พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 293/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรส, การครอบครองปรปักษ์, และหน้าที่การนำสืบเมื่ออ้างว่าทรัพย์สินเป็นของผู้อื่น
เมื่อที่ดินเป็นสินสมรส ตึกแถวซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินจึงตกเป็นสินสมรสด้วย
ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 วรรคท้ายใช้เฉพาะกรณีที่โต้เถียงกันว่าทรัพย์นั้นเป็นสินเดิม สินส่วนตัว หรือสินสมรสเท่านั้น จะนำมาใช้ในกรณีที่มีข้อโต้เถียงว่าเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่นไม่ได้
โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าถือกรรมสิทธิ์แทนผู้อื่น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อน
ข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 วรรคท้ายใช้เฉพาะกรณีที่โต้เถียงกันว่าทรัพย์นั้นเป็นสินเดิม สินส่วนตัว หรือสินสมรสเท่านั้น จะนำมาใช้ในกรณีที่มีข้อโต้เถียงว่าเป็นทรัพย์ของบุคคลอื่นไม่ได้
โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนด เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่าถือกรรมสิทธิ์แทนผู้อื่น จึงเป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องนำสืบก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชำระหนี้หลายราย - ลำดับความสำคัญผู้ค้ำประกัน
หนี้หลายรายลูกหนี้ชำระโดยไม่ระบุว่าชำระรายไหนต้องจัดเป็นชำระรายที่ไม่มีผู้ค้ำประกันก่อนรายที่มีผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลไม่ต้องเลื่อนสืบพยานจำเลย หากจำเลยไม่มาศาลหลังสืบพยานโจทก์เสร็จ
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนจำเลยและทนายจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว มิได้มาศาล ทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดี ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ส่วนความในมาตรา 205 นั้นจะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จึงจะพิจารณาว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจหรือไม่ ถ้ามาศาลเมื่อพ้นระยะเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้ คดีนี้ศาลสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยก็มิได้มาศาล จึงมิใช่กรณีที่จะให้สืบพยานจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค 3 (1) แม้จำเลยจะได้ยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานไว้ ต้องถือว่าคดีเสร็จการพิจารณา ศาลพิพากษาไปได้ (อ้างฎีกาที่ 131/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลมีสิทธิพิจารณาตัดสินคดีได้ แม้จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนจำเลยและทนายจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้วมิได้มาศาล ทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ส่วนความในมาตรา 205 นั้นจะเป็นในวรรค 2 หรือ 3 ก็หมายความเฉพาะกรณีที่จำเลยมาศาลในระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวจึงจะพิจารณาว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจหรือไม่ถ้ามาศาลเมื่อพ้นระยะเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบแล้วก็ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานของตนได้คดีนี้ศาลสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยก็มิได้มาศาลจึงมิใช่กรณีที่จะให้สืบพยานจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรค3(1) แม้จำเลยจะได้ยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานไว้ต้องถือว่าคดีเสร็จการพิจารณา ศาลพิพากษาไปได้ (อ้างฎีกาที่ 131/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ: ศาลลงโทษ แต่ไม่ริบยานพาหนะของจำเลย
จำเลยทั้งสามนั่งรถจักรยานยนต์คันเดียวกัน ตามรถผู้เสียหายมายิงผู้เสียหายและเอารถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายนั่งมานั้นไปศาลลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ตามมาตรา340 ตรี แต่ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของจำเลย ซึ่งใช้เป็นพาหนะทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 59/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: ศาลพลเรือนรับฟ้องคดีทหารไม่ได้ แม้ผู้ต้องหาเป็นทหารประจำการ
ตามฟ้องระบุยศจำเลยเป็นพันโทและบรรยายว่าพนักงานสอบสวนมอบตัวจำเลยแก่ผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารรับไปแสดงว่าจำเลยเป็นทหารประจำการอยู่ในอำนาจศาลทหารตาม พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารฯปรากฏแต่แรกศาลรับฟ้องไว้แล้วไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตาม มาตรา15 วรรค 2 ศาลพลเรือนรับพิจารณาพิพากษาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมต้องมีพยานลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือครบถ้วนจึงมีผลบังคับใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีพยานลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือสองคนคู่สัญญาคนหนึ่งมาลงลายพิมพ์นิ้วมือให้ในภายหลังซึ่งพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือที่ได้ลงชื่อเป็นพยานไว้ก่อนไม่รู้เห็นด้วย จึงเป็นลายพิมพ์นิ้วมือที่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองไว้ด้วยสองคน สัญญาประนีประนอมดังกล่าวไม่เป็นหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 851 ประกอบด้วย มาตรา 9 วรรค 3 จะใช้ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้แม้เรื่องนี้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้ เมื่อเห็นสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2728/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้งดสืบพยานและการโต้แย้งคดี: ผลกระทบต่อสิทธิอุทธรณ์ และอำนาจฟ้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานคู่ความเมื่อสืบตัวโจทก์ยังไม่จบ แล้วสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความและพิพากษาคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้ความ ถือไม่ได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ซึ่งถือว่าไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 และระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ (มีคำสั่งวันที่ 23 พฤษภาคม 2518 นัดฟังคำพิพากษา 30 พฤษภาคม 2518) แต่หาได้โต้แย้งไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งนี้ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาท แต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2728/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลให้งดสืบพยานและอำนาจฟ้อง: การที่จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลทันที ทำให้เสียสิทธิอุทธรณ์ และโจทก์มีอำนาจฟ้อง
คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานของคู่ความเมื่อสืบตัวโจทก์ยังไม่จบ แล้วสอบถามข้อเท็จจริงจากคู่ความและพิพากษาคดีโดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ได้ความ ถือไม่ได้ว่าเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ซึ่งถือว่าไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 227 คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามมาตรา 226 และระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานถึงวันนัดฟังคำพิพากษาจำเลยมีโอกาสโต้แย้งคำสั่งได้ (มีคำสั่งวันที่ 23 พฤษภาคม 2518 นัดฟังคำพิพากษา 30 พฤษภาคม 2518) แต่หาได้โต้แย้งไม่ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนี้ได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาทแต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ที่ที่จำเลยปลูกเล้าไก่คือที่พิพาท ที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม โจทก์เช่าที่พิพาทจากโจทก์ร่วม ดังนั้น แม้โจทก์จะยังไม่ได้ครอบครองที่พิพาทแต่โจทก์ได้เรียกโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมแล้ว โจทก์และโจทก์ร่วมย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่างจากศาลชั้นต้น และความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารสิทธิ
เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานรับของโจรมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานลักทรัพย์ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา334 จำคุก 1 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2517 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่เก็บเงินและได้ออกจากงานไปแล้วก่อนเกิดเหตุ ได้ไปเรียกเก็บเงินค่าหนังสือพิมพ์จากลูกค้าของผู้เสียหายโดยจำเลยที่ 1 กรอกข้อความในใบเสร็จรับเงิน และลงชื่อเป็นผู้รับเงิน ลูกค้าของผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเงินให้ไป เป็นการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ลูกค้าและผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเพราะใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานแห่งการระงับซึ่งสิทธิ และเมื่อจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารสิทธิปลอมดังกล่าวโดยมอบให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมด้วย
จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่เก็บเงินและได้ออกจากงานไปแล้วก่อนเกิดเหตุ ได้ไปเรียกเก็บเงินค่าหนังสือพิมพ์จากลูกค้าของผู้เสียหายโดยจำเลยที่ 1 กรอกข้อความในใบเสร็จรับเงิน และลงชื่อเป็นผู้รับเงิน ลูกค้าของผู้เสียหายหลงเชื่อจึงมอบเงินให้ไป เป็นการกระทำที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ลูกค้าและผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเพราะใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานแห่งการระงับซึ่งสิทธิ และเมื่อจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารสิทธิปลอมดังกล่าวโดยมอบให้แก่ลูกค้าของผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมด้วย