พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่า ความสมัครใจแยกกันอยู่ การให้อภัย และหน้าที่ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดู
จำเลยใช้มีดจะแทงโจทก์ตั้งแต่ก่อนโจทก์จำเลยจะมีบุตรด้วยกัน ต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นภริยาและมีบุตรด้วยกัน จึงไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย แสดงว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแต่แรกแล้ว ถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้
ความสามารถและฐานะของโจทก์ดีกว่าจำเลย โจทก์ผู้เป็นสามีจึงต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 ประกอบด้วยมาตรา1598/38
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้
ความสามารถและฐานะของโจทก์ดีกว่าจำเลย โจทก์ผู้เป็นสามีจึงต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 ประกอบด้วยมาตรา1598/38
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องหย่าหมดอายุเมื่อให้อภัย, การแยกกันอยู่โดยสมัครใจ, และหน้าที่ช่วยเหลืออุปการะภริยา
จำเลยใช้มีดจะแทงโจทก์ตั้งแต่ก่อนโจทก์จำเลยจะมีบุตรด้วยกัน ต่อมาโจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นภริยาและมีบุตรด้วยกัน จึงไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลย แสดงว่าโจทก์ได้ให้อภัยจำเลยแต่แรกแล้ว ถือได้ว่าสิทธิฟ้องหย่าในข้อนี้ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้
ความสามารถและฐานะของโจทก์ดีกว่าจำเลย โจทก์ผู้เป็นสามีจึงต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 ประกอบด้วยมาตรา 1598/38
โจทก์จำเลยต่างสมัครใจแยกกันอยู่ โจทก์จะกล่าวหาว่าจำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไม่ได้
ความสามารถและฐานะของโจทก์ดีกว่าจำเลย โจทก์ผู้เป็นสามีจึงต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูจำเลยซึ่งเป็นภริยาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1461 ประกอบด้วยมาตรา 1598/38
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสเมื่อหย่า: การแบ่งที่ดินชำระแล้ว, สินเดิมสูญเสีย, หนี้ระหว่างสมรส
ภริยาทำสัญญาจะซื้อที่ดินชำระราคาแล้วบางส่วน เมื่อหย่ากันสิทธิตามสัญญานี้เป็นสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันด้วย
สินเดิมของภริยาซึ่งสูญไประหว่างสมรส การเอาสินสมรสใช้ต้องคิดตามราคาเดิม ไม่ใช่ราคาเมื่อหย่ากัน
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่ากันไม่ต้องหักใช้หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสและยังไม่ได้ชำระเสียก่อน เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดร่วมกันอยู่ และเป็นไปตามมาตรา 1518
สินเดิมของภริยาซึ่งสูญไประหว่างสมรส การเอาสินสมรสใช้ต้องคิดตามราคาเดิม ไม่ใช่ราคาเมื่อหย่ากัน
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่ากันไม่ต้องหักใช้หนี้ที่เกิดระหว่างสมรสและยังไม่ได้ชำระเสียก่อน เป็นเรื่องที่จะต้องรับผิดร่วมกันอยู่ และเป็นไปตามมาตรา 1518
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทบุพการีเป็นเหตุฟ้องหย่า และหลักการแบ่งสินสมรสเมื่อมีหนี้ร่วม
จำเลยด่าโจทก์และมารดาโจทก์ว่ามารดาโจทก์เป็นคนดอกทองและโจทก์เป็นลูกคนดอกทอง มารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นคนดอกทอง ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493ได้นิยามคำว่า 'ดอกทอง' ไว้ว่า หมายถึงหญิงใจง่ายในทางประเวณี คำด่าดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการด่ามารดาโจทก์เป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณีและมารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณี อันเป็นการหมิ่นประมาทมารดาโจทก์อย่างร้ายแรงตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยาให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อนจึงจะ แบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยาให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อนจึงจะ แบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2396/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหย่าและการแบ่งสินสมรส กรณีหมิ่นประมาทบุพการีและการหักหนี้ร่วม
จำเลยด่าโจทก์และมารดาโจทก์ว่ามารดาโจทก์เป็นคนดอกทองและโจทก์เป็นลูกคนดอกทอง มารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นคนดอกทอง ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493ได้นิยามคำว่า "ดอกทอง" ไว้ว่า หมายถึงหญิงใจง่ายในทางประเวณี คำด่าดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการด่ามารดาโจทก์เป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณีและมารดาโจทก์จะชักชวนให้โจทก์ไปเป็นหญิงใจง่าย ในทางประเวณี อันเป็นการหมิ่นประมาทมารดาโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1500(2) โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยา ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อน จึงจะแบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1518 บัญญัติว่าในระหว่างสามีภริยา ให้แบ่งความรับผิดในหนี้ที่จะต้องรับผิดด้วยกัน ตามส่วนที่จะได้สินสมรสนั้น เป็นเพียงบทบัญญัติยกเว้นของ มาตรา 296 ที่ให้ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นเท่านั้น ส่วนการที่จะให้สามีภริยารับผิดในหนี้ร่วมต่อกันตามมาตรา 1518 นั้น จะต้องรับผิดต่อเมื่อสามีหรือภริยาได้ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปแล้ว หากฝ่ายที่ ชำระหนี้ร่วมให้แก่เจ้าหนี้ไปเกินส่วนที่ตนได้สินสมรสไปเท่าใด ก็มีสิทธิเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชดใช้ ให้ มิใช่ว่าเมื่อมีหนี้ร่วม หากสามีหรือภริยาฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ถ้ามีเหตุหย่า และต้องแบ่งสินสมรสแล้วจะต้องหักหนี้ร่วมออกจากสินสมรส ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเก็บรักษาไว้เพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ก่อน จึงจะแบ่งสินสมรสส่วนที่เหลือกัน จำเลยจะขอหักหนี้ดังกล่าวออกเพื่อ จำเลยจะนำไปชำระให้แก่เจ้าหนี้ก่อนแล้วจึงแบ่งสินสมรสกันไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914-915/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินหลังหย่า และสิทธิในการยึดทรัพย์ของเจ้าหนี้
โจทก์จำเลยหย่าขาดจากสามีภริยากัน แต่มิได้แบ่งทรัพย์สินกัน เมื่อหย่ากันแล้วโจทก์กับสามียังคงอยู่ด้วยกันและมีบุตรอีก 2 คน โจกท์ได้เอาเงินที่มิได้แบ่งเมื่อตอนหย่าและเป็นเงินที่โจทก์กับสามีทำมาหาได้ด้วยกันมาซื้อที่ดินและปลูกเรือนพิพาทอยู่ด้วยกันกับสามี เป็นการแสดงว่าโจทก์กับสามีแสดงเจตนาเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินและเรือนพิพาท เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของสามีมีสิทธินำเจ้าพนักงานยึดทรัพย์พิพาทส่วนของสามีได้ โจทก์มีสิทธิเพียงแต่ร้องขอกันส่วนของโจทก์เท่านั้น ไม่มีสิทธิขอให้ปล่อยทรัพย์พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขอให้ชำระหนี้ค่าอุปการะเลี้ยงดูระหว่างการฟ้องหย่า: ศาลแสดงว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดได้
ภริยาขอหย่าขาดจากสามีเมื่อมีหนี้อันเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่นต้องไปซื้อเชื่อสิ่งของและกู้ยืมเงินผู้มีชื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับการครองชีพของตัวภริยาและบุตรซึ่งสามีมีหน้าที่ต้องรับผิด และเมื่อภริยาเรียกร้องให้สามีชำระ สามีก็ไม่ชำระให้ ดังนี้ ย่อมตกเป็นภาระแก่ภริยา ภริยาย่อมขอให้ศาลแสดงว่าสามีมีหน้าที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวได้ และศาลก็พิพากษาให้สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดในหนี้ตามจำนวนที่ภริยาฟ้องมานั้นได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ ไม่ได้ หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1436/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องภริยาเรียกค่าเลี้ยงดูจากสามี กรณีหนี้เกิดจากการอุปการะเลี้ยงดูครอบครัว
ภริยาขอหย่าขาดจากสามีเมื่อมีหนี้อันเกี่ยวกับค่าอุปการะเลี้ยงดู เช่นต้องไปซื้อเชื่อสิ่งของและกู้ยืมเงินผู้มีชื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นกับการครองชีพของตัวภริยาและบุตรซึ่งสามีมี ีหน้าที่ต้องรับผิด และเมื่อภริยาเรียกร้องให้สามีชำระ, สามีก็ไม่ชำระให้ดังนี้ย่อมตกเป็นภาระแก่ภริยา, ภริยาย่อมขอให้ศาลแสดงว่าสามีมีหน้าที่จะต้องรับผิดชำระหนี้ดังกล่าวได้ และศาลก็พิพากษาให้สามีมีหน้าที่ต้องรับผิดในหนี้ตามจำนวนที่ภริยาฟ้องมานั้นได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ไม่ได้หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้
ในกรณีดังกล่าวนี้ภริยาจะฟ้องแทนเจ้าหนี้โดยเจ้าหนี้ไม่ได้มอบอำนาจให้ไม่ได้หรือจะฟ้องให้สามีชำระหนี้แก่ภริยาเพื่อภริยาจะได้นำไปชำระแก่เจ้าหนี้ก็ไม่ได้