พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3185/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยที่ไม่ได้ตัวจำเลยมาส่งศาล และผลกระทบต่อสิทธิในการฎีกา
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ฟ้องโดยไม่นำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมฟ้องจึงสั่งไม่ประทับฟ้องและจำหน่ายคดีเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ศาลอาญาพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดบุกรุกที่พิพาทของโจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา362,365(2)และบังคับให้ขับไล่จำเลยทั้งเจ็ดและให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายในส่วนคดีแพ่งถือเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งเจ็ดบุกรุกที่ดินโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยวินิจฉัยว่าคดีฟังไม่ได้แน่ชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์คดีอาญาจึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220ส่วนคดีแพ่งศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามมาตรา46ซึ่งเท่ากับศาลอุทธรณ์ฟังว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งเจ็ด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิฎีกาในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา288ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิการฟ้องคดีอาญาในชั้นฎีกาเนื่องจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 288 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6260/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่รับฟ้องถึงที่สุด ทำให้โจทก์ไม่สามารถฎีกาได้ตามมาตรา 220
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเดิมที่รับฟ้องเป็นไม่รับฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ผลเท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์จึงฎีกาไม่ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพราะต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4935/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดสิทธิฎีกาในความผิดพยายามฆ่า เมื่อศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 และมาตรา 297 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8),83 เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อหานี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องโดยปริยายและการสิ้นสุดสิทธิในการฎีกาในคดีอาญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ก็ตาม ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องในความผิดข้อหานี้แล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำ-พิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ จึงถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องในข้อหานี้ด้วยความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกายกฟ้องข้อหาอาวุธปืน ทำให้ข้อหาดังกล่าวหมดอายุความ และศาลฎีกาพิจารณาเฉพาะข้อหาฆ่าคนตายและปล้นทรัพย์
ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยในคำพิพากษาแล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด แม้ว่าศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในคำพิพากษาก็ตาม ก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดทั้งสองข้อหานี้แล้ว เมื่อศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ให้เป็นอย่างอื่น จึงถือว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนให้ยกฟ้องโจทก์ในสองข้อหานี้ด้วยข้อหาทั้งสองดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยข้อหาอาวุธปืน เนื่องจากศาลชั้นต้นและอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องแล้ว แต่รับวินิจฉัยข้อหาฆ่าผู้อื่นและปล้นทรัพย์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ แม้ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหานี้ก็ตามก็ต้องถือว่าศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องในความผิดข้อหานี้แล้วเมื่อศาลอุทธรณ์มิได้แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนนี้ จึงถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกฟ้องในข้อหานี้ด้วยความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5381/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.220 หลังศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น และการพิจารณาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยองค์คณะ
คดีอาญาศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์คำสั่งที่งดสืบพยาน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ แม้จะเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายก็ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาดังกล่าวย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แม้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ฉบับที่พิมพ์ข้อความแล้ว)มีผู้พิพากษาลงนามเพียงคนเดียวก็ตาม แต่เมื่อผู้พิพากษาอีก 2 คนซึ่งเป็นองค์คณะได้ลงนามในต้นร่างคำพิพากษาแสดงว่าได้มีการร่วมประชุมปรึกษาเป็นองค์คณะแล้ว อธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ก็ได้ลงนามรับรองไว้ท้ายคำพิพากษาดังกล่าว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว