คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 249

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,935 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงบัญชีเท็จ ยักยอกเงิน และการตรวจบัญชีที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ
ผู้ตรวจบัญชีไม่ได้แจ้งการตรวจและไม่ได้มอบหนังสือสำคัญแสดงตัวตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยนั้น จะถือว่าไม่มีการตรวจบัญชีไม่ได้เพราะระเบียบกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่กฎหมาย
ข้อกฎหมายที่จำเลยมิได้ยกขึ้นมาว่ากันแต่ศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์ต้องชัดเจน หากไม่ชัดเจน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาที่กล่าวว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าศาลอุทธรณ์แก้ข้อไหน อย่างไร เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาที่อ้างการแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบ หากไม่ได้ระบุรายละเอียดชัดเจน
ฎีกาที่กล่าวว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา โดยไม่กล่าวให้ชัดแจ้งว่าศาลอุทธรณ์แก้ข้อไหน อย่างไร เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.238 และการไม่ยกข้อต่อสู้ในฎีกา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นฟังว่าห้องเช่าเป็นเคหะ จึงพิพากษายกฟ้องแต่ศาล อุทธรณ์ฟังว่า ไม่ใช่เคหะ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย ่จำเลยฎีกาเพียงว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เฉพาะใน ขจ้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ชอบด้วยป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 238 ส่วนข้อที่ว่าห้องเช่าไม่ใช่เคหะนั้น จำเลยมิได้คัดค้านในฎีกามา ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยฎีกา ขึ้นมาฟังไม่ขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเคหะต่อไป./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 871/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์: การรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ ศาลชั้นต้นฟังว่าห้องเช่าเป็นเคหะ จึงพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ไม่ใช่เคหะ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลย จำเลยฎีกาเพียงว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เฉพาะในข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์กลับมาวินิจฉัยข้อเท็จจริง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 238 ส่วนข้อที่ว่าห้องเช่าไม่ใช่เคหะนั้น จำเลยมิได้คัดค้านในฎีกามาดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าที่จำเลยฎีกาขึ้นมาฟังไม่ขึ้นแล้ว ก็ไม่ต้องวินิจฉัยเรื่องเคหะต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องแทนโดยตรง
ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่าง ๆได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้น ฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่.
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องแทน เว้นแต่กรณีที่ต้องได้รับความยินยอม
ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้นฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงค้าใหม่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขประมวลรัษฎากรมาตรา 19, 20 เท่านั้น
ภาษีโรงค้านั้นเมื่อทางอำเภอได้ประเมินและผู้เสียภาษีได้ชำระไปแล้ว เจ้าพนักงานจะประเมินใหม่ได้ ก็แต่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 และ 20 กล่าวคือเมื่อเจ้าพนักงานประเมินมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ใดแสดงรายการตามแบบที่ยื่นไม่ถูกต้องตามความจริง หรือไม่บริบูรณ์เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจออกหมายเรียกตัวผู้ยื่นรายการนั้นมาไต่สวนและเมื่อได้จัดการเช่นว่านี้ และทราบข้อความแล้ว ก็มีอำนาจที่จะแก้จำนวนเงินที่ประเมินหรือที่ยื่นรายการไว้เดิมโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ปรากฏได้เจ้าพนักงานประเมินจะประเมินค่าภาษีโรงค้าใหม่โดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19,20 ประมวลรัษฎากรย่อมเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยประเมินค่าภาษีโรงค้าจากโจทก์เป็นการสมควรแล้ว จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องเรียกเงินค่าภาษีที่ชำระแล้ว คืนบางส่วน โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยประเมินภาษีมากเกินไป แต่ที่จำเลยเสียภาษีตามที่ประเมินไว้ครั้งแรกก็น้อยเกินไปจึงพิพากษาแก้ลดจำนวนเงินลงมาจากที่จำเลยประเมินไว้จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงโดยมีผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาข้อเท็จจริงได้ดังนี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยประเมินค่าภาษีใหม่นั้น เป็นการผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร จึงไม่มีอำนาจประเมินใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้หลังการขายทอดตลาด: สิทธิในการไถ่คืนทรัพย์เมื่อยังไม่มีนิติกรรม
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก จำเลยมาสายไป 20 นาที จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานแจ้งว่า ขายแล้ว จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงานจำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำระหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า แม้ศาลขายทอดตลาดแล้วแต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้ ดังนี้วินิจฉัยว่า จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายชัดเจน ห้ามอ้างคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งของฎีกา
ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นอ้างอิงในฎีกานั้นคู่ความจะต้องกล่าวไว้โดยชัดแจ้งในฎีกา จะขอให้ถือเอาคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำฎีกาด้วยนั้นย่อมเป็นการไม่ชอบ
of 294