พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งเจตนาฆ่าหลังศาลวินิจฉัยประเด็นป้องกันตัวแล้ว
การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยแทงผู้ตายและแทงผู้เสียหายเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแล้วพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยแทงผู้ตายเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและแทงผู้เสียหายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าแต่มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจึงลงโทษฐานทำร้ายผู้เสียหายนั้นทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้ตายและผู้เสียหายตรงอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายจำเลยมีเจตนาฆ่าซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา: จำเป็นพอสมควรแก่เหตุและการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งไม่ต้องรับโทษ. ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185. แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษและให้คุมประพฤติจำเลย. ก็มีผลเท่ากับพิพากษายกฟ้อง. และเป็นการยกฟ้องในข้อเท็จจริง. เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง. กรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องจากเหตุจำเป็นและผลของการกลับคำพิพากษาโดยศาลอุทธรณ์ ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งไม่ต้องรับโทษ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185. แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษและให้คุมประพฤติจำเลย ก็มีผลเท่ากับพิพากษายกฟ้อง และเป็นการยกฟ้องในข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง กรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกเช็คและการสั่งจ่ายเช็คจากแบบพิมพ์เช็คยังไม่กรอกรายการ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่ปรากฏจำเลยที่ 2 ได้ร่วมในการกระทำผิดคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จึงเป็นคดีซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดเป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย การที่จำเลยที่ 1 เอาเช็คขีดคร่อมเฉพาะของโจทก์ไปขึ้นเงินเป็นของจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการทำให้เช็คนั้นไร้ประโยชน์ที่จะใช้ได้อีกตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ส่วนที่จำเลยที่ 1เอาแบบพิมพ์เช็คของโจทก์มากรอกรายการสั่งจ่ายเงินให้แก่จำเลยที่ 1 เองแบบพิมพ์เช็คที่ยังไม่ได้กรอกรายการนี้ยังมิได้ทำให้ปรากฏความหมายหรือเป็นหลักฐานแห่งความหมายอย่างใดเลย จึงไม่เป็นเอกสารตามมาตรา 1(7) แห่งประมวลกฎหมายอาญา แม้จำเลยที่ 1 จะได้เอาแบบพิมพ์เช็คของโจทก์ไปใช้ดังที่โจทก์ฟ้อง ก็หาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ และฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำให้เสียทรัพย์ตามฟ้อง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 คดีส่วนแพ่ง โจทก์เรียกร้องให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 32,600 บาท จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ทั้งไม่ปรากฏข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงในฎีกาโดยแจ้งชัดแต่อย่างใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2795/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยเมาสุราและทะเลาะวิวาท ศาลพิจารณาเหตุปัจจัยและรอการลงโทษ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าผู้เสียหายก่อเหตุเข้าทำร้ายจำเลยจำเลยแกว่งขวดแตกไปมาเพื่อป้องกันตัวขวดไปถูกผู้เสียหายครั้งเดียว เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยโกรธใช้ขวดแทงผู้เสียหายไม่เข้าลักษณะป้องกันจำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายไม่มีเจตนาฆ่า พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ดังนี้ เท่ากับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาว่าจำเลยใช้ขวดแตกแทงผู้เสียหายที่หน้าอกอาจทำให้ถึงตายได้ เป็นการกระทำโดยเจตนาขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ศาลฎีกา ไม่รับ วินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1950/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากฆ่าโดยเจตนาเป็นฆ่าโดยไม่เจตนา ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานฆ่าโดยไม่เจตนาได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ศาลชั้นต้นเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังปรากฏข้อสงสัยพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์เห็นว่าข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้ตายแต่จำเลยได้ใช้กำลังกายชกต่อยเตะผู้ตายจนถึงแก่ความตายพิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ดังนี้ข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 จึงเป็นอันศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหาดังกล่าวไม่ได้ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าแต่ทำรุนแรงไปเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายอันเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าที่โจทก์ฟ้องศาลย่อมลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมตัวพระสงฆ์โดยตำรวจและชาวบ้าน: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
พระภิกษุเจ้าอาวาสไปสนทนากับหญิงบนบ้านในเวลากลางคืนจำเลยซึ่งเป็นตำรวจและชาวบ้านออกประกาศโฆษณาทางเครื่องขยายเสียงว่าโจทก์กระทำผิดวินัยสงฆ์ และไม่ยอมให้โจทก์กลับวัด ไม่ยอมให้ลงจากบ้าน แล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน เมื่อมีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์กระทำผิดพระวินัย จึงได้ควบคุมโจทก์ไว้ก่อนเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันอาจเกิดขึ้นได้ เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของชุมชน ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,309,310 เมื่อศาลล่างทั้งสองยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลยกลั่นแกล้งโจทก์ ทั้งที่โจทก์มิได้กระทำผิดพระวินัยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 854/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยฟังว่าจำเลยทำสมุดปกขาวชี้แจงเรื่องการก่อสร้างอาคารเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจและทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมิได้หมายถึงว่าโจทก์ทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เท่ากับฟังว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะหมิ่นประมาทโจทก์ เป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังว่า เป็นการชี้แจงตามความเห็นของจำเลยและคณะกรรมการที่ปรึกษาของสภามหาวิทยาลัยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทเป็นการยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงเช่นกัน โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกล่าวข้อความโดยไม่สุจริต จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 242/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลาง: เมื่อจำเลยยกฟ้อง การฎีกาเรื่องความเกี่ยวข้องกับความผิดของผู้อื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 4 และให้ริบรถยนต์ของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางส่วนการยกฟ้องจำเลยที่ 4 คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วโจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางคดีนี้มีส่วนรู้เห็นในการใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการกระทำผิดของจำเลยอื่น ขอให้ริบของกลางนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220