คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 220

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 493 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557-1558/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมโทษอาญาและการฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันหลายฐานความผิด
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง และพิพากษาต้องกันว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249 กะทงหนึ่งและตามมาตรา 254 อีกกะทงหนึ่ง แต่ให้รวมกะทงลงโทษจำคุกจำเลย 15 ปี ดังนี้แม้โทษฐานทำร้ายร่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญาตามมาตรา 154 ให้จำคุกไม่เกิน 2 ปีก็ดี แต่ศาลล่างทั้ง 2 ให้รวมกะทงลงโทษร่วมกับความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้กำหนดโทษฐานทำร้างร่างกายไว้ชัดแจ้ง อันจะพึงอนุมานได้ว่าต้องด้วย วิ.อาญามาตรา 218 หรือ 220 ฉะนั้นเมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงรวมกันมาทั้ง 2 ฐานก็ชอบจะฎีกาได้ไม่ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ ระยะเวลาระหว่างความผิดมีผลต่อการพิจารณา
จำเลยรับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์ 45 วัน ต่อมา 6 ปีเศษต้องโทษฐานทำร้ายต่อทรัพย์และทำร้ายร่างราย 1 เดือน ต่อมา 13 ปีเศษจึงมาต้องโทษครั้งหลังฐานทำร้ายร่างกาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และมีระยะเวลาห่างไกลกันยังไม่ควรลงโทษกักกันจำเลย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษกักกันสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำที่มีระยะเวลาระหว่างความผิดนาน และความผิดไม่ร้ายแรง
จำเลยรับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์ 45 วัน ต่อมา 6 ปีเศษต้องโทษฐานทำร้ายต่อทรัพย์และทำร้ายร่างกาย 1 เดือน ต่อมา 13 ปีเศษจึงมาต้องโทษครั้งหลังฐานทำร้ายร่างกาย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆและมีระยะเวลาห่างไกลกัน ยังไม่ควรลงโทษกักกันจำเลย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา, ศาลลงโทษตามบทที่เบากว่าได้
เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131
ฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินยักยอกเงินในหน้าที่ ที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมและแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 131 มา แต่ศาลลงโทษตามมาตรา 319(3) ซึ่งมีโทษเบากว่าได้
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 5 ปี ศาลอุทธรณ์แก้บทและแก้โทษจำคุกเป็น 4 ปี ดังนี้เป็นแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 200

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญา การลงโทษฐานยักยอกทรัพย์
เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131
ฟ้องคดีอาญาฐานเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินยักยอกเงินในหน้าที่ ที่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม และแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 131 มา แต่ศาลลงโทษตามมาตรา 319(3) ซึ่งมีโทษเบากว่าได้
ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลย 5 ปี ศาลอุทธรณ์แก้บทและแก้โทษจำคุกเป็น 4 ปี ดังนี้เป็นแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการยักยอกเงินสโมสรทหาร หากเงินสโมสรเป็นของราชการ ความผิดฐานใช้อำนาจในทางทุจริต (มาตรา 131) จะร้ายแรงกว่าฐานยักยอก (มาตรา 319)
แม้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการมีหน้าที่เก็บเงินตามบิลเชื่อของสโมสรทหาร ซึ่งเป็นส่วนราชการแล้วยักยอกไป ถ้าโจทก์ไม่นำสืบให้ ปรากฎว่าสิ่งของที่สโมสรขายเชื่อนั้นจัดหาโดยเงินของทางราชการแล้ว จำเลยไม่ผิดมาตรา 131 คงผิดเพียงมาตรา 319(3) เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์แก้บทและกำหนดโทษของศาลชั้นต้น เป็นการแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้าราชการยักยอกเงินสโมสร: ความผิดฐานใช้อำนาจในทางทุจริต vs. ยักยอกทรัพย์
แม้จำเลยซึ่งเป็นข้าราชการมีหน้าที่เก็บเงินตามบิลเชื่อของสโมสรทหารซึ่งเป็นส่วนราชการแล้วยักยอกไป ถ้าโจทก์ไม่นำสืบให้ปรากฏว่าสิ่งของที่สโมสรขายเชื่อนั้นจัดหาโดยเงินของทางราชการแล้ว จำเลยไม่ผิดมาตรา 131 คงผิดเพียงมาตรา 319(3) เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์แก้บทและกำหนดโทษของศาลชั้นต้น เป็นการแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะมีการทำหนังสือแจ้งผลการพิจารณาจากคณะกรรมการฯ ก็ไม่ถือเป็นคำสั่งอนุญาต
จำเลยทำการเรี่ยไรด้วยการจำหน่ายรูปปั้นอ้างว่าเพื่อสร้างอนุสาวรีย์โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จำเลยจะได้เคยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร และคณะกรรมการฯมีหนังสือแจ้งมาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการขายสิ่งของมีสิทธิทำได้เอง ดังนี้จำเลยย่อมมีความผิด และไม่ถือว่าหนังสือคณะกรรมการฯนั้นเป็นคำสั่งอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเภทกระสุนปืน: ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
การที่วินิจฉัยว่ากระสุนปืนชะนิดใดใช้ได้ฉะเพาะแต่ในการสงครามหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่า กระสุนนั้นมิใช่ใช้ฉะเพาะแต่ในการสงครามแล้ว ฎีกาไม่ได้ต้องห้าม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวินิจฉัยประเภทกระสุนปืน: ข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
การที่วินิจฉัยว่ากระสุนปืนชนิดใดใช้ได้เฉพาะแต่ในการสงครามหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันว่า กระสุนนั้นมิใช่ใช้เฉพาะแต่ในการสงครามแล้ว ฎีกาไม่ได้ต้องห้าม
of 50