คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 220

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจดุลพินิจศาลในการริบของกลางคดีพนัน: ข้อจำกัดในการฎีกา
เครื่องมือที่ใช้ในการเล่นการพนันอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนันเป็นเพียงสิ่งที่ศาลจะใช้ดุลพินิจให้ริบก็ได้ ไม่ริบก็ได้ ตามพระราชบัญญัติการพนัน 2478 มาตรา 10 วรรคสองและ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 27(2)
เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ใช้ดุลพินิจว่าไม่ควรริบ ปัญหาที่ว่าจะควรริบของกลางดังกล่าวหรือไม่ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อคดีต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้วโจทก์จะฎีกาขอให้ริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีคม ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอตึงและพิการถาวร
บาดแผลถูกฟันที่ก้านคอหลังแถบซ้ายลึกตัดเนื้อกล้ามในการเย็บแผลต้องตัดเนื้อกล้ามที่กะรุ่งกะริ่งทิ้งเสียบ้าง เมื่อหายแล้วจึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ตึง จะเอี้ยวคอไปทางซ้ายไม่ได้ต้องหันทั้งตัว ส่วนทางขวาเอี้ยวไปได้นิดหน่อยการเอี้ยวไม่ได้นี้ จะพิการไปตลอดชีวิต ดังนี้ ได้ชื่อว่าบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256 ข้อ 7
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 8 เดือน ตาม มาตรา254 ศาลอุทธรณ์แก้เป็นโทษจำคุก 3 ปี ตามมาตรา 256 เป็นแก้มากฎีกาข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดเจ็บสาหัสจากการถูกฟันคอ ทำให้พิการตลอดชีวิต ถือเป็นความผิดตามมาตรา 256
บาดแผลถูกฟันที่ก้านคอหลังแถบซ้ายลึกตัดเนื้อกล้ามในการเย็บแผลต้องตัดเนื้อกล้ามที่กะรุ่งกะริ่งทิ้งเสียบ้าง เมื่อหายแล้วจึงทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ดึ จะเอี้ยวคอไปทางซ้ายไม่ได้ต้องหันทั้งตัว ส่วนทางขวาเอี้ยไปได้นิดหน่อย การเอี้ยวไม่ได้นี้ จะพิการไปตลอดชีวิต ดังนี้ ได้ชื่อว่าบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256 ข้อ 7
ศาลชั้นต้นลงโทษ+ ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุก 3 ปี ตามมาตรา 256 เป็นแก้มาก +ข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการแก้ไขโทษในชั้นอุทธรณ์และการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงโทษจากลักทรัพย์เป็นรับของโจรในชั้นอุทธรณ์ ทำให้จำกัดสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคืนของกลางในคดีพ.ร.บ.ยาสูบ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้คำพิพากษาให้คืนของกลางได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาสูบเป็นเงินไม่เกินพันบาท และให้ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คืนของกลาง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ริบของกลางไม่ได้เพราะข้อที่จะควรริบยาสูบของกลางหรือไม่เป็นดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจการริบของกลางในคดี พ.ร.บ.ยาสูบ ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาสูบเป็นเงินไม่เกินพันบาทและให้ริบของกลางจำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คืนของกลาง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ริบของกลางไม่ได้ เพราะข้อที่จะควรริบยาสูบของกลางหรือไม่เป็นดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉุดคร่าอนาจาร แม้มีเจตนาขอเป็นภริยา ก็ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย, สมรู้ร่วมคิดช่วยเหลือมีความผิดด้วย
ชายฉุดคร่าหญิงไป แม้จะมีเจตนาเอาไปเป็นภริยาก็หาเป็นเหตุให้พ้นผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 ไม่
ชายฉุดคร่าหญิงขึ้นเรือนแล้วจะเอาเข้าห้อง หญิงดิ้นไม่ยอมเข้าห้อง จำเลยไปช่วยเขาผลักดันให้หญิงเข้าไปในห้อง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานสมรู้ช่วยเหลืออุปการะแก่ผู้ชายผู้กระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276,65 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชายจับมือถือแขนหญิงในที่สาธารณะสถานแม้จะจับด้วยความรักใคร่ ก็มีผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 246
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 214 แต่ไม่ผิดตามมาตรา 276 จำคุก 3 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 276 ด้วยให้จำคุก 9 เดือน แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่คงลงโทษ ไม่เกิน1 ปี ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉุดคร่าห์อนาจาร แม้มีเจตนาแต่งงานก็ผิด, สมรู้ร่วมคิดช่วยกระทำความผิด และการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ
ชายฉุดคร่าห์หญิงไปแม้จะมีเจตนาเอาไปเป็นภริยาก็หาเป็นเหตุให้พ้นผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 276 ไม่
ชายฉุดคร่าห์หญิงขึ้นเรือนแล้วจะเอาเข้าห้อง หญิงดิ้นไม่ยอมเข้าห้องจำเลยไปช่วยเขาผลักดันให้หญิงเข้าไปในห้องดังนี้ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานสมรู้ช่วยเหลือ อุปการะแก่ผู้ชายผู้กระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246, 65 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชายจับมือถือแขนหญิงในที่สาธารณะสถานแม้จะจับด้วยความรักใคร่ ก็มีผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 246
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 276 จำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 276 ด้วยให้จำคุก 9 เดือน แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่คงลงโทษไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษอาญา – ความผิดฐานสมคบกันฆ่าและทำร้ายร่างกาย – การฎีกาความเห็นไม่ตรงกัน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 กระทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกระทงหนึ่ง แต่ให้รวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปีดังนี้ แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายลักษณะอาญา ตามมาตรา 254ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกระทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้ายร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง2 ฐาน ก็ชอบจะฎีกาได้ ไม่ต้องห้าม
of 50