คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับลักษณะการใช้สถานที่เช่า
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน โจทก์มีภาพถ่ายเป็นวัตถุพยานจะฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถ้าหยิบยกภาพถ่ายขึ้นพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้อ้างว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวน หรือผิดต่อบทกฎหมายแต่อย่างใด เช่นนี้ ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าศาลล่างไม่ฟังข้อเท็จจริงตามที่ควรจะฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โดยอ้างพยานหลักฐานที่มิได้นำสืบ
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน โจทก์มีภาพถ่ายเป็นวัตถุพยาน จะฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถ้าหยิบยกภาพถ่ายขึ้นพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้อ้างว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวน หรือผิดต่อบทกฎหมายแต่อยางใด เช่นนี้ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าศาลล่างไม่ฟังข้อเท็จจริงตามที่ควรจะฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่: ประเด็นการใช้สิทธิอุทธรณ์ตามมาตรา 224 และการพิจารณาเคหะตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ส่วนห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยได้ประกอบการค้าอะไร มีสภาพอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องขับไล่: การระบุสภาพแห่งข้อหาในฟ้องเพียงพอแล้ว ศาลไม่รับวินิจฉัยข้ออุทธรณ์เรื่องเคหะ
โจทก์ได้กล่าวมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยเช่าห้องพิพาทเพื่อประกอบการค้า เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์แล้ว ส่วนห้องพิพาทอยู่ในทำเลการค้าและจำเลยได้ประกอบการค้าอะไร มีสภาพอย่างใดนั้น เป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณา ฟ้องของโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ห้องพิพาทเป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ ซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง อุทธรณ์ข้อนี้ก็เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมาวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 เมื่อเป็นอุทธรณ์ต้องห้ามแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทะรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าโดยสารเครื่องบิน: 10 ปี ตามมาตรา 164 ไม่ใช่ 2 ปี ตามมาตรา 165(3)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าโดยสารเครื่องบินอายุความเรียกร้องมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มิใช่ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(3)
เมื่อมีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้และระบุไว้ชัดเจนแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยตามคลองจารีตประเพณีหรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัติ
เมื่อฎีกาจำเลยไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึ่งจำเลยจะยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้ง ศาลก็ไม่รับวินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความการเรียกร้องค่าโดยสารเครื่องบิน: ใช้ 10 ปี ตามมาตรา 164 ไม่ใช่ 2 ปี ตามมาตรา 165(3)
โจทก์ฟ้องเรียกค่าโดยสารเครื่องบินอายุความเรียกร้องมีกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มิใช่ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(3)
เมื่อมีบทกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้และระบุไว้ชัดเจนแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยตามคลองจารีตประเพณีหรือตามความมุ่งหมายของบทบัญญัติ
เมื่อมีฎีกาจำเลยไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายซึ่งจำเลยจะยกขึ้นอ้างอิงโดยชัดแจ้ง ศาลก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำแถลงเปิดคดีเป็นข้อเท็จจริง: ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่รับพิจารณา
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลล่างทั้งสองรับฟังข้อความในคำแถลงเปิดคดีของจำเลยมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ เห็นได้ว่า ฎีกาของโจทก์หาได้แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งไม่ว่า ศาลชั้นต้นรับฟังข้อความข้อใดบ้างในคำแถลงเปิดคดีของจำเลยซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณา จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 195 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 รับเป็นฎีกาไว้พิจารณาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำแถลงเปิดคดีเป็นข้อเท็จจริง: ฎีกาไม่ชอบ หากไม่ปรากฏในสำนวน
โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลล่างทั้งสองรับฟังข้อความในคำแถลงเปิดคดีของจำเลยมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ เห็นได้ว่า ฎีกาของโจทก์หาได้แสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งไม่ว่า ศาลชั้นต้นรับฟังข้อความข้อใดบ้างในคำแถลงเปิดคดีของจำเลยซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนมาเป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณา จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 194 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 รับเป็นฎีกาไว้พิจารณาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องก่อนหนี้ถึงกำหนด: ประเด็นที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยหากไม่ยกขึ้นสู่การต่อสู้
ปัญหาที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ ในเมื่อหนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 866/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องทายาทชำระหนี้ แม้ไม่มีมรดก และประเด็นนอกประเด็นในคำฎีกา
เมื่อไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ หากฎีกาขึ้นมา ก็เป็นฎีกานอกประเด็น ศาลไม่รับวินิจฉัยให้
เจ้าหนี้ฟ้องทายาทลูกหนี้ผู้ตายได้ แม้ทายาทจะมิได้รับมรดก เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าจะบังคับเอาจากมรดกของผู้ตาย โดยทายาทที่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัว
of 294