในคำแก้ฎีกา
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ6 ปี แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้